วัดใจ 'บิ๊กป้อม' จัดดุลยภาพ 'พปชร.' หลัง "ลูกพรรค" ถูกแทงหลังเลือดอาบ


เพิ่มเพื่อน    

         ท่ามกลางการเติบใหญ่อย่างก้าวกระโดด และมากล้นบารมีของแก๊งรัฐมนตรี 3 ช่วยในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน มีกระแสในพรรคว่า มีความพยายามหมายมั่นปั้นมือหวังขยับขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการในการปรับ ครม.รอบนี้

            หลังก๊วนการเมืองกลุ่มนี้รวบรวม ส.ส.ในพรรคเป็นกอบเป็นกำเกินครึ่ง รวมทั้งยังมีเครือข่าย ส.ส.พรรคเล็กพรรคน้อยสนับสนุน เพิ่มอำนาจการต่อรองทางการเมือง อีกทั้งระยะหลังยังมีความใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นอย่างมาก

            โดยเฉพาะบทบาทการเมืองต้องยกให้ ร.อ.ธรรมนัส ล่าสุดลงไปเป็นแม่ทัพใหญ่บริหารจัดการ จนกระทั่งผู้สมัคร พปชร.ได้เป็น ส.ส.คนที่ 122 ในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จังหวัดนครศรีธรรมราช และส่งผลต่อทิศทางการเมืองในภาคใต้ของ พปชร.ในอนาคตสดใส ขณะเดียวกันยังเป็นการล้างแค้นให้แก่ "บิ๊ก 3 ป." หลังถูก นายเทพไท เสนพงษ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. เล่นบทแกะดำ ทิ่มแทงในทุกจังหวะทางการเมือง

            ควบคู่กับ นายสันติ เล่นบทเจ้าบุญทุ่ม ลงทุนให้แก่พรรคไปสูง รวมทั้งยังยกตึกของตัวเองย่านถนนรัชดาภิเษก ตรงข้ามศาลอาญา เป็นที่ทำการพรรค พปชร.

            ส่วน "นางนฤมล" ก็ยกระดับเลื่อนชั้นทางการเมืองเป็นแถวหน้าได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นคนสนิทของหัวหน้าพรรค พปชร. มีความสามารถปรากฏตัวเคียงข้างในทุกสถานที่

            ด้วยความปรารถนาข้างต้นของ รมช. 3 ช. จึงจำเป็นจะต้องมีคนที่เสียสละ หรือถูกเขี่ยออกไป เพื่อให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง

            กระแสข่าวก่อนหน้าไปตกที่ "เสี่ยเฮ้ง" สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เพราะถูกมองว่ามีพลังต่อรองทางการเมืองน้อยที่สุด สะท้อนได้จากคะแนนที่ออกมาหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีข้อสังเกตว่า ถูกการเมืองแทงข้างหลังจนมีคะแนนหล่นเป็นอันดับรองบ๊วย กระทั่งมีเสียงออกมาว่า

                "บาดเจ็บสาหัส"

            กระทั่งสุดท้าย "หลวงพ่อป้อม" วัดป่ารอยต่อฯ ต้องลงมาช่วยเซฟเก้าอี้จับกัง 1 เอาไว้ได้ เนื่องจากมองว่ามีผลงานเห็นเป็นที่ประจักษ์ และสนับสนุนนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในการแก้วิกฤติโควิดรอบ 2 อาทิ ช่วยเหลือบรรดาผู้ใช้แรงงานตกงาน หรือถูกเลิกจ้าง และช่วยเหลือผู้ประกันตนมาตรา 33 "เรารักกัน" ในทางกลับกัน หาก "สุชาติ" ถูกปรับออก ทั้งที่ทำงานเพียง 6 เดือน คำถามจากประชาชนก็จะซัดกลับมา "นายกรัฐมนตรี" สุดท้ายต้องสยบยอมให้แก่พิษการเมืองอีกเช่นเคยใช่หรือไม่

            ถัดมาอีกคนที่ถูกแทงหลังอย่างหนักจนเลือดอาบก็คือ "เสี่ยแฮงค์" อนุชา นาคาศัย เลขาธิการพรรค และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้ก็ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ตำแหน่งแม่บ้านมาแล้ว ล่าสุดก็ถูกดิสเครดิตทางการเมือง ช่วงกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ในการปรับ ครม. โดยมีกระแสว่า เพื่อสกัดไม่ให้ "เสี่ยแฮงค์" ขยับไปนั่งเกาอี้เสนาบดีที่สูงขึ้น หรือหากเป็นได้ก็ปรับให้หลุดจากเก้าอี้ตัวเดิม

            ขณะที่ "เสี่ยแฮงค์" ก็ใจนักเลงพอ ยอมเจ็บ และกลืนเลือด ไม่ออกมาโวยวายให้พรรคเสียหาย แต่เลือกที่จะเคลียร์กันตรงๆ กับฝ่ายที่ขัดแย้ง ไม่แทงหลัง เพราะถือคติใครทำอะไรไว้ ก็ได้รับผลตามนั้น

            ภายใต้หลักคิดว่า "หากใครก้าวเดินขึ้นมาด้วยหยดเลือด และคราบน้ำตา แม้จะก้าวขึ้นมาได้ในสิ่งที่หวังไว้ แต่สุดท้ายจะอยู่ได้ไม่นาน"

            อย่างไรก็ตาม กลับมาที่การทำงานในตำแหน่งแม่บ้านพรรค แม้จะไม่ดุเดือดเลือดพล่านเพราะเจ้าตัวถือบท ประนีประนอมกับทุกฝ่าย และยังเป็นมิตรกับทุกคน ไม่ว่าจะนอกพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านด้วย 

            แม้ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ตัวเองนั่ง จะถูกดูแคลนว่าเล็กไป ไม่สมศักดิ์ศรีกับเลขาธิการพรรค พปชร. ซึ่งเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลก็ตาม แต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของผู้ใหญ่ เพราะตัวเองอยู่ตำแหน่งใดก็สามารถทำงานได้

            เรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมทั้งข้อเท็จจริงทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของ "บิ๊กป้อม" ที่จะต้องจัดการดุลยภาพพรรค พปชร.ให้เกิดความเหมาะสม คานอำนาจซึ่งกันและกัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล และการทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"