ลุ้นศบค.เคาะเลน่ น้ำสงกรานต์


เพิ่มเพื่อน    

  ยังไม่เคาะเล่นน้ำสงกรานต์ ชง ศบค.ชุดใหญ่ตัดสิน 19 มี.ค. เลขาฯ สมช.รับ สธ.ห่วงเป็นคลัสเตอร์ระบาดใหม่   ลังเลออกมาตรการคุมเข้มแล้วทำไม่ได้จริงซ้ำรอยคอนเสิร์ตเขาใหญ่ “บิ๊กตู่” นำทีม ครม.ฉีดวัคซีนแอสตราฯ "ป้อม" ไม่ร่วมอ้างติดงาน รอหมอสั่ง ถามสื่อช็อกตายทำยังไง

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เวลา 11.45 น. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ศปก.ศบค. ว่าได้แลกเปลี่ยนข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิดช่วงเทศกาลสงกรานต์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากนี้แต่ละหน่วยงานจะนำข้อมูลกลับไปหารือในหน่วยงานของตัวเอง โดยวันที่ 15 มี.ค.จะนัดประชุมอีกครั้ง เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวันที่ 17 มี.ค. เพื่อกลั่นกรองมาตรการ ก่อนนำเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 19 มี.ค. จุดยืนของเราต้องการผ่อนคลายเพื่อให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่มีความห่วงใยการแพร่ระบาด และจากการประชุมวันนี้ทุกฝ่ายมีความห่วงใยเกี่ยวกับการสาดน้ำ แม้จะเริ่มต้นด้วยการใส่หน้ากาก แต่สุดท้ายก็ต้องถอดหน้ากาก อีกทั้งยังมีความเป็นห่วงการจัดกิจกรรมในพื้นที่แออัดจะไม่ได้เว้นระยะห่าง จึงคิดว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร จึงต้องพิจารณากันอย่างรอบคอบ
    เมื่อถามว่า จะพูดให้ชัดเจนได้เลยหรือไม่ว่าสงกรานต์ปีนี้ห้ามสาดน้ำ พล.อ.ณัฐพลตอบว่า ยังไม่สามารถพูดได้ แต่เราพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะเห็นใจประชาชนที่อยากให้มีการผ่อนคลายเพื่อจะได้มีกิจกรรมสาดน้ำ แต่ต้องเป็นห่วงประชาชนอีกส่วนที่ห่วงเรื่องการแพร่ระบาด
    เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ายังมีโอกาสจัดกิจกรรมสาดน้ำได้ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ใช่ อาจจะมีโอกาส แต่ทุกอย่างจะได้ข้อสรุปในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มี.ค. ให้ความเห็นชอบ ซึ่งเราอาจเสนอเป็นทางเลือกไป เช่น ทำอย่างนี้จะเสี่ยงอย่างไร ยกตัวอย่าง งดสาดน้ำในพื้นที่เสี่ยงได้หรือไม่ เหมือนช่วงปีใหม่ที่ให้ฉลองในบางพื้นที่แต่เว้นพื้นที่ที่มีความแออัด หรือจัดเป็นโซนที่สามารถควบคุมได้ พร้อมกับดูในขั้นการปฏิบัติที่เราเป็นกังวลมากว่าจะควบคุมได้หรือไม่ เหมือนคอนเสิร์ตแห่งหนึ่งก่อนหน้านี้ที่มีปัญหา ที่การนำเสนอรูปแบบการจัดงานเป็นที่พอใจอย่างมาก แต่พอไปถึงขั้นปฏิบัติแล้วมีองค์ประกอบเยอะ สุดท้ายไม่สามารถเดินตามรูปแบบที่นำเสนอมาได้ จึงทำให้เป็นห่วงว่าหากอนุญาตจัดกิจกรรมแล้วอาจเกิดกรณีเช่นนั้นได้ แต่เราจะทำให้ดีที่สุดโดยไม่ตัดว่าจะห้ามหรือไม่
    ส่วนข้อกังวลของหลายฝ่ายว่าหากมีการเล่นสาดน้ำอาจจะกลายเป็นคลัสเตอร์การระบาดใหม่ได้นั้น ยอมรับว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่กระทรวงสาธารณสุขยังกังวล และกังวลว่าหากผ่อนคลายไม่ได้ตามที่หลายฝ่ายเรียกร้องก็อาจถูกต่อว่า จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและหารือว่าจุดใดเป็นจุดที่เหมาะสมที่สุด
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวันที่ 12 มี.ค. โดย พล.อ.ประยุทธ์จะเข้ารับการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเวลา 09.05 น. พล.อ.ประยุทธ์จะรับฟังการชี้แจงขั้นตอนการฉีดวัคซีน โดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จากนั้นเวลา 09.15 น. จะเดินเข้าสู่จุดลงทะเบียนที่ตู้อัตโนมัติ kiosk รับฟังคำแนะนำและดำเนินการลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน พร้อมเข้ารับการชั่งน้ำหนัก วัดความดันโลหิต รับฟังการชี้แจงและการขออนุญาตฉีดวัคซีน ลงนามอนุญาตให้ฉีดวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ และเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยผู้ดำเนินการฉีดให้คือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะสังเกตอาการหลังฉีดเบื้องต้น ก่อนเข้าห้องพักและสังเกตอาการเป็นเวลา 30 นาที ลงทะเบียนเข้าระบบเพื่อบันทึกชนิดของวัคซีนและติดตามอาการ พร้อมรับบัตรนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 จากนั้นเมื่อครบ 30 นาที จะได้รับการประเมินผลโดยแพทย์และพยาบาลประจำห้องสังเกตอาการ ก่อนแพทย์จะอนุญาตให้กลับได้ โดยจะรับคำแนะนำและเอกสารคำแนะนำเพื่อสังเกตอาการและการติดตามอาการด้วย
    สำหรับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ยืนยันเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในครั้งนี้ อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.การต่างประเทศ, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง,    น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์, นายนิพนธ์ บุญญามณี และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย
    ส่วนผู้ที่ไม่ได้เข้ารับการฉีดเนื่องจากติดภารกิจ อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เข้ารับการฉีดเนื่องจากมีโรคประจำตัว ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์  
    ด้าน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงไม่ได้ไปร่วมฉีดวัคซีนด้วย เพราะติดงาน แต่พร้อมฉีดถ้าหมอบอกว่าฉีดได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าจะฉีดเมื่อไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า “ผมต้องบอกคุณด้วยหรือ ถ้าผมช็อกตายไปจะทำยังไง แต่ผมพร้อมตลอดถ้าหมอให้ฉีด เพราะผมแก่แล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆ”
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลเอกชนเรียกร้องขอนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนที่ต้องการฉีดว่า รัฐบาลเปิดกว้างอยู่แล้ว ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลบังคับขายวัคซีนซิโนแวคให้กับเอกชนนั้น จะบังคับขายซิโนแวคได้อย่างไร รัฐบาลยังซื้อไม่ได้เลย แต่เอามาให้ประชาชน ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะเอายี่ห้ออะไรเข้ามาก็เอามาเลย ไม่มีปัญหา เพราะรัฐบาลให้นโยบายกับองค์การอาหารและยา (อย.) ว่าถ้ามีการนำเข้ามาต้องเป็นวัคซีนที่ถูกต้องได้มาตรฐานมีความปลอดภัย ซึ่ง อย.พร้อมที่จะจดทะเบียนให้ ยิ่งมีเยอะยิ่งดี ทำให้มีทางเลือก ยิ่งทำให้มีการแข่งขันเรื่องราคามากยิ่งขึ้น โดยจะเป็นประโยชน์กับคนไทยมากยิ่งขึ้น   
    นายอนุทินกล่าวถึงการฉีดวัคซีนของนายกฯ และ ครม.ในวันที่ 12 มี.ค.ว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฉีดหรือไม่ฉีด ไม่ได้เป็นการบังคับ เพราะบางคนอาจมีแพทย์ประจำตัวที่แนะนำว่าไม่สมควรฉีด บุคคลนั้นมีสิทธิ์ที่จะไม่ฉีด ซึ่งไม่เกี่ยวกับความไม่มั่นใจในวัคซีน เพราะนายกฯ ยังฉีดเลย เรื่องความปลอดภัยของวัคซีนเป็นไปตามมาตรฐานสากลอยู่แล้ว   
    ศบค.รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 11 มี.ค. ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 58 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 53 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 17 ราย และมาจากการค้นหาเชิงรุก 36 ราย ในจำนวนนี้เป็นการค้นหาเชิงรุกใน กทม. 10 ราย และสมุทรสาคร 26 ราย นอกจากนี้ เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย ในจำนวนนี้มี 1 ราย เป็นชายชาวเมียนมา เข้าประเทศทางช่องทางธรรมชาติ เดินทางถึงไทยเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 9 มี.ค. และเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,598 ราย หายป่วยสะสม 26,000 ราย อยู่ระหว่างรักษา 513 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 85 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 118,622,619 ราย เสียชีวิตสะสม 2,631,295 ราย.  

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"