คุก26แกนนำกปปส. สุเทพอ่วม5ปี/'บี-ตั้น-ถาวร'หลุดรมต.!


เพิ่มเพื่อน    


    ศาลสั่งจำคุก 26 แกนนำ-แนวร่วม กปปส. ยกฟ้อง 12 ราย "กำนัน" โดน 5 ปี "พุทธะอิสระ" 4 ปี 8 เดือน "ณัฏฐพล-พุทธิพงษ์-ถาวร" อ่วม 5-7 ปี หลุดทั้ง รมต.และ ส.ส. "ชุมพล" หนักสุด 9 ปี 24 เดือน 8 รายไม่ได้ประกันนอนคุกรอศาลอุทธรณ์สั่ง "สุเทพ" ลั่นยังรับใช้ชาติ-ศาสน์-กษัตริย์ไม่เปลี่ยนแปลง พปชร.นัด กก.บห.ถกปรับ ครม.สัปดาห์หน้า
    ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส. ชุดใหญ่สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำ และแนวร่วม กปปส. รวม 39 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ โดยนายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัวทุกคน
    คดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องพฤติการณ์ความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย.2556-1 พ.ค.2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคลชื่อ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือกลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพเป็นเลขาธิการ โดยร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบเพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.
    จากนั้น กปปส.จะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 ม.ค.-2 มี.ค.2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานครด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน
    โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 135/1, 209, 210, 215, 216, 362, 364, 365 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 76, 152
สุเทพนำ กปปส.ขึ้นศาล
    วันนี้ นายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. กับพวกจำเลยรวม 37 คน เดินทางมาศาล ส่วน พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ จำเลยที่ 11 เสียชีวิตแล้ว ขณะที่ พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ จำเลยที่ 32 ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำด้วยคดีอื่น ให้รับฟังคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำ ขณะที่บรรยากาศในศาล มีผู้ชุมนุมอดีต กปปส.จำนวนหนึ่งมามอบดอกไม้ให้กำลังใจจำเลยคดี กปปส. พร้อมร่วมรับฟังคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่ศาลจัดแยกไว้ให้ที่ห้องพิจารณา 701 ด้วย ในส่วนการรักษาความปลอดภัย มีเจ้าพนักงานตำรวจศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พหลโยธินร่วมกันดูแลความสงบเรียบร้อย
    ศาลเริ่มอ่านคำพิพากษาเวลา 10.51 น. เสร็จสิ้นในเวลา 17.20 น. โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว พวกจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการตั้งเวทีชุมนุมปราศรัย เคลื่อนไปสถานที่ราชการ เป็นการชุมนุมสันติ ไม่รุนแรง ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการปกปิด ซ่อนเร้นอำพรางเพื่อทำผิดกฎหมาย การชุมนุมคัดค้านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ขับไล่ระบอบทักษิณ เป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีเจตนายุยงปลุกระดมกระทำผิดอาญา หากมีผู้ใดกระทำความผิดอาญาต้องแยกการกระทำเฉพาะราย ไม่อาจกล่าวหาเหมารวมว่าร่วมกันกระทำความผิด ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มุ่งหวังรัฐบาลลาออก ปฏิรูปแก้ปัญหาประเทศก่อนเลือกตั้ง ไม่มีลักษณะล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญ คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญผูกพันผู้เกี่ยวข้องและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วินิจฉัยแล้วไม่มีเจตนาความผิดฐานกบฏ มีเพียงการกระทำในแต่ละข้อหาอาญาเท่านั้น
    กรณีการชุมนุมเพื่อไม่ให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ เห็นว่าข้าราชการเป็นกลไกรัฐ ไม่ได้รับใช้ระบอบทักษิณตามที่กล่าวอ้าง การที่จำเลยจัดเคลื่อนขบวนไปให้หน่วยงานหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นการก่อให้ละเว้น หยุดงาน เสียหาย ไม่ให้รัฐบาลใช้อำนาจบริหาร ทำให้เกิดความปั่นป่วนเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ ประชาชนไม่อาจติดต่อราชการได้ หน่วยงานป้องกันรักษาความปลอดภัยต้องปิดประตู กั้นเขตไม่ให้มีการบุกรุก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและตำรวจไม่อาจคาดเดาได้ว่าผู้ชุมนุมมีอาวุธหรือไม่ การที่จำเลยนำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ราชการ ให้จำเลยกับผู้ชุมนุมเข้าไปตรวจสอบว่ามีการทำงานหรือไม่ การที่เจ้าหน้าที่ยอมให้ตรวจสอบนั้น เกิดจากผู้ชุมนุมเรียกร้องกดดันคุกคามให้อยู่ในภาวะจำยอม ไม่ถือว่าได้อนุญาต เป็นการเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันควร ทำให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ผู้ชุมนุมนำโซ่มาคล้องกุญแจ เอากาวหยอด เพื่อมิให้ปฏิบัติหน้าที่ การที่จำเลยนำผู้ชุมนุมไปปิดสถานที่ราชการ ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น ไม่มีเหตุอันสมควร ยุยงหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล ไม่ใช่ความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความปั่นป่วน
    ต่อมา คำพิพากษาของศาลได้บรรยายถึงพฤติการณ์ในส่วนของจำเลยโดยละเอียด แบ่งเป็นสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการนำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมสถานที่ราชการต่างกรรมต่างวาระ รวมถึงการขัดขวางการเลือกตั้งที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง, สำนักงานเขต และหน่วยเลือกตั้งต่างๆ ในกรุงเทพฯ โดยในกรณีขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลเห็นว่าเป็นการกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ และไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต ก่อให้เกิดความปั่นป่วน เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ไม่ใช่เพียงเรียกร้องให้ปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งแต่อย่างใด ทั้งนี้ ไม่อาจอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะมายกเว้นการกระทำความผิดได้
ยกฟ้องข้อหาก่อการร้าย
    ส่วนความผิดฐานก่อการร้าย ที่ฟ้องนายสุเทพ จำเลยที่ 1 กับนายชุมพล จุลใส จำเลยที่ 3 เนื่องจากมีการบุกตัดสัญญาณเครือข่ายโทรคมนาคมที่ทีโอทีนั้น ศาลเห็นว่าไม่มีพยานยืนยันจำเลยที่ 1, 3 เป็นผู้ก่อเหตุหรือร่วมรู้เห็นเชื่อมโยงกับการก่อเหตุ พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักลงโทษจำเลยที่ 1, 3 ฐานก่อการร้ายได้
    ดังนั้น จำเลยที่ 1, 3-10, 12, 14-17, 19-20, 24-27, 30, 33-35, 37-38 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, 117 วรรคหนึ่ง, 215 วรรคสอง, 206, 358, 365 (2) (3), 362, 364 ประกอบ 83, 86 (เฉพาะจำเลยที่ 12 และที่ 14 มาตรา 86 ด้วย) และจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33, 38  มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550   
    การกระทำของจำเลยที่ 1, 3, 4, 5, 7, 8, 15, 16, 17, 24, 29, 33, 34, 38 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษแต่ละกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ, ร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันบุกรุกสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น
    สำหรับจำเลยที่ 12, 14 ผิดฐานร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนผู้ร่วมกระทำความผิดฐานร่วมกันยุยงฯ และฐานร่วมกันบุกรุก (เฉพาะจำเลยที่ 12) การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุด ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาลจำคุกจำเลยที่ 1 (2 กระทง) ที่ 3 (6 กระทง), ที่ 4 (5 กระทง), ที่ 5 (6 กระทง), ที่ 6 (1 กระทง), ที่ 7 (4 กระทง), ที่ 8 (2 กระทง), ที่ 9 (1 กระทง), ที่ 10 (1 กระทง), ที่ 15 (3 กระทง), ที่ 16 (3 กระทง), ที่ 17 (2 กระทง), ที่ 18 (1 กระทง), ที่ 20 (1 กระทง), ที่ 24 (2 กระทง), ที่ 25 (1 กระทง), ที่ 26 (2 กระทง), ที่ 29 (2 กระทง), ที่ 30 (1 กระทง), ที่ 35 (1 กระทง) ส่วนจำเลยที่ 12 ให้ลงโทษฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ (1 กระทง), ที่ 14 (1 กระทง) จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน และสำหรับจำเลยที่ 6, 9, 10, 12, 14, 19, 20, 25, 35 ให้ปรับกระทงละ 20,000 บาท ปรับจำเลยที่ 17 จำนวน 40,000 บาท
    ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ จำเลยที่ 1 (3 กระทง), ที่ 3 (3 กระทง), ที่ 4 (2 กระทง), ที่ 5 (1 กระทง), ที่ 7 (1 กระทง), ที่ 8 (4 กระทง), ที่ 16 (1 กระทง), ที่ 24 (2 กระทง), ที่ 30 (1 กระทง), ที่ 33 (2 กระทง) และที่ 34 (1 กระทง) จำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน สำหรับจำเลยที่ 38 ปรับ 20,000 บาท
    ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก ให้จำคุกจำเลยที่ 3, 5, 34 คนละ 1 ปี
    ฐานร่วมกันบุกรุกสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นในเวลากลางคืน และฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีอัตราโทษหนักที่สุด ให้จำคุกจำเลยที่ 34 มีกำหนด 1 ปี
    ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น จำคุกจำเลยที่ 34 เป็นเวลา 6 เดือน, ที่ 37 จำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท ความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้ ให้ลงโทษจำเลยที่ 3 (2 กระทง), ที่ 5 (1 กระทง), ที่ 8 (2 กระทง), ที่ 16 (1 กระทง), ที่ 24 (2กระทง), ที่ 33 (2 กระทง), ที่ 38 (1 กระทง) ให้จำคุกกระทงละ 1  ปี และปรับจำเลยที่ 38 จำนวน 20,000 บาท เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33, 38 มีกำหนด 5 ปี
    โดยทางพิจารณา จำเลยดังกล่าวนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เห็นสมควรลดโทษกระทงละ 1 ใน 3 ฐานร่วมกันยุยงให้เกิดการร่วมกันหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล, ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ, ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ, ฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยผู้ใดผู้หนึ่งมีอาวุธเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก, ฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น, ฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้
จำคุกกราวรูด 26 ราย
    พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำคุก 5 ปี,  จำเลยที่ 3 นายชุมพล จุลใส จำคุก 9 ปี 24 เดือน, จำเลยที่ 4 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำคุก 7 ปี, จำเลยที่ 5 นายอิสสระ สมชัย จำคุก 7 ปี 16 เดือน, จำเลยที่ 6 นายวิทยา แก้วภราดัย จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 7 นายถาวร เสนเนียม จำคุก 5 ปี, จำเลยที่ 8 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำคุก 6 ปี 16 เดือน, จำเลยที่ 9 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 10 น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 11 พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ (เสียชีวิต)
    จำเลยที่ 12 นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 14 นายถนอม อ่อนเกตุพล จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 15 นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำคุก 3 ปี, จำเลยที่ 16 นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ จำคุก 4 ปี 8 เดือน, จำเลยที่ 17 นายสาธิต เซกัล จำคุก 2 ปี ปรับ 26,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 19 พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 20 พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 24 เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำคุก 4 ปี 16 เดือน, จำเลยที่ 25 นายมั่นแม่น กะการดี จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 26 นายคมสัน ทองศิริ จำคุก 2 ปี  
    จำเลยที่ 29 นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำคุก 2 ปี, จำเลยที่ 30 นายสุริยะใส กตะศิลา จำคุก 2 ปี, จำเลยที่ 33 นายสำราญ รอดเพชร จำคุก 2 ปี 16 เดือน, จำเลยที่ 34 นายอมร อมรรัตนานนท์ จำคุก 20 เดือน, จำเลยที่ 35 นายพิเชษฐ พัฒนโชติ จำคุก 1 ปี ปรับ 13,333 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 37 นายกิตติชัย ใสสะอาด จำคุก 4 เดือน ปรับ 6,666 บาท รอลงอาญา 2 ปี, จำเลยที่ 38 นางทยา ทีปสุวรรณ จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 26,666 บาท  รอลงอาญา 2 ปี
    โดยจำเลยทั้ง 12 คนที่รอลงอาญานั้น ศาลให้เหตุผลว่า บางคนเป็นเพียงผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น แม้บางคนจะเป็นแกนนำในการชุมนุมด้วยก็ตาม แต่ความผิดที่จำเลยแต่ละคนกระทำนั้นน้อยกว่าจำเลยอื่นอีก ทั้งไม่ปรากฏว่ามีพฤติการณ์อุกอาจหรือรุนแรงจากการชุมนุม ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยดังกล่าวเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยดังกล่าวกลับตัวเป็นพลเมืองดี นอกจากนี้ ยังให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 3, 5, 8, 16, 24, 33, 38 มีกำหนดคนละ 5 ปี และให้นับโทษของจำเลยที่ 15, 25, 30 ต่อจากโทษตามท้ายฟ้องด้วย
    ขณะที่ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องจำเลย 12 คน ประกอบด้วย จำเลยที่ 2 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, จำเลยที่ 13 นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์, จำเลยที่ 18 น.ส.รังสิมา รอดรัศมี, จำเลยที่ 21 นายแก้วสรร อติโพธิ, จำเลยที่ 22 นายไพบูลย์ นิติตะวัน,  จำเลยที่ 23 นายถวิล เปลี่ยนศรี, จำเลยที่ 27 พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์, จำเลยที่ 28 นายพิภพ ธงไชย, จำเลยที่ 31 นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด, จำเลยที่ 32 พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์,    จำเลยที่ 36 นายสมบูรณ์ ทองบุราณ, จำเลยที่ 39 นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง 
    ต่อมาพวกจำเลยที่ถูกพิพากษาลงโทษไม่รอลงอาญา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์กรมธรรม์ประกันอิสรภาพ ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลพิเคราะห์คำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้ว อนุญาตให้ประกันตัว นายสมศักดิ์ จำเลยที่ 15, นายคมสัน จำเลยที่ 26, นายสาวิทย์ จำเลยที่ 29, นายสุริยะใส จำเลยที่ 30, นายสำราญ จำเลยที่ 33, นายอมร จำเลยที่ 34 โดยตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท 
ส่ง 8 แกนนำเข้าเรือนจำ
    ส่วนนายสุเทพ จำเลยที่ 1, นายชุมพล จำเลยที่ 3, นายพุทธิพงษ์ จำเลยที่ 4, นายอิสสระ จำเลยที่ 5, นายถาวร จำเลยที่ 7, นายณัฏฐพล จำเลยที่ 8, นายสุวิทย์ จำเลยที่ 16, เรือตรีแซมดิน จำเลยที่ 24 ศาลอาญาเห็นควรให้ส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป ซึ่งนายสุเทพกับพวกจำเลยรวม 8 คน จึงต้องถูกควบคุมตัวไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก่อนระหว่างรอคำสั่งศาลอุทธรณ์ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวจำเลยทั้ง 8 คนไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่บริเวณใต้ศาลอาญา มีผู้ชุมนุม กปปส.มารอส่งตัว พร้อมตะโกนร้องเพลงสู้ไม่ถอย และตะโกน "หลวงปู่สู้ๆ"
    ทั้งนี้ นายสุเทพโพสต์เฟซบุ๊กว่า "เรียนพี่น้องร่วมอุดมการณ์ทุกท่าน วันนี้พวกเราแกนนำ กปปส. ถูกพิพากษาลงโทษจำคุกคนละหลายปี อย่างไรก็ตาม ทุกคนยังยึดมั่นในอุดมการณ์ รับใช้ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เปลี่ยนแปลงครับ"
    นายณัฏฐพลโพสต์เฟซบุ๊กว่า "ผมตระหนักในผลของการกระทำของผมอยู่เสมอว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำไปนั้นเพื่ออะไร เมื่อได้รับโอกาสให้เข้ามาอยู่ ณ ตำแหน่งนี้ ก็ยังคงอยู่ในหลักการนั้น ผมจึงตั้งมั่นอยู่เสมอว่า จะต้องพลิกการศึกษาไทยให้ได้ ผมขอขอบคุณบุคลากรทุกท่านในกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบการศึกษาไทย และร่วมเดินทางกันมากว่า 1 ปีครึ่ง ถึงผมจะไม่สามารถอยู่ตรงนี้ได้จนเห็นแผนงานทั้งหมดสัมฤทธิผล แต่ผมขอฝากอนาคตของการศึกษาไทยไว้กับพวกท่านด้วยครับ"
    นางทยาโพสต์เฟซบุ๊กว่า " What will be will be....พวกเราทำดีที่สุด ณ เวลานั้น เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เคยคิดเสียใจ และจะน้อมรับคำตัดสินศาลอย่างสง่างาม...ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ" 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อศาลมีคำตัดสินจำคุกผู้เป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (7) จะหลุดจากตำแหน่งทันทีตั้งแต่มีคำพิพากษา 
    นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรณีสถานภาพการเป็น ส.ส.ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 (6) ระบุถึงลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. เรื่องการถูกคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หมายความว่า หาก ส.ส.ถูกคำพิพากษาให้จำคุก และไม่ได้รับการประกันตัว การถูกคุมขัง จะทำให้สถานภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงทันที แต่ถ้าได้รับการประกันตัว ไม่ถูกคุมขังถือว่า สถานภาพ ส.ส.ยังดำรงอยู่ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากคำพิพากษาของศาล มีผลทำให้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีทันที และการที่ศาลสั่งให้คุมขังเนื่องจากยังไม่ให้ประกันตัว ทำให้ทั้งสามพ้นสถานภาพความเป็น ส.ส.ด้วย รวมถึงนายชุมพล ส.ส.ชุมพร จุลใส และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องพ้นสถานภาพ ส.ส.เช่นกัน
    โดยผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่จะถูกเลื่อนขึ้นมาแทนนายณัฏฐพลและนายพุทธิพงษ์คือ นายยุทธนา โพธสุธน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 21 ซึ่งเป็นหลานของนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา และนายต่อศักดิ์ อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 22 ญาติของนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม แกนนำกลุ่มสมุทรปราการก้าวหน้า ขณะที่นายจักรพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ หรือ ส.จ.เซ้ม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ลำดับที่ 26 จะเลื่อนขึ้นมาแทนนายอิสสระ
    มีรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า พปชร.เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเรื่องการปรับ ครม.ที่จะมีขึ้น โดยจะเป็นการปรับเพื่อรองรับการเลือกตั้งในอนาคตด้วย ส่วนกระทรวงที่ไม่มีรัฐมนตรีนั้น นายกฯ จะมอบหมายให้รองนายกฯ ไปกำกับดูแลแทนก่อนระหว่างรอรัฐมนตรีใหม่.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"