
พลันศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยปมปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 11 มี.ค. “โดยมติเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงมติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง”
ปมประเด็นรัฐสภามีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เรื่องนี้กระจ่างชัด แต่พอถึงหัวข้อ การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องถามประชาชนก่อน และเมื่อมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แล้ว ต้องทำประชามติอีกรอบ ตรงประเด็นนี้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง
พรรคการเมือง นักการเมือง ต่างจับประเด็นตีความไปคนละทิศ คนละทาง ต่างฝ่ายต่างเปิดตำรากฎหมาย วินิจฉัยตามความเห็นของตัวเอง สุดท้ายเลยยังไม่แน่ชัด 17-18 มี.ค. ตามที่ ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา นัดประชุมร่วมรัฐสภา พิจารณาวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถโหวตได้หรือไม่
ส.ว.บางคนฟันธง รัฐธรรมนูญที่เคยแก้มาตั้งแต่วาระ 1-2 โมฆะหรือไม่ ก็ต้องทำประชามติก่อนที่จะมีการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 พรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ต่างเร่งประชุม ถกเถียงกันเคร่งเครียดเหมือนกัน ขณะที่ฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย เปิดตำราทางกฎหมาย ต่างยืนยันไปในทิศทางเดียวกัน สามารถโหวตวาระ 3 ได้ จากนั้นค่อยไปทำประชามติ เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แล้วค่อยทำประชามติสอบถามประชาชนอีกรอบ
พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา ต่างตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปคนละมุม เกิดข้อถกเถียงอย่างกว้างขวาง เป็นเหตุให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ต้องนัดหมาย 3 ฝ่าย ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ฝ่ายสมาชิกวุฒิสภา ส่งตัวแทนมาร่วมถกหาทางออกในคำวินิจฉัย ในวันที่ 16 มี.ค. ก่อนจะถึงวันลงมติจริง
ขณะที่ ศาลรัฐธรรมนูญทราบถึงกระแสสังคมที่ตีความไปคนละมุม เตรียมประชุมจัดทำคำวินิจฉัยกลางออกมาก่อนถึงวันประชุมร่วมรัฐสภา 17-18 มี.ค. เพื่อให้เคลียร์ชัด คลายข้อสงสัยของสังคมและนักการเมืองให้แน่ชัด สุดท้ายแล้วสิ่งที่สงสัย โดยเฉพาะเรื่องการทำประชามติ ต้องทำก่อนโหวตวาระ 3 หรือหลังโหวตวาระ 3 กันแน่
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดูปฏิกิริยาความเคลื่อนไหวในซีกของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ในประเด็นเห็นด้วย ทุกคนต่างเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ที่บังคับใช้มีปัญหาจริง
เพียงแต่เมื่อลงไปในรายละเอียด การแก้ไขหมวด 1-2 แม้แต่ในซีกฝ่ายค้าน ยังมองต่างมุม ซีกเพื่อไทย ส.ส.หลายคนต่างเห็นด้วยที่จะไม่มีการแก้ไขในหมวด 1-2 รวมไปถึง กลุ่มสร้างไทย ที่แม้จะประกาศแยกตัวออกไปแล้ว ก็ยืนยันในหลักการเดียวกัน ที่ไม่ขอแตะในหมวดนี้ ทว่าพรรคก้าวไกลมองอีกมุม มี ส.ส.บางคนให้ความเห็น กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ในชั้นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไม่ควรไปกำหนดกฎเกณฑ์ว่าหมวดใด มาตราใด ควรจะได้รับการแก้ไข หรือไม่แก้ไข
เพื่อไทย ในฐานะอยู่ในสนามการเมืองมานาน มองการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามความเป็นจริง ยากที่จะมีการแก้ไขใหญ่เกือบทั้งฉบับ แต่ที่ไม่ขวางก้าวไกลที่มีความคิดไปไกล กลัวว่าจะเกิดศึกกระทบกระทั่งกันเอง เลยปล่อยเลยตามเลย แต่ในเบื้องลึกเซียนการเมืองในเพื่อไทยต่างมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่า รัฐธรรมนูญจะไม่ได้รับการแก้ไข หรืออย่างดีที่สุด มีการแก้ไขเพียงแค่เล็กน้อย บางมาตราเท่านั้น
ตั้งเป้า รื้อเล็ก แก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่มีปัญหา ส่งผลกระทบ อาทิ บัตรเลือกตั้ง การคิดคะแนนเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ส. อำนาจ ส.ว. เป็นต้น โดยไม่ต้องการเข้าไปแตะเชิงโครงสร้างอำนาจมากนัก ตรงกันข้ามกับก้าวไกล แนวร่วมกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว ที่ยืนยันในทิศทางเดียวกัน นอกจากรัฐธรรมนูญต้องได้รับการแก้ไขแล้ว ปัญหาในเชิงโครงสร้างอำนาจ ตามที่พวกเขาได้เคยเคลื่อนไหวเรียกร้องมา ต้องได้รับการแก้ไข
บทสรุปรัฐธรรมนูญจะลงเอยอย่างไร ออกได้สามหน้า 1.ไม่ได้รับการแก้ไข 2.แก้ไขได้ แก้ไขใหญ่ เกือบทั้งฉบับ ซึ่งกระบวนการต้องใช้เวลายาวนานเกือบสองปี หรือ 3.วกกลับมาแก้ไขได้ เพียงแต่เป็นรายมาตรา ดูเฉพาะปมประเด็นที่เป็นปัญหาจริงๆ
ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะถูกโหวตคว่ำ แก้ไขเล็ก แก้ไขใหญ่ เพื่อไทยที่อยู่เป็น เย็นพอ รอได้ เตรียมทางออก พร้อมกำหนดจังหวะเดินเอาไว้แล้ว ทุกทาง.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |