
จากจุดตั้งไข่ “ม็อบ 3 นิ้ว” เป็นคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา ออกมาเรียกร้อง แสดงความคิดเห็นตามสิทธิในระบอบประชาธิปไตย ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล “ประยุทธ์” ที่สืบทอดอำนาจจากการทำรัฐประหารตั้งแต่ปี 2557 ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งภายหลัง แต่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้า คสช. ก็ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำรัฐบาล “ประยุทธ์ 1-ประยุทธ์ 2” บริหารประเทศเรื่อยมา
“ม็อบปัญญาชน” หลายสถาบัน หลายเครือข่าย จัดชุมนุมปราศรัยตามสถานศึกษา ซึ่งเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ หลายสถาบันมีอาจารย์เป็นทั้งหัวเรือและอยู่เบื้องหลังในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ จากปัญหาเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หากินฝืดเคือง ไหนจะต้นปีที่ผ่านมาก็ถูกไวรัสโควิด-19 เล่นงาน ธุรกิจท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรมล้มเป็นโดมิโน ผู้รับผิดชอบคือรัฐบาล ที่ม็อบชี้เป้าเป็นผู้ต้องรับผิดชอบจากการบริหารที่ผิดพลาด ประชาชนเห็นด้วย แกนนำนัดชุมนุมครั้งใดมีผู้เข้าร่วมเรือนหมื่นเรือนแสน
ม็อบจุดติด แกนนำอย่างเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือรุ้ง น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้รับการยกย่องเป็นนักประชาธิปไตยรุ่นใหม่ นำนักศึกษา-ประชาชนจัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ถึงขนาดที่ว่าบีบีซีคัดเลือกให้ “รุ้ง ปนัสยา” ขึ้นแท่นผู้หญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพล ปี 2020 แต่ด้วยความห้าวหาญผิดที่ จากที่เรียกร้องไล่รัฐบาลประยุทธ์และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เหิมเกริมดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเล่นด้วย
เรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ จากม็อบ “มุ้งมิ้ง” ออกลายกลายเป็นม็อบที่เริ่มยกระดับความรุนแรง มีทีมการ์ดอาสาที่พร้อมเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มารักษาความปลอดภัย นักเรียน นักศึกษาเริ่มถอยห่าง ไม่เอาด้วย นัดทำกิจกรรมแต่ละครั้งมีผู้ชุมนุมหลักร้อย กลายเป็นคนเสื้อแดงหน้าเดิมๆ เข้ามาแทนม็อบปัญญาชน เมื่อข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง อุณหภูมิความร้อนยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แกนนำจาบจ้วงสถาบัน นำมวลชนปิดล้อมสถานที่ราชการจนเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ได้รับบาดเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่าย กฎหมายมาตรา 112 ถูกนำมาบังคับใช้
นายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, นายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร และนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ถูกนำตัวเข้าเรือนจำด้วยข้อหา 112 ดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี และองค์รัชทายาท ที่ร่วมชุมนุมกันวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง 4 แกนนำถูกจองจำด้วยมาตรา 112 ถูกนำมาเป็นแคมเปญเคลื่อนไหวในการชุมนุมโจมตีสถาบันเบื้องสูงและกระบวนการยุติธรรม
กระชากหน้ากากสันดานดิบแกนนำราษฎร นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ กระทำการอุกอาจย่ำยีหัวใจคนไทย ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม กลางดึกวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจเอกซเรย์พื้นที่พบหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิดระบุตัวตน รถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ใช้เวลาเพียง 2 วันแกะรอยตามลากคอได้ขณะหลบหนีไปซุกห้องเช่าที่ อ.พระนครศรีอยุธยา พนักงานสอบสวนค้านประกันตัว ส่งเข้าเรือนจำพิเศษธนบุรี
ม็อบ 3 นิ้วยกระดับ “ทุกคนคือแกนนำ” ภาพสะท้อนกระหายความรุนแรง มวลชนบุกล้อมบ้านพักหลวง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ที่กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ถนนวิภาวดี-รังสิต ย่านดินแดง มาตรการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่นั้น ได้นำตู้คอนเทนเนอร์มาวางตามแนวยาวของถนนคู่ขนาน เสริมด้วยลวดหนามหีบเพลงหลายชั้น แต่กลุ่มม็อบไม่ยี่หระ เข้าพังทลายแนวกั้น
โดยมีมวลชนทั้งหัวหงอกหัวดำคอยให้กำลังใจ ส่งเสริมให้เด็กกระทำผิดกฎหมาย เสมือนเป็นวีรบุรุษ การจราจรเส้นหลักเป็นอัมพาตหลายชั่วโมง เหตุการณ์บานปลายล้อมกรอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยหิน ไม้ ระเบิดปิงปอง จนต้องมีการใช้กำลังและอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนเข้าสลายการชุมนุม โดยใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยาง ทรัพย์สินราชการ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกเผาเสียหาย ได้รับบาดเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่าย
ภาพเหตุการณ์ความรุนแรงถูกม็อบนำมาเป็นข้ออ้างหาความชอบธรรมว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ยืนยันอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนที่ใช้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามลำดับและขั้นตอน ไม่ใช่การสลาย แต่เป็นการจับกุมผู้กระทำความผิดซึ่งหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 90 นาย เสียชีวิต 1 นายด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันขณะปฏิบัติหน้าที่ แต่ละม็อบจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ชุมนุม “ขอให้ผู้ชุมนุมมีสติ ไม่อยากให้เกิดภาพความรุนแรงหรือปะทะกันโดยไม่จำเป็น”
ตอกย้ำสถานการณ์ที่เพิ่มดีกรีความรุนแรง เจ้าหน้าที่จับกุมชายผู้หนึ่งพร้อมระเบิดไปป์บอมบ์ 18 ลูก ขณะขับรถยนต์กระบะอยู่กลางเมืองหลวง สี่แยกปทุมวัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่ใช้จัดกิจกรรมทางการเมืองแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อยู่บ่อยครั้ง
ท่าทางมีพิรุธจึงถูกสายตรวจ สน.ปทุมวันเข้าตรวจค้น พบปืนไทยประดิษฐ์และระเบิดไปป์บอมบ์ที่ทำขึ้นเอง อานุภาพทำลายล้างระยะ 3-5 เมตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนำตัวสอบเค้น พบความเชื่อมโยงที่จะนำเข้ามาก่อเหตุในการชุมนุม เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต้องสกัดกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ให้หลุดรอดเข้ามายังพื้นที่ชั้นในได้ ไม่งั้นบรรลัยแน่ ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์จะถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง
เช่นเดียวกับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่จับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมกลุ่มวีโว่ 18 คน ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน ตรวจค้นพบระเบิดควัน 30 ลูก เสื้อเกราะ หัวนอต ลูกแก้ว หนังสติ๊ก อ้างถูกเจ้าหน้าที่รังแกทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด
กรรมชี้เจตนา อ้างเพียงไปกินข้าว ถ้าไปกินข้าว ของกลางทั้งหมดนำไปเพื่ออะไร ระหว่างนำตัวไปดำเนินคดี มวลชนได้เข้าสกัดรถยนต์ชิงตัวผู้ต้องหา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ พร้อมปล้นทรัพย์ตำรวจที่เป็นพระเครื่องหลบหนีไปด้วย ทรัพย์สินราชการที่เป็นรถยนต์ถูกทุบทำลายได้รับความเสียหาย 9 คัน และขณะเจ้าหน้าที่เดินทางกลับผ่านกลุ่มผู้ชุมนุมที่ สน.พหลโยธิน ก็ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเฉี่ยวหัวตำรวจไปเพียงนิดเดียว
จากเดิม ม็อบมุ้งมิ้งเป็นม็อบของนิสิตนักศึกษา ปัญญาชน แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นกองกำลังของกลุ่มหัวรุนแรง สะสมอาวุธในการก่อความวุ่นวาย ยั่วยุให้เกิดความรุนแรง แต่ละกิจกรรมที่จัดขึ้น นักเรียน นักศึกษาที่เคยเข้าร่วมการชุมนุมก่อนหน้านั้น ตอนนี้แทบนับหัวได้
กลับมีแต่กลุ่มชายชุดดำปิดหน้าปิดตา หรือกลุ่มวัยรุ่นที่มีอารมณ์เกรี้ยวกราด ดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมจะเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อารมณ์กลบอุดมการณ์ ถึงแม้แกนนำพยายามปลุกระดมให้เดินตามข้อเรียกร้อง “ประยุทธ์ต้องลาออก เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ และปฏิรูปสถาบัน” แต่หางแถวไม่สามารถควบคุมกันได้ มีแต่เกิดปัญหาและคดีตามมา จึงไม่ใช่การต่อสู้แบบสันติอีกต่อไป.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |