ศาลปกครองไม่รับคำร้องให้ตำรวจยกเลิกห้ามม็อบอยากเลือกตั้งบุกทำเนียบฯ


เพิ่มเพื่อน    

22 พ.ค. 61 - สืบเนื่องจากเช้าวานนี้ นายอานนท์ นำภา ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมคนอยากเลือกตั้งและทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้ได้รับมอบอำนาจเดินทางไปยื่นคำฟ้อง คำร้องขอบรรเทาทุกข์ และขอไต่สวนฉุกเฉิน 

กรณีที่ตำรวจสน.ชนะสงครามได้กำหนดเงื่อนไขห้ามกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ไปที่ทำเนียบรัฐบาลในวันนี้(22 พ.ค. 2561) และทหารตำรวจเข้าคุกคามกลุ่มผู้ที่จะเข้าร่วมชุมนุมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และเมื่อเวลาประมาณ  12.00 น. ศาลปกครองกลางรับฟ้องแล้วเป็นเลขคดีดำที่ 1056/2561

กระทั่งล่าสุดเมื่อเวลา 02.00 น.  ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน  แจ้งว่าศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องของผู้ฟ้องคดีทั้งสองไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยศาลพิเคราะห์เห็นว่าคดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่สอง ได้มีหนังสือที่ ตช 0015. (บก.น.1) 10/2612 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2561 กำหนดเงื่อนไขการชุมนุมและสั่งห้ามผู้ฟ้องคดีทั้งสองชุมนุมสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้งสองได้รับความเสียหาย ขอให้ยกเลิกเงื่อนไขและคำสั่งห้ามการชุมนุมดังกล่าว พร้อมชดใช้ค่าเสียหาย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) และ (3) แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีศาลปกครอง พ.ศ. 2542 อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือที่ ตช.ตช 0015. (บก.น.1) 10/2612 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2561 กำหนดเงื่อนไขและมีคำสั่ง ดังนี้ (1) ห้ามมิให้จัดการชุมนุมการชุมนุมทางการเมือง อันเป็นการขัดคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 เว้นแต่จะนำหนังสืออนุญาตจากหัวหน้าคสช.หรือผู้ได้รับมอบหมายมาแสดงก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง  (2) ห้ามมิให้เคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมในลักษณะที่ขัดต่อมาตรา 7 และ มาตรา 8 แห่งพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558  (3) การโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน ตามพระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 19 วรรคสี่ (5) แห่งพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 กรณีจึงมิใช่คำสั่งให้ผู้แจ้งแก้ไขการชุมนุมในกรณีที่ผู้ได้รับแจ้งเห็นว่าการชุมนุมสาธารณะที่ได้รับแจ้งนั้นอาจขัดต่อมาตรา 7 และ มาตรา 8 แห่งพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และมิใช่คำสั่งห้ามการชุมนุมตามมาตรา 11 วรรคสาม แห่งพ.ร.บ.เดียวกัน

ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามมาตรา 11 วรรคสี่แห่งพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีเงื่อนไขหรือคำสั่งห้ามการชุมนุม เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากหัวหน้าคสช. ห้ามเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุม และการโฆษณาต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 19 วรรคสี่ (5) แห่งพ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 อันมีลักษณะเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 และเมื่อกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะไม่ได้กำหนดขั้นตอนหรือวิธีการสำหรับการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวตามมาตรา 44 แห่งพ.ร.บ.วิธีปฏิบัติทางปกครอง พ.ศ.2539 และหากไม่มีการพิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายระยะเวลาอันสมควร ซึ่งอาจเทียบเคียงระยะเวลาการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งห้ามชุมนุมตามมาตรา 11 วรรคสี่ แห่งพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 กล่าวคือผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์จะต้องพิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 24 ชั่วโมง แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องและถ้อยคำของผู้ฟ้องคดีทั้งสองในชั้นไต่ส่วนว่าผู้ฟ้องคดีที่ 1 ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งตามหนังสือที่ ตช.0015 (บก.น.1) 10/2612 ลงวันที่ 20 พ.ค. 2561 จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 มิได้ดำเนินการตามขั้นตอนและวิธีการสำหรับการแก้ไขความเดือดร้อนหรือเสียหายตามที่กฎหมายกำหนดไว้ก่อนนำคดีมาฟ้องต่อศาล ผู้ฟ้องคดีที่ 1 จึงไม่มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองและขอให้ชดเช่ยค่าเสียหายได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 42 วรรคสอง แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ.2542

สำหรับคำฟ้องในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ 2 นั้น เมื่อผู้ฟ้องคดีที่ 2 ไม่ได้เป็นผู้แจ้งการชุมนุมสาธารณะตามหนังสือแจ้งการชุมนุมสาธารณะ ลงวันที่ 16 พ.ค. 2561 ผู้ฟ้องคดีที่ 2 จึงไม่เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งกำหนดเงื่อนไขการชุมนุมและสั่งห้ามผู้ฟ้องคดีทั้งสองชุมนุมสาธารณะ ที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ตามนัยมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ. 2542

เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องไว้พิจารณาแล้ว จึงไม่จำต้องมีคำสั่งเกี่ยวกับคำขอให้ศาลกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาของผู้ฟ้องคดีทั้งสองแต่อย่างใด

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"