ส่องม็อบ 3 นิ้ว 'พฤติกรรมชี้เจตนา'


เพิ่มเพื่อน    

           ดูเหมือนว่าประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างเมียนมาขณะนี้กลายเป็นพื้นที่สีแดง เกิดสมรภูมิรบขึ้นระหว่างทหารเมียนมาและประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธสงครามปราบปรามประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายเป็นผักเป็นปลา นับวันยิ่งทวีความรุนแรง

            เจ้าหน้าที่รัฐเมียนมาไม่มีท่าทีลดละ สั่งเพิ่มกำลังพลเสริมยุทธภัณฑ์ ยิ่งเหมือนสาดน้ำมันเข้ากองเพลิง ประชาชนเมียนมาตามชนบทเริ่มจับอาวุธต่อสู้ กองกำลังชาติพันธุ์จับมือต่อต้านการสังหารประชาชนของกองทัพเมียนมา หวั่นจะเป็นสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ สถานการณ์ยิ่งจะเลวร้ายไปมากกว่านี้ ประชาชนหนีสงครามข้ามชายแดน ไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบ

            อย่างไรก็ตาม หากมองย้อนกลับมาประเทศไทย ซึ่งเกิดสถานการณ์ม็อบปะทะตำรวจ 20 มี.ค. ที่สนามหลวง แต่ต่างกัน คนละอิริยาบถ กองทัพเมียนมาสั่งปราบประชาชนที่ออกมาต่อต้าน แต่ไทย เจ้าหน้าที่รัฐเข้าควบคุมสถานการณ์เพื่อความสงบเรียบร้อยไม่ให้กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่

            ภาพ “ม็อบ 20 มี.ค.” ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กระสุนยาง โล่ กระบอง รถฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าควบคุมสถานการณ์เป็นไปตามมาตรฐานสากล เมื่อการข่าวด้านความมั่นคงพบม็อบสะสมอาวุธเตรียมก่อเหตุความวุ่นวาย จึงได้นำตู้คอนเทนเนอร์พร้อมสิ่งกีดขวาง ป้องกันสถานที่สำคัญอย่างศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว กระทรวงกลาโหม และสถานที่ราชการสำคัญๆ พร้อมทั้งโบราณสถานซึ่งเป็นสมบัติของชาติ

            ในขณะที่ม็อบ 3 นิ้วอ้างจัดกิจกรรมเล่นว่าวที่ท้องสนามหลวง เล่นสเกต แสดงศิลปะปลดแอก เรียกร้องให้มีการปล่อยตัวแกนนำที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ถึงเวลาเล่นแร่แปรขบวน ร่วมกันตี รื้อทำลายสิ่งกีดขวาง ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อต้องการให้เกิดความรุนแรง ซึ่งก็รู้อยู่แล้ว กฎหมายห้ามชุมนุมในระยะ 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน

            แต่นั่นก็คือจุดเป้าหมายที่ม็อบต้องการ เพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดภาพความรุนแรงออกสู่สาธารณชน “ตำรวจทำร้ายประชาชน” โยนบาปสร้างความเกลียดชังรัฐบาลที่กระทำต่อผู้เห็นต่าง ฟ้องประชาคมโลกหวังให้ต่างประเทศเข้าแทรกแซงรัฐบาลไทย

            แต่ยิ่งดิ้นเหมือนยิ่งเข้าตัว โลกโซเชียล กล้องวงจรปิดบันทึกทุกการเคลื่อนไหว นับตั้งแต่เหยียบพื้นที่ ไม่มีคำว่าม็อบปัญญาชน ข้อเรียกร้องเพื่อปากท้องประชาชนไม่มีให้เห็น ร่างกายต้องการแรงปะทะอย่างเดียว รื้อทำลายสิ่งขวางกั้น สร้างผลงานให้กลุ่มตัวเอง เพราะม็อบเหล่านี้เป็นกลุ่มอาชีวะที่มาจากหลายสถาบัน กลุ่มการ์ดจัดตั้งต่างๆ ไร้การควบคุม ทั้งที่แกนนำได้ประกาศยุติและให้เดินทางกลับตั้งแต่ก่อน 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจถึงแม้จะเป็นฝ่ายตั้งรับ

            แต่ขั้นตอนการปฏิบัติเป็นไปตามมาตรฐานสากล นับตั้งแต่มวลชนเริ่มเข้ารื้อสิ่งกีดขวาง ตู้คอนเทนเนอร์ ตำรวจได้อ่านประกาศแจ้งเตือนการชุมนุมผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค, ฉีดน้ำเปล่าแรงดันสูง, ฉีดน้ำแรงดันสูงผสมสารเคมี, ประกาศให้ทราบจะใช้กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์, ประกาศเตือนจะใช้กระสุนยาง ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่สากลยอมรับ

            ภาพความเกรี้ยวกราดของม็อบที่เรียกตัวเองเป็นนักศึกษาปัญญาชน ถูกตีแผ่สันดานดิบเถื่อน ใช้ความรุนแรง ทั้งท่อนเหล็ก ไม้ ก้อนหิน หนังสติ๊ก พลุ ลูกแก้ว ดอกไม้ไฟ ระเบิดปิงปอง ระเบิดเพลิง เข้าห้ำหั่นเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์บานปลาย มวลชนหัวรุนแรงจุดไฟเผาทำลายทรัพย์สินของราชการหลายที่ หนักไปกว่านั้น ม็อบ 3 นิ้วย่ำยีหัวใจคนไทยด้วยการทำลายพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 หลายจุด ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่บุกกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ ได้ก่อเหตุเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 ที่หน้าเรือนจำคลองเปรม วันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ต้องนำกำลังเข้าสลายการชุมนุมเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ทวีความรุนแรงเสียหายไปมากกว่านี้

            จากเหตุการณ์ม็อบคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 50 นาย ต้องนอนรักษาตัวที่ รพ. 11 นาย หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกของแข็งกระแทกกะโหลกศีรษะแตก แพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่ม็อบ 3 นิ้วเริ่มคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บกว่า 200 นาย อาการส่วนใหญ่ถูกของแข็งกระแทกตามร่างกาย ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนแล้วก็ตาม แต่เมื่อตำรวจอยู่ในที่สว่าง

            ม็อบสู้แบบกองโจร ตำรวจจึงกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ ยิ่งก่อนนาทีที่ตำรวจตัดสินใจเข้าสลายการชุมนุมบริเวณแยกวันชาติ ม็อบแฝงตัวแอบเข้ามาอยู่กับแนวสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ แล้วปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนหลบหนี ทำให้พื้นที่ของสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามไม่ปลอดภัย กระทั่งผู้สื่อข่าวถูกยิงด้วยกระสุนยางได้รับบาดเจ็บ

            ม็อบ 3 นิ้วเหิมเกริมไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน ผู้ที่อยู่ด้านนอก จากม็อบปัญญาชนกลายเป็นกองกำลัง ประกาศทุกคนคือแกนนำ แต่แท้จริงแล้วมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง รอเวลากระชากหน้ากาก ส่วนแกนนำคนสำคัญทั้ง อานนท์ นำภา, เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์, รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ผู้ต้องหามาตรา 112 เดินเกมด้านหลังกำแพง “ทนายอานนท์” ร่อนจดหมายร้องศาลหวั่นได้รับอันตรายจากผู้คุมในเรือนจำ “เพนกวิน” ผยองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในห้องพิจารณาคดี ลุกขึ้นประท้วงศาลที่ไม่ได้รับการประกันตัว พร้อมอดอาหารประท้วง “รุ้ง ปนัสยา” จะมีคนคอยอัพเฟซบุ๊ก สื่อสารถึงมวลชน “ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนข้างนอก อย่าท้อ ให้เข้มแข็งและต่อสู้อย่างเต็มที่ นี่คือหนทางเดียวที่เราจะได้รับชัยชนะ เราที่อยู่ตรงนี้จะขอเป็นกุหลาบสีแดงแห่งการต่อสู้ให้เสมอ” ทำกันเป็นขบวนการ มีลิ่วล้อที่อยู่นอกคุกเคลื่อนไหวโจมตีกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นอีกเสาหลักของประเทศ

            ความรุนแรงของม็อบ 3 นิ้วใกล้ที่จะเหมือนผู้ประท้วงที่เมียนมา “พม่าโมเดล” แต่อิริยาบถของเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ชุมนุมแตกต่างกัน การป้องกันรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีหนังสือถึง ผบช.น.1, ภ1.-9, สยศ, ตชด., สงป. เรื่องการฝึกทบทวนข้าราชการตำรวจซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการชุมนุมสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ต้องผ่านการฝึกอบรมให้มีทักษะ ความเข้าใจ และอดทนต่อสถานการณ์การชุมนุมสาธารณะและต้องแต่งเครื่องแบบฯ เพื่อแสดงตน และอาจใช้เครื่องมือควบคุมฝูงชนได้ตามที่รัฐมนตรีกำหนด

            เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามกฎหมายกำหนด ให้หน่วยงานระดับ บก./ภ.จว. จัดการฝึกทบทวนกองร้อย คฝ. ทุกกองร้อย จำนวน 1 วัน (7 ชั่วโมง) โดยดำเนินการให้เสร็จภายในเมษายน 2564 การฝึกให้เน้นแบบ UN, ฝึกการจับกุมที่มีประสิทธิภาพ, ฝึกการเคลื่อนที่ให้อ่อนตัวตามสถานการณ์ และให้สรุปรายงานการฝึกทบทวนเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวให้ ตร.ทราบภายใน 7 วัน

            พร้อมกันนี้ หนังสือสั่งการ ให้ สน./สภ. จัดการฝึกในระดับหมวดประจำสัปดาห์ ทุกสัปดาห์ โดยให้ทำตารางการฝึกเป็นประจำรอบเดือน, ให้หน่วยระดับ บก./ภ.จว. จัดการฝึกประกอบกำลังเป็นกองร้อยเดือนละ 1 ครั้ง สำหรับกำลังพลที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรม บช.น. จำนวน 23 กองร้อย 3,565 นาย, ภ.1 จำนวน 15 กองร้อย 2,325 นาย, ภ.2 จำนวน 18 กองร้อย 2,790 นาย, ภ.3 จำนวน 25 กองร้อย 3,875 นาย, ภ.4 จำนวน 30 กองร้อย 4,650 นาย, ภ.5 จำนวน 15 กองร้อย 2,325 นาย, ภ.6 จำนวน 18 กองร้อย 2,790 นาย, ภ.7 จำนวน 15 กองร้อย 2,325 นาย, ภ.8 จำนวน 15 กองร้อย 2,325 นาย, ภ.9 จำนวน 18 กองร้อย 2,790 นาย, บก.ตชด. จำนวน 17 กองร้อย 2,635 นาย, กก.ตชด. 43 จำนวน 1 กองร้อย 155 นาย, บก.สอ.บช.ตชด. (ชาย) จำนวน 1 กองร้อย 155 นาย, บก.สอ.บช.ตชด. (หญิง) จำนวน 1 กองร้อย 155 นาย, บช.ก. จำนวน 2 กองร้อย 310 นาย รวมทั้งสิ้น 211 กองร้อย 32,705 นาย

            ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เหนือสิ่งอื่นใด เป็นเสาหลักที่นำพาประเทศให้อยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ ม็อบ 3 นิ้วจงพึงสำนึกอย่าพยายามพลิกฟ้าด้วยฝ่ามือ กฎหมายมาตรา 112 หรือทุกๆ มาตราที่บัญญัติไว้ไม่เคยทำร้ายใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย พฤติกรรมชี้เจตนา ความรุนแรงที่เกิดขึ้นม็อบเป็นตัวกำหนด กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามมีการชุมนุม แล้วอย่าโหยหวนหาความยุติธรรมในเมื่อสิทธิ์ของทุกคนเท่ากัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"