
ภายหลัง ส.ส.และ ส.ว.ลงมติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระที่สามเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา บัดนี้เจ้ากรรมนายเวรเริ่มทำงาน “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องไมค์ทองคำ และ “ณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
โทษฐาน ส.ส. 206 คน และ ส.ว. 2 คน โหวตขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทำไม่ได้ พรรคการเมืองที่เคยหาเสียงไว้เมื่อครั้งเลือกตั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 60 ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ตอนนี้หลายพรรคก็มีการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเป็นของตัวเอง เพื่อเตรียมยื่นเข้าสภาอีกครั้ง ลำพังพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องยืมจมูกใครในการลงชื่อเพื่อเสนอญัตติแก้ไข
แต่สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา แต่ละพรรคมีจำนวนเสียง ส.ส.ไม่เพียงพอที่จะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นก็ต้องหารือตกลงประเด็นว่าจะแก้มาตราใด อย่างไร โดยขณะนี้แนวโน้มชัดเจนว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่แตะหมวด 1 รูปแบบการปกครอง และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ แน่นอน
ล่าสุดมีความชัดเจนเพิ่มเติมออกมาจาก “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคจัดทำร่างแก้ไขแยกเป็นแต่ละประเด็น ไม่นำมามัดรวมกัน ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความเห็นว่าในประเด็นนี้เห็นด้วย ประเด็นนั้นไม่เห็นด้วย ก็จะทำให้ทั้งร่างตกไปทั้งหมด
“จุรินทร์” ระบุด้วยว่า อย่างน้อยที่สุดจะต้องแก้ไขมาตรา 256 ซึ่งเป็นมาตราที่ว่าด้วยวิธีการแก้ไขและเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ
ส่วนบทเฉพาะกาล มาตรา 272 ให้อำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกนับจากรัฐธรรมนูญปี 60 มีผลใช้บังคับนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เป็นการตั้งคำถามว่าเราจะสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญย้อนกลับ หรือเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยปกติได้หรือไม่ โดยให้ประชาชนที่เลือกผู้แทนฯ เข้ามาเป็นผู้มีสิทธิ์ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีแทนประชาชน โดยไม่รวม ส.ว.ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรง
ด้านพรรคพลังประชารัฐมีความเคลื่อนไหวจาก “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดเผยว่า ระบบเลือกตั้งก็ต้องนำมาหารือด้วยว่า การจะใช้บัตร 2 ใบมีความเป็นไปได้หรือไม่ อย่างไร ในส่วนของบทเฉพาะกาล มาตรา 270 จากเดิมที่บัญญัติให้ ส.ว.มีอำนาจหน้าที่ติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศนั้น ต่อไปจะมีการเสนอให้รัฐสภาเป็นผู้มีอำนาจดังกล่าว โดยอาจจะมีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ส.ส.และ ส.ว.เห็นตรงกันว่าจะต้องได้รับการแก้ไข นั่นคือประเด็นระบบการเลือกตั้งแบบ “จัดสรรปันส่วนผสม” ที่มีวิธีการคิดคำนวณจำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่แปลกประหลาด จนถึงนาทีนี้นักคณิตศาสตร์ก็ยังงงๆ
นอกจากนี้ยังมีจุดอ่อนอีกหลายจุด เช่น ส.ส.ยื่นยุบพรรคของตัวเองและไปสังกัดพรรคอื่นแทน แต่เมื่อไปอยู่กลับตอบสังคมไม่ได้ว่าตัวเองเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่เท่าไหร่ของพรรคการเมืองนั้นๆ แต่ประเด็นเหล่านี้ไม่อาจแก้เพียงมาตราเดียว เพราะคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุด “มีชัย ฤชุพันธุ์” เป็นประธาน ได้เขียนผูกโยงไว้หลายมาตรา จนหลายคนบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ยากถึงยากที่สุด
ระหว่างที่พรรคการเมืองใช้เวลาในการปลดล็อกมาตราที่เป็นปัญหาอยู่นั้น สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การยุบสภา ถ้าเกิดขึ้นจริง เท่ากับว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในกติกาเดิม ปัญหาก็ยังคงวนเวียนอยู่แบบเดิม เรายังจะมี ส.ส.ปัดเศษ มีฤาษีเลี้ยงลิง และลิงพร้อมกินกล้วย มีงูเห่า มี ส.ส.ที่พร้อมออกเสียงสวนมติพรรค และมีพรรคการเมืองที่อ่อนแอ เป็นต้น
ปัญหาทั้งหมดนี้ ทุกคนรู้ นายกฯ เองก็รู้ ถ้ายังคิดจะยุบสภาอีก ไม่ทราบว่าบ้านเมืองจะตกอยู่ในสภาพอย่างไร.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |