‘ลุอำนาจ-คอร์รัปชัน’ จุดตายรัฐบาล นโยบายฐานราก ต่อวีซ่าอำนาจ?


เพิ่มเพื่อน    

 จากรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ก้าวเข้าสู่ 22 พ.ค.2561 ครบเทอม 4 ปี รัฐประหาร ได้รับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้ ทั้ง 2 ฝ่ายมีทั้งนักการเมือง นักวิชาการ ภาคประชาชน ฝ่ายชื่นชมมีทั้งคนอยู่ในอำนาจ แนวร่วมสนับสนุนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ฝ่ายมอบก้อนอิฐ นำโดยเครือข่ายอำนาจเก่า พรรคเพื่อไทย แถลงการณ์ 4 ปีระบุถึงความล้มเหลว คสช. 7 ด้าน 1.ล้มเหลวในการปฏิรูปประเทศ 2.ล้มเหลวสร้างความปรองดอง 3.ล้มเหลวปราบทุจริตคอร์รัปชัน 4.ล้มเหลวในการทำให้บ้านเมืองมีประชาธิปไตย 5.ล้มเหลวปกป้องสิทธิมนุษยชน 6.ล้มเหลวแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และ 7.ล้มเหลวในภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า ไม่เท่านั้น ‘ชูศักดิ์ ศิรินิล’ ‘จาตุรนต์ ฉายแสง’ ‘วัฒนา เมืองสุข’ 3 แกนนำพรรค ตามอัดผลงานรัฐบาลทหาร โฟกัสไปในเรื่องสิทธิมนุษยชน ย้อนเกล็ด คสช.หนึ่งในภารกิจสำคัญ ขจัดความขัดแย้ง แต่ในวันนี้กลับลงมาเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ ‘ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยปัจจุบันถดถอย จากช่วงหลังปี 2535 อย่างชัดเจน ต้องถามว่าหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ เราต้องการการเมืองที่เดินไปข้างหน้าอย่างก้าวหน้า โดยไม่มีการสะดุดล้มลงอย่างที่ผ่านมาหรือไม่ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทำให้เกิดคำถามว่าการเมืองจะเดินหน้าได้มากน้อยแค่ไหน’

น้ำเสียงนักการเมืองประชาธิปัตย์ แม้จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่เป็นลักษณะติเพื่อก่อ ในส่วนพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง บทบาททางเปิด ตอกย้ำความผิดพลาดแนวร่วมกองเชียร์ให้เป็นข้อมูลแล้วค่อยรอจังหวะน็อก ผ่านการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง เล่นได้เพียงเท่านี้ ผลจากเรื่องคดีที่เป็นชนักติดหลังแน่น ทำให้ขยับเคลื่อนตัวลำบาก คอยเอาใจช่วย กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นักเคลื่อนไหว แนวร่วมนักศึกษา นักกิจกรรม จะจุดติด สร้างฐานการรับรู้ ขยายแนวร่วมออกไปเรื่อยๆ

กลุ่มคนอยากเลือกตั้งนัดเคลื่อนไหวเดินขบวน 22 พ.ค. เมื่อเห็นตัวอย่างจาก ขาใหญ่แกนนำเพื่อไทย ยังจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ ตัวอย่าง นักการเมืองเพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลง ชำแหละผลงานรัฐประหาร 4 ปี ยังโดน 4 ข้อหาหนักตามมา แม้หลายคนจะบอกไม่กลัว พร้อมต่อสู้ทางข้อกฎหมาย แถมฝากด่ากลับ ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ถูกเลือกปฏิบัติ หวังปิดปากกระบวนการตรวจสอบ แต่ลึกๆ แล้วมันก็น่าหวั่นใจ การลากเข้าสู่ประเด็นไปถึงการยุบพรรค

ม็อบการเมืองบางกลุ่ม แม้บางฝ่ายจะประเมินเป็นเพียงม็อบฟันน้ำนม แต่พวกนี้รอน้ำผึ้งหยดเดียว เครือข่ายด้านนอกพรรค นักการเมือง นักรบไซเบอร์ แนวรบนอกประเทศ พร้อมขยับตามทันที ยังไม่นับรวม ม็อบเกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อนที่เริ่มก่อตัวมากขึ้น ม็อบความเดือดร้อนจากที่โดนปฏิบัติในวิชาชีพไม่เป็นธรรม กลุ่มพยาบาลกลุ่มด้านสิ่งแวดล้อม เป็นอะไรที่รัฐบาลทหาร แม้จะยังไม่เคลื่อนไหวให้กังวลใจ แต่ก็ประมาทไม่ได้ การเมืองกลุ่มอำนาจเก่า หากสบช่อง มีจังหวะ พร้อมผสมโรงแน่ 

ขณะที่ รัฐบาลประยุทธ์-องคาพยพ ต้องหันมามองตัวเอง จากเรื่องที่เกิดจากตัวเอง ไมค์ นาฬิกา ทีวี ราคาแพง จากการของบ สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ชงของบ ครม.กว่า 8,000 ล้าน โดยมีประเด็นดังกล่าวพ่วงไปทำให้สังคมคลางแคลงใจ

ประเด็นโครงการรับเหมาก่อสร้าง จัดซื้อจัดจ้างในกระทรวงต่างๆ ยังมีเสือเงียบ จ้องอยู่ ประเด็นแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ยศพลตรี เทียบเท่าข้าราชการซี 10 หรืออธิบดี ที่นักวิเคราะห์ต่างฟันธง เปิดช่องให้ทหารเข้าไปนั่งในองค์กรอิสระหลายแห่ง ปิดช่องความยุ่งยากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ตั้งสเปกไว้สูงสำหรับสายพลเรือน ประเด็นข้าวยากหมากแพง ประชาชนท้องไม่อิ่ม นำมาสู่หลายปัญหาทางสังคม

แต่ละเรื่องล้วนน่ากลัว เพราะเรื่องที่ว่ามันเป็นจุดตายรัฐบาลทหารมาหลายยุค โดยเฉพาะเรื่องคอร์รัปชัน กับลุแก่อำนาจ ที่ทำรัฐบาลไม่ว่าจะพลเรือนหรือทหาร พบจุดจบมานักต่อนัก

กลุ่มม็อบตั้งเค้า กลุ่มอำนาจเก่าเริ่มเข้าตาจน องคาพยพฝ่ายผู้มีอำนาจก็ทำตัวเอง กลิ่นอายความขัดแย้งเริ่มลอยมา กงล้อประวัติศาสตร์เลือด เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516, 6 ตุลา 2519 พฤษภาทมิฬ 2535 และพฤษภาเลือด 2553 หนีไม่พ้นการลุแก่อำนาจ คอร์รัปชัน เป็นทุนเดิม ทำให้วงม็อบขยาย เหตุการณ์จะซ้ำรอยอีกหรือไม่

เวลา 4 ปี รัฐประหาร ฝ่ายการเมือง แนวร่วมขาประจำ ใช้พื้นที่โลกโซเชียลโจมตีดุเดือด ร้อนถึงบิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ต้องออกโรงย้ำ ‘4 ปีของ คสช.นับเป็นก้าวแรกของการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง บางอย่างทำได้ก็ทำทันที ที่แย่กว่านั้น บางคน บางกลุ่ม ยังปกป้องผลประโยชน์ส่วนตน มองไม่เห็นผลประโยชน์ส่วนรวม วันนี้เราก็สามารถเริ่มต้นการปฏิรูปประเทศของเราไปแล้วหลายเรื่อง การปฏิรูปประเทศระยะเริ่มต้น 1.เรื่องการแก้จน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน การปฏิรูปของเราเริ่มจากการขจัดหนี้นอกระบบ สนับสนุนให้มีการฝึกอาชีพ ให้ความสำคัญในการบริหารทรัพยากรป่าไม้-ที่ดิน-น้ำ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ 2.เรื่องการแก้เหลื่อมล้ำ เพื่อสร้างความเสมอภาคในสังคม อาทิ ความเสมอภาคในกระบวนการยุติธรรม มีประชาชนเข้าถึงกองทุนยุติธรรมมากขึ้น กว่า 10,000 ราย 3.เรื่องการแก้โกง เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน เน้นการเปิดเผยข้อมูลกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

4.เรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและประชาคมโลก 3 ปีที่ผ่านมานั้น ได้ผลักดันให้เกิดการลงทุน วงเงินกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในแทบทุกโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน และสถานีขนส่งสินค้า 5.เรื่องการยกระดับการให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและการลงทุน 6.เรื่องการส่งเสริมการมีส่วนร่วม เพื่อสร้างความเข้มแข็งและปรองดองในสังคมและบ้านเมือง’

            เศรษฐกิจ ข่าวดีมีมากจากการทำงาน เฮียกวง-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ โน้มน้าวแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา หอบเงิน 1.1 หมื่นล้านบาท มาลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงลงนามความร่วมมือในการพัฒนาการท่องเที่ยวและบุคลากรในไทย เพิ่มพูนความรู้ด้านเทคโนโลยี อี-คอมเมิร์ช

ในโครงการเดียวกัน รัฐบาลวางแผนดึงเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ ในเดือน พ.ค. ออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนทั่วโลกร่วมประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ระยะทาง 220 กม. วงเงินกว่า 2.2 แสนล้านบาท ในเดือน มิ.ย.จะขายเอกสารประกวดราคาและเปิดยื่นซองประมูลภายในเดือน พ.ย.นี้ คาดว่าจะได้ผู้ชนะอย่างเร็วปลายปีนี้ หรือต้นปี 2562

SME เตรียมได้อานิสงส์ รัฐบาลให้โอกาสคนทำธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งทุน ได้อย่างสะดวก รวดเร็วขึ้น ดอกเบี้ยต่ำ บางโครงการไม่ต้องใช้ผู้ค้ำประกันด้วย เศรษฐกิจถือเป็นจุดแข็งรัฐบาล ประกอบกับตัวเลขส่งออกปีที่ผ่านมาเติบโตสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

แม้แต่กลุ่มอำนาจเก่า จะด่าก็ด่าไม่เต็มปาก เพราะรู้ดี เป็นการเล่นที่ตรงจุดในการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว หากทำสำเร็จ ประเทศจะพลิกโฉมหน้าประเทศครั้งใหญ่ แต่เป็นรัฐเองขาดการโหมประชาสัมพันธ์ ย่อยข้อมูลให้เข้าใจง่าย ให้เห็นเป็นรูปธรรม เรื่องการทำงานช่วย คนระดับกลาง ระดับบน ไม่มีปัญหา เหลือเพียงคนส่วนใหญ่ของประเทศ ชาวนา เกษตรกร คนหาเช้ากินค่ำ ฐานเสียงสำคัญ แต่กลายเป็น รัฐเองยังวนเวียนติดหล่มอำนาจและเกมการเมือง แต่กับนโยบายระดับฐานราก ยังไม่มีนโยบายรูปธรรมจับต้องได้อย่างแท้จริง

สิ่งค้ำยันทางอำนาจ ใช่มีเพียงกติกา กองกำลัง ผู้สนับสนุนฝ่ายการเมือง แต่หลังพิงใหญ่ ประชาชน คนส่วนใหญ่ เป็นทั้งผู้มอบฉันทานุมัติอย่างชอบธรรม ผ่านการหย่อนบัตร ให้ต่อวีซ่าอำนาจ หรือผู้โค่นล้ม ผ่านม็อบขนาดใหญ่ หรือในนามผู้ลงคะแนนเสียง ก็ทำได้เช่นกัน. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"