พาสปอร์ตวัคซีน ความหวังฟื้นฟู ศก.ไทย


เพิ่มเพื่อน    

         หลังจากที่คนไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 จนถึงทุกวันนี้มีคนไทยได้รับวัคซีนกว่า 25,000 ราย ทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคธุรกิจเริ่มเชื่อมั่นว่า ต่อจากนี้เศรษฐกิจจะดีขึ้นตามลำดับ หลายภาคส่วนมองไปถึงพาสปอร์ตวัคซีน หรือเอกสารที่จะช่วยรับรองว่าได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว จะทำให้สามารถเดินทางได้อย่างอิสระมากขึ้น

            คนไทยทุกคนที่ได้รับวัคซีนจะได้รับสมุดประจำตัว ที่เรียกว่าสมุดปกเหลือง เพื่อแสดงว่าเป็นผู้ได้รับวัคซีนแล้ว สำหรับใช้เป็นหลักฐานประกอบการจัดทำหนังสือเดินทางหรือเอกสารราชการต่างๆ ที่จำเป็น สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนที่จะพบเจอกันด้วย

            โดยคนไทย รวมถึงผู้อาศัยภายในประเทศที่ไม่ใช่สัญชาติไทย เมื่อได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีน เพื่อใช้ในการเดินทางข้ามประเทศ จะต้องนำเอกสารรับรองมาขอสมุดเล่มเหลืองที่รับรองการฉีดวัคซีนโควิด หรือวัคซีนพาสปอร์ต ได้ที่สถานพยาบาลที่ทำการฉีด โดยเบื้องต้นจะมีอายุ 1 ปี อย่างไรก็ตาม มีหลักการที่น่าสนใจคือ ผู้ที่มีสัญชาติไทย หากมีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบอย่างน้อย 14 วัน แต่ไม่เกิน 30 วันก่อนเดินทาง รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน

            ส่วนผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทย จะต้องมีเอกสารรับรองการรับวัคซีนครบอย่างน้อย 14 วันและไม่เกิน 3 เดือนก่อนการเดินทาง และต้องมีเอกสารรับรองการปลอดโควิด รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน อย่างไรก็ตามหากไม่มีเอกสารรับรองการรับวัคซีน มีเพียงใบรับรองการปลอดโควิด รัฐจะลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน

            สำหรับเอกสารรับรองดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่าย คือ ค่าออกแบบเอกสารและค่าธรรมเนียม 50 บาท รวมถึงค่าสำหรับการโหลดทางแอปพลิเคชัน 50 บาท รวมทั้งสิ้น 100 บาท

            ในส่วนผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกา ยังคงต้องกักตัวให้ครบ 14 วันตามมาตรการเดิม เนื่องจากเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวเกิดภาวะกลายพันธุ์เอาตัวรอด ที่ทำให้ไวรัสสามารถรอดพ้นภูมิต้านทานในร่างกายที่สร้างขึ้นโดยวัคซีนต้านโควิด ซึ่งหมายความว่า อาจทำให้วัคซีนโควิด-19 ด้อยประสิทธิภาพลงในการป้องกันไวรัสชนิดนี้ ทำให้วัคซีนโควิดยังไม่ครอบคลุมไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาที่มีการกลายพันธุ์ จึงจำกัดวงกลุ่มเสี่ยงประเทศในแอฟริกา โดยในอนาคตจะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ จะต้องรอดูผลการฉีดวัคซีนจากทั่วโลกมาวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์อีกครั้ง

            อย่างไรก็ตาม สมุดปกเหลืองนั้นไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ เดิมเคยใช้เป็นเอกสารรับรองเดินทางข้ามประเทศมากว่า 37 ปีแล้วสำหรับนักเดินทางที่จะไปยังประเทศเสี่ยงติดโรคไข้เหลือง ซึ่งจัดเป็นโรคติดต่ออันตรายตามที่องค์การอนามัยโลกประกาศ โดยโรคไข้เหลืองมีสาเหตุเกิดจากไวรัส ส่วนใหญ่ระบาดในทวีปอเมริกาใต้และทวีปแอฟริกาใต้ โดยมียุงลายเป็นพาหะ สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน เพื่อทำให้มีภูมิคุ้มกัน และสร้างความมั่นใจว่าจะไม่นำพาโรคเข้าสู่ประเทศอื่น ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดหลักเกณฑ์สากล และไทยนำมาใช้ ว่า หากบุคคลใดมาจากเขตผู้ป่วยไข้เหลืองมากๆ เช่น อเมริกาใต้ เปรู บราซิล หรือแอฟริกาใต้บางประเทศ หากจะเข้าไทยต้องฉีดวัคซีน และต้องมีสมุดปกเหลืองเป็นเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน

            สำหรับประเทศไทย ได้นำแนวคิดเรื่องพาสปอร์ตวัคซีนมาใช้เป็นกิจกรรมของจังหวัดปทุมธานีเป็นที่แรก เพื่อเป็นเอกสารรับรองให้กับพ่อค้าแม่ค้า หรือลูกจ้างที่จะเข้าไปทำงานภายในตลาดที่เคยพบผู้ติดเชื้อ โดยจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะกรอกรายละเอียดว่าบุคคลนี้ได้รับการตรวจเมื่อใด ผลเป็นอย่างไร และตรวจที่ไหน เพื่อให้ผู้มาใช้บริการตลาดหรือผู้ค้าขายด้วยกันเองมั่นใจได้ว่าบุคคลนี้ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิดแล้ว ซึ่งจะสร้างความมั่นใจได้ว่าผู้ค้าขายที่มาทำงานในพื้นที่เหล่านี้ปลอดเชื้อโควิด นอกจากนั้นยังช่วยให้การค้นหาเชิงรุกสามารถทำได้อย่างเต็มที่จริงๆ เนื่องจากหากทุกคนมีบัตรจะไม่มีบุคคลใดหลุดหรือไม่ได้ตรวจ ซึ่งจะช่วยตัดวงจรการแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่นได้

            ซึ่งการใช้วัคซีนพาสปอร์ตนั้น ประเทศไทยสามารถออกให้ได้ แต่ประเทศปลายทางที่จะเดินทางไปนั้นจะยอมรับอย่างไรเป็นเรื่องของแต่ละประเทศจะพิจารณา โดยทั้งหมดนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ ศบค.ชุดใหญ่ และจะมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.2564 เป็นต้นไป  และในระยะต่อไปซึ่งคาดว่าราวเดือน ต.ค.2564 หากมีการฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข กลุ่มเสี่ยงที่จะป่วยแล้วมีอาการรุนแรง และประชาชนในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ครอบคลุม 70% แล้ว ก็อาจจะพิจารณาผ่อนคลายให้เข้าประเทศไทยไม่ต้องกักตัวก็เป็นได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการทำมาหากินของคนไทยทั่วไป

            ต่อจากนี้เชื่อว่า สภาพเศรษฐกิจ รวมถึงการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะโตขึ้น โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ระบุว่า หากดูอัตราการฉีดวัคซีนของตลาดสำคัญ 10 แห่ง ไปถึงช่วงเดือน ก.ย. ประเมินได้ว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวไทยจาก 10 ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน ยุโรปตะวันตก สหรัฐ รัสเซีย เอเชียและอาเซียนบางประเทศ อาจทำได้ราว 1.9 ล้านคน ซึ่งเมื่อรวมกับช่วง 9 เดือนแรกของปี จึงเห็นว่าตัวเลข 2 ล้านคนในปี 2564 ยังมีความเป็นไปได้ ภายใต้เงื่อนไขพาสปอร์ตวัคซีนสามารถดำเนินการได้ หรือการเดินทางระหว่างประเทศมีข้อจำกัดน้อยลง

            เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทย ส่งผลให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวจะต้องได้รับวัคซีนโดยเร็ว หากประเมินจากการจ้างงานในธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ 20 จังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติ อาจต้องการวัคซีนอย่างน้อย 2.2 แสนโดส ก่อนเดือน ต.ค. ซึ่งเบื้องต้นทางการก็อยู่ระหว่างพิจารณา และหากเป็นไปตามแผนการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะกล้บมาบูมอีกครั้งในรอบปีกว่าๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"