พปชร.เดิมพันแย่งชามข้าว ท้าทาย "3 ป." ระวังจบไม่สวย


เพิ่มเพื่อน    

ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์ 2 ต่อเนื่องด้วยเหตุการณ์ช็อกทางการเมือง เมื่อศาลอาญาตัดสินจำคุกแกนนำ กปปส.ในคดีล้มเลือกตั้ง ชัตดาวน์กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้รัฐมนตรี กปปส. 3 คนในรัฐบาล "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หลุดจากตำแหน่งทันที ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอีเอส นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 (7)

        บางคนยังพ่วงเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี คือ นายณัฏฐพล และภรรยาคือ นางทยา ทีปสุวรรณ ก็มีแนวโน้มหมดสิทธิ์ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ในปลายปีนี้อีกด้วย

        การพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี กปปส.ทั้ง 3 คน ถือไฟลต์บังคับให้ "บิ๊กตู่" จะต้องรีบ ปรับ ครม. ภายในเดือนมีนาคมนี้ รวมทั้งนายกฯ ยังสั่งการให้ไปคุยกันระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลให้เรียบร้อย ท่ามกลางกระแสที่โยนออกมาอาจมีการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงเกิดขึ้นได้ ขณะที่ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดไฟเขียวยึดโควตาทั้ง 2 ตำแหน่งของ กปปส. กลับเป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

        ร้อนไปถึงศึกพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ อยู่เฉยไม่ได้ โดยเฉพาะในรายพรรคประชาธิปัตย์พลังต่อรองน้อยลง เพราะ ส.ส.ลดหายไป 3 คน จากคดี กปปส. รวมทั้งในพรรคยังขาดเอกภาพ เมื่อ 3 ส.ส.งดออกเสียงให้หัวหน้าพรรคตัวเอง และรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลอีกด้วย ในศึกซักฟอกครั้งที่ผ่านมา

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องเดินทางเข้าพบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทันที โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ร่วมด้วย เพื่อแสดงความเป็นพันธมิตรด้วยคะแนนเสียง ส.ส.นับร้อยเสียง ภท. 61 เสียง และ ปชป. 48 เสียง โชว์พลังความกลมเกลียวเป็นพันธมิตรไปไหนไปด้วยกัน เพื่อรักษาโควตารัฐมนตรีเดิมเอาไว้ และไม่อยากให้เกิดการปรับ ครม.ใหญ่เพียงต้องการให้นายกฯ หาคนมาแทนรัฐมนตรีที่หายไป 3 คน และเป็นไปตามโควตาเดิม

นายสาธิตกล่าวย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้องรักษาโควตาเก้าอี้ไว้ และยืนยันสัดส่วนไว้เช่นเดิม ส่วนจะปรับใครขึ้นมาแทนนายถาวรนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ ส.ส. การจะหาคนมาแทนต้องเสนอชื่อมาให้ที่ประชุมพิจารณาเพื่อคัดเลือกคนมาแทน

ถัดมาที่ พปชร. พรรคแกนนำหลักจัดตั้งรัฐบาล วินาทีต่อมา มหกรรมแย่งชามข้าว ก็เกิดขึ้น แต่ละมุ้งแต่ละก๊วนใน พปชร.ออกทวงถามเก้าอี้ ครม.แบบด้านได้อายอด ไม่สนใจมารยาททางการเมือง และจำต้องเกรงใจเจ้าของพรรคคือ "3 ป." ผู้ถืออำนาจตัวจริง

         โดยมี ขาใหญ่ ประจำพรรคเดินเกมเปิดปฏิบัติการสายฟ้าแลบ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ระหว่างที่รัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 ในวาระที่ 2 ด้วยการล่ารายชื่อ ส.ส.ของพรรค 90 คน แสดงจุดยืนในการปรับ ครม.ว่าไม่เห็นด้วยในการจะนำคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี โดยเป็นหนังสือขอมอบอำนาจให้ พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร.คัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง

         เนื้อหาระบุว่า "ด้วยข้าพเจ้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรค พปชร.ที่ลงรายชื่อท้ายหนังสือนี้ มีความประสงค์ขอมอบอำนาจให้ท่านหัวหน้าพรรค พปชร.คัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างลง หากท่านหัวหน้าพรรคได้เลือกบุคคลใดให้เป็นรัฐมนตรีให้ถือเป็นเด็ดขาด และให้ถือว่า ส.ส.พรรค พปชร.ที่ลงลายมือชื่อนั้นได้เห็นชอบด้วยทุกประการ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา"

        การเคลื่อนไหวเหล่านี้มีเสียงแววว่า ผู้เดินเกมคือ "ขาใหญ่" ที่บัดนี้หันมาผนึกกำลังกับกลุ่ม 3 รัฐมนตรีมากบารมี มี ส.ส.ในมือประมาณ 40 คน และดูแลพรรคเล็กอีก 5-7 คน และทำงานใกล้ชิด "บิ๊กป้อม" หวังเลื่อนชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ หรือขยับเก้าอี้ให้ดีขึ้นทั้ง 3 คน พร้อมขยายฐานผลักดันกลุ่ม ส.ส.ใต้ 13 เสียงที่ดูแล หรือเด็กในคาถาได้นั่งตำแหน่ง รมช.เพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง

         แรงเขย่ายังไปกระทบเจ้าของเก้าอี้เดิมและไปตกที่รัฐมนตรีที่บาดเจ็บจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมาอย่าง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้คะแนนรองบ๊วย จึงเป็นเหตุให้รัฐมนตรีผู้นี้ที่ดูแล ส.ส.ภาคกลางและภาคตะวันออกหลายสิบคน ข่าวว่าได้แยกทางกับ "ขาใหญ่" ประจำพรรค และเปลี่ยนไปผนึกกำลังร่วมกับกลุ่ม 3 มิตร ที่มี ส.ส.ในมือประมาณ 30 คนถ่วงดุลอำนาจ ขณะเดียวกันกลุ่ม 3 มิตรก็คาดหวังจะเกลี่ยตำแหน่งใหม่ให้ดีขึ้น และหากมีโอกาสได้เก้าอี้เพิ่มขึ้นให้คนในกลุ่มได้เป็นเสนาบดี ก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

        สะท้อนได้จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองได้จากกรณี นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และมีนายสุชาติร่วมด้วย ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ที่มี พล.อ.ประวิตรเป็นประธานเสร็จสิ้น เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

        กลับมาที่การล่ารายชื่อของ ส.ส. 90 คน ได้เกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรคแบ่งเป็น 2 ฝ่าย โดยมีกระแสข่าวจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการล่ารายชื่อครั้งนี้ และไม่ร่วมลงชื่อด้วยว่า ฝ่ายที่ทำการล่ารายชื่อได้อ้างชื่อหัวหน้าพรรคเป็นคนสั่ง โดยหัวหน้าพรรคไม่ได้รู้เรื่องด้วย จากเหตุดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์

         ขณะที่กลุ่มล่ารายชื่อ ส.ส.ย้ำสิ่งที่ทำไม่ได้มีอะไรซ้ำซ้อน ต้องการแสดงจุดยืนของพรรคในการค้านคนนอกมาเป็นรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตรทราบเรื่องแล้ว ไม่มีการตำหนิ ส.ส.แต่อย่างใด และสนับสนุนคนในพรรคเพื่อเอามาช่วยงาน หากตั้งคนนอกเข้ามา มีข้อเสียคือไม่ช่วยงานพรรค

          ศึกแย่งชามข้าวใน พปชร.ครั้งนี้ ถือว่าท้าทายอำนาจ "บิ๊กตู่" ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ป.อย่างมาก โดยไม่เกรงใจประชาชน และพลังอำนาจแฝง ผ่านนั่งร้านสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ส.ว. 250 คน โดยมี 6 ผู้นำเหล่าทัพ ที่สวมหมวก ส.ว.ร่วมอยู่ด้วย และองค์กรอิสระต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ ที่ คสช.มีส่วนในการแต่งตั้ง ที่สามารถให้คุณให้โทษนักการเมืองได้ทุกเมื่อ เพื่อทำให้ 3 ป.บรรลุเป้าหมาย

หากยังจำได้ สำหรับการใช้ ส.ส.ล่ารายชื่อและกดดันเจ้าของอำนาจ 3 ป. เช่นนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ ส.ส.พปชร.คิดท้าทายนายกฯ มาแล้วในการปรับ ครม.ครั้งที่ผ่านมา หวังทำให้พี่น้อง 3 ป.แตกคอกัน โดย พปชร.เคยมีมติให้ พล.อ.ประวิตรนั่ง รมว.มหาดไทย ควบรองนายกฯ แทน "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็น รมว.พลังงาน

         แต่ท้ายที่สุด "บิ๊กป้อม" หัวหน้าพรรค พปชร.ก็เลือกพี่น้อง 3 ป. ซึ่งเป็นเลือดแท้เพื่อควบคุมดุลอำนาจการเมืองไทยต่อไป ขณะที่นักการเมืองผู้เคลื่อนไหวต้องเจ็บตัว บอบช้ำ และบางคนก็ถูกขุดคดีเก่าขึ้นมาขู่ให้ยอมศิโรราบ

        ดังนั้น ส.ส.พปชร.ที่ไม่หวังดี คิดกำเริบเสิบสานกับ "ผู้นำ 3 ป." ต้องพึงระวังตัว นอกจากทำให้ภาพลักษณ์นักการเมืองอ่อนแอ ตอกย้ำวิกฤติศรัทธาให้แก่ประชาชนแล้ว ยังมีบทเรียนสำคัญสำหรับผู้ท้าทายอำนาจ ชีวิตทางการเมืองมักจบลงไม่สวย โดยมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"