สั่งคลังศึกษาขึ้นภาษี นายกฯถกครม.รายได้พลาดเป้า/ประยุทธ์2/4ถ่ายรูปชื่นมื่น


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" อวยพรสงกรานต์ให้ประชาชนมีความสุข เผย "คลัง" รายงานกลางที่ประชุม ครม. เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ รมต.เบรกค้านขึ้นภาษี หวั่นคนต่อต้าน กมธ.ร่วมรัฐสภา-กฤษฎีกาปิดห้องถกหาทางออก พ.ร.บ.ประชามติพฤหัสฯ นี้ หวังอุดรูรั่วป้องกันโดนศาล รธน.สอยร่วง นายกฯ กำชับกลาง ครม. กฎหมายสำคัญห้ามพลาด ยันหนุนแก้ รธน.!

    เมื่อวันที่ 30 มี.ค. มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ โดยบรรยากาศก่อนการประชุมพบว่า ช่วงเวลา 07.40 น. รัฐมนตรีใหม่ทั้ง 4 คน ประกอบด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ, นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม ได้สักการะสิ่งศักดิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติหน้าที่
    ขณะที่นายชัยวุฒิเปิดเผยว่า ได้ขอพรให้ทุกอย่างราบรื่น  รัฐบาลทำงานอยู่ครบ 4 ปี ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินไปที่ตึกสันติไมตรี เพื่อรอถ่ายภาพหมู่ร่วมกับ ครม.ทั้งหมด
    ต่อมาเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ ครม.ทั้งหมดถ่ายภาพหมู่บริเวณสนามหญ้าด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งการถ่ายภาพครั้งนี้ขาดเพียงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ เนื่องจากไม่ค่อยสบาย แต่ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม ครม.ตามปกติ
     จากนั้นเวลา 08.45 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และคณะผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เข้าพบนายกฯ เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม “สงกรานต์ ริน รด พรม ใส่หน้ากาก ไม่สาดน้ำ Amazing ยิ่งกว่าเดิม” ทั้งนี้ นายกฯ ได้สรงน้ำพระพุทธมหานาคปฏิมากรนาคปรก 9 เศียร ซึ่งมีความหมายสิริมงคล หมายถึงการปกป้องดูแลประเทศชาติ พร้อมกล่าวขอพรให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรือง และอวยพรให้ประชาชนคนไทยมีความสุข เป็นคนดีของสังคม ขณะเดียวกันก็อวยพรให้แก่คณะรัฐมนตรีและตัวแทนเด็กเยาวชนที่ได้รดน้ำดำหัว ขอให้ทุกคนช่วยกันแก้ไขปัญหา ยืนยันว่าจะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด
    ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นการรับน้องใหม่ มีรัฐมนตรีใหม่เข้ามา 3 คน โดยสิ่งที่ต้องทำวันนี้คือการหารายได้ ซึ่งต้องหาวิธีการให้คนเข้าถึงประโยชน์ ต้องหาทางขยายเพื่อให้เกิดผลทางเศรษฐกิจต่อ ทั้งภาคการเกษตร การค้าการลงทุน
    สำหรับการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมให้น้ำหนักถึงการจัดเก็บรายได้ของประเทศเป็นพิเศษ โดยกระทรวงการคลังรายงานภาพรวมเศรษฐกิจที่เก็บภาษีไม่ได้ตามเป้า เมื่อเทียบกับต่างประเทศ และงบประมาณที่มีอยู่ก็จำเป็นต้องใช้แก้ปัญหาสถานการณ์โควิด ซึ่งปัจจุบันนี้จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ร้อยละ 7
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในที่ประชุม ครม. ได้มีการหารือถึงการจัดเก็บรายได้ของประเทศ โดยกระทรวงการคลังรายงานภาพรวมเศรษฐกิจที่เก็บไม่ได้ตามเป้าเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และงบประมาณที่มีอยู่จำเป็นต้องใช้แก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งปัจจุบันมีรายได้ 2.33 ล้านล้านบาท แต่รายจ่ายสูงถึง 3.3 ล้านล้านบาท ทำให้รัฐมนตรีต่างแสดงความเห็นเรื่องนี้ค่อนข้างมาก อย่างนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ความเห็นว่า การขึ้นภาษี ขอให้พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา อย่านำไปเป็นประเด็นการเมือง เพราะใครมาก็กลัวประชาชนคัดค้าน และในต่างประเทศเขาเลือกจะขึ้นภาษีในช่วงโควิดเพื่อนำรายได้ไปเพิ่มสวัสดิการให้ประชาชน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสนับสนุนว่าเห็นด้วยกับแนวคิดของนายจุติ ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ระบุว่าประเทศไทยไม่มีการขึ้นภาษีมานานแล้ว ดังนั้นควรไปศึกษาให้รอบคอบก่อน ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สอบถามว่าต่างประเทศที่พูดถึงเป็นประเทศเพื่อนบ้านเราหรือประเทศไหน อย่างไรก็ตามที่ประชุม ครม.ไม่มีข้อสรุป ซึ่งนายกฯ สั่งให้กระทรวงการคลังกลับไปศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างของภาษีทั้งหมด รวมทั้งหากมีการปรับขึ้นจะต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปในใช้ในโครงการดูแลกลุ่มคนรายได้น้อยและกลุ่มเปราะปรางด้วย เมื่อได้ข้อสรุปแล้วให้นำเสนอกลับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้ง
    นอกจากนี้ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งในที่ประชุมว่าจะมีการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญวันที่ 7-8 เมษายน เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยเรื่องการออกเสียงประชามติ โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อที่ประชุมว่า ขอความร่วมมือทุกพรรคให้เข้าร่วมประชุม พร้อมเน้นย้ำว่ากฎหมายสำคัญอย่าให้พลาด พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวต่อที่ประชุมด้วยว่า ยืนยันสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ช่วยกันทำให้ได้ และย้ำว่าในกรณีใครที่จะเสนอแต่งตั้งโยกย้าย ขอให้เช็กประวัติให้รอบคอบ อย่าให้เสียหาย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อกลับบ้านพัก โดยขบวนรถใช้ทางออกประตู 4 สู่ถนนพิษณุโลก ก่อนเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าถนนราชดำเนินเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า และม็อบอาชีวะที่มาดักตะโกนไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด โดยไม่มีเหตุความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น
"วิษณุ"เชื่อพรบ.ประชามติฉลุย
    ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ..... ของรัฐสภา ทางนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภาบางส่วนระบุหากร่าง พ.ร.บ.ประชามติผ่าน จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพราะบางมาตราอาจขัดรัฐธรรมนูญ ว่าไม่รู้เขา ไม่รู้ว่าจะยื่นได้ด้วยหรือเปล่าด้วยซ้ำไป เพราะยังไม่ได้ดูมาตรา 10-12 หากดูไปถึงมาตราเหล่านั้น เขาอาจจะเข้าใจและไม่สงสัยก็ได้ ถ้ายังสงสัยอยู่ก็มีสิทธิ์ยื่น
    เมื่อถามว่า ดูอย่างไรว่ามาตราเหล่านั้นจะไม่มีข้อสงสัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า ตอบไม่ถูก เพราะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ต้องไปดูกันต่อ โดยจะเริ่มดูวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งในเบื้องต้นได้แนะนำคณะกรรมการกฤษฎีกาไปแก้มาตรา 10-12 แล้วนำไปเสนอคณะกรรมาธิการฯ แต่ไม่ขอบอกว่าแนะนำไปอย่างไรบ้าง ถ้าเสียงข้างมากเขายอมก็เบาไปเยอะ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมหรือไม่ ยังไม่ได้ประชุม
    เมื่อถามว่า ณ ตอนนี้ที่มีการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ยังมีความเป็นห่วงว่ากฎหมายจะตกในวาระ 3 หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่แน่ใจ แต่ถ้าเป็นไปตามที่เราคุยกันไว้ คิดว่าไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร มั่นใจว่าจะผ่าน เพราะเมื่อแนะนำไปแล้ว คิดว่าแก้ได้ สิ่งที่วิตกกันหมดไป ปัญหาเหลือเพียงว่าถ้ากรรมาธิการเสียงข้างมากข้างน้อยเขาไม่ยอมกันอีก เป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้แล้ว
    วันเดียวกัน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติฯ ได้นัดหารือนอกรอบร่วมกับผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ภายหลังกรรมาธิการได้ถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวออกจากการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อไปปรับแก้ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ เพื่อเสนอกลับมาให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาอีกครั้ง
    โดยนายสุรชัยเปิดเผยภายหลังการหารือเสร็จสิ้นว่า ทางตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการปรับแก้ร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติ ใน 2 มาตรา คือมาตรา 10 แก้ไขเพื่อกำหนดรายละเอียด และขั้นตอนวิธีการออกเสียงประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมาตรา 11 การทำประชามติในเรื่องอื่นๆ ที่จะกำหนดไว้ในมาตรานี้ทั้งหมด โดยเบื้องต้นเห็นด้วยกับหลักการที่กฤษฎีกาปรับแก้มาเบื้องต้นแล้ว เพียงแต่เห็นว่ายังมีบางถ้อยคำที่เห็นควรให้กฤษฎีกาไปปรับแก้เพิ่มเติม และยืนยันว่ากรรมาธิการ พร้อมประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่กฤษฎีกานำไปปรับแก้ให้แล้วเสร็จ ส่วนข้อกังวลที่รัฐสภามีการแก้ไขในมาตรา 9 จนอาจต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความนั้น สรุปว่าการปรับแก้ของกฤษฎีกาได้พยายามใช้มาตรา 10 และมาตรา 11 ไปขยายความในมาตรา 9 เพื่อกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการตีความว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยขั้นตอนหลังจากนี้ กมธ.จะประชุมร่วมกันในวันที่ 1 เม.ย. เพื่อพิจารณาว่าจะเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประชามติตามที่กฤษฎีกาปรับแก้หรือไม่
    วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายนพพร ขุนค้า อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางน.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากทำร้ายร่างกายที่ร้านอาหาร 13 november เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายกระทำความผิดว่าด้วยข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ พ.ศ.2563 หมวด 2 จริยธรรมอันเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกและกรรมาธิการ
    นายนพพรกล่าวว่า ตนมาเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม การกระทำของ ส.ส.ที่เห็นว่าเข้าข่ายการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรม ให้รู้ว่าบ้านเมืองนี้มีขื่อมีแป อยู่ภายใต้กฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงอยากให้ทางสภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับตนในฐานะผู้ถูกทำร้ายร่างกาย และเพื่อสร้างความกระจ่างและรักษาเกียรติภูมิของสภาผู้แทนราษฎรในสายตาของประชาชน เพราะเป็นเหตุการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมในวงกว้าง ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ามีหลักฐานอย่างเพียงพอ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"