วาทกรรมผูกขาดวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

  สงสัยจะเข้าใจยากสำหรับบางคน

            เรื่องวัคซีนอธิบายเป็นเที่ยวที่ล้าน คนที่ไม่เข้าใจ มันก็ตั้งใจที่จะไม่เข้าใจ

            กลุ่มเครือข่ายไม่ชอบขี้หน้ารัฐบาลตั้งแต่สามนิ้วยันพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงนักธุรกิจอสังหาฯ ใกล้ชิด "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

            ออกมาแซะเรื่องผูกขาดวัคซีนกันไม่จบ

            ทำไมเอกชนนำเข้าวัคซีนมาเองไม่ได้ พูดกันมาตั้งแต่ช่วงโลกเริ่มจะมีวัคซีนโควิด จนถึงวันนี้ ก็ยังต้องชี้แจงกันต่อไป

            โดยเฉพาะอาจารย์หมอยง ภู่วรวรรณ ท่านอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีก พูดไปเหมือนสีซอให้ควายฟัง

            แต่ก็ต้องเอาข้อมูลของคุณหมอมาบอกกล่าวกันอีกครั้ง

            วัคซีนโควิดทั่วโลกในปัจจุบัน จะขึ้นทะเบียนแบบใช้ในภาวะฉุกเฉิน EUA (Emergency Use Authorization) เกือบทั้งหมด

            นั่นหมายความว่าการใช้ในแต่ละประเทศ รัฐบาลของประเทศนั้นจะต้องรับผิดชอบเอง

            บริษัทผู้ผลิตจึงจะไม่เจรจากับภาคเอกชน

            เหตุผลคือไม่ต้องการเข้ามารับผิดชอบร่วมด้วย ในกรณีที่เกิดมีอาการแทรกซ้อน

            หรืออาการไม่พึงประสงค์

            ที่ผ่านมาพบว่า หลังประชาชนได้รับวัคซีน มีอาการข้างเคียงจำนวนหนึ่ง

            บางประเทศมีผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าทั้งหมดเสียชีวิตเพราะวัคซีน

            ประเด็นความรับผิดทางกฎหมาย จึงเป็นหนึ่งในข้อตกลงเจรจาซื้อขายวัคซีน เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตวัคซีนต่างก็กลัวว่าจะต้องแบกรับต้นทุนทางกฎหมายก้อนมหาศาล

            ประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหราชอาณาจักร สหรัฐ ออสเตรเลีย และสหภาพยุโรป ต่างยอมรับความเสี่ยงนี้และพร้อมจ่ายค่าชดเชยความเสียหายแทนบริษัทผู้ผลิตวัคซีนหากเกิดผลข้างเคียงกับผู้ใช้

            ฉะนั้น การส่งมาจำหน่ายในต่างประเทศ ส่วนใหญ่จึงต้องการติดต่อกับภาครัฐเท่านั้น

            สำหรับภาคเอกชน เมื่อติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทเขาจะไม่คุยด้วย

            ทางออกคือต้องได้รับการรับรอง ร้องขอ หรือสั่งจองจากภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเช่น องค์การเภสัชฯ หรือหน่วยงานอื่น ที่ภาครัฐมอบหมายเท่านั้น

            บริษัทผลิตวัคซีนหลายบริษัทอยากขายของ เพราะได้ราคาดีมาก แต่ก็รู้ดีว่าการดีลกับเอกชนโดยตรงนั้นมีความเสี่ยง

            คงอีกสักพักหลังจากที่ประเทศทางตะวันตกได้ให้วัคซีนกับประเทศของตัวเองมากพอแล้ว เมื่อนั้นการจัดหาวัคซีนทั่วโลกจะง่ายขึ้น

            เพราะวัคซีนจะเริ่มล้น

            ส่วนบริษัทก็ต้องการจะขายเอากำไร

            อเมริกาตั้งเป้าฉีดวัคฉีนให้ได้ตามเป้าหมาย คือภายในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นปริมาณการใช้วัคซีนในอเมริกาก็จะลดลง

            ๓ บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา จึงจะส่งออกได้

            สรุปคือมี ๒ ขยัก

            เอกชนดีลเองไม่ได้ต้องให้รัฐบาลช่วยเหลือ

            รอประเทศผู้ผลิตฉีดวัคซีนจนครบก่อน

            จากนั้นการซื้อขายวัคซีนทั่วโลกจะกระจายมากขึ้น

            ตามหลักความจริงแล้ว ภาคเอกชนไม่สามารถที่จะนำเข้ามาได้เลย ถึงแม้จะเป็นตัวแทนให้ทางบริษัทมาขึ้นทะเบียนกับ อย. ทางบริษัทจะไม่สนใจที่จะมาขึ้นทะเบียน

            ถ้าภาครัฐไม่ร้องขอ บริษัทจะต้องการหนังสือรับรองแสดงเจตจำนง (LOI) จากทางภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น

            จนกว่าในอนาคตที่ได้ขึ้นทะเบียนเต็มรูปแบบ และรับประกันความรับผิดชอบแล้ว ภาคเอกชนจึงจะสามารถนำเข้ามาได้

            หรือนำมาขึ้นทะเบียนได้

            วัคซีนหลายชนิดที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่อยู่นอกแผนการให้วัคซีนแห่งชาติ เช่นวัคซีนผู้ใหญ่ป้องกันปอดบวม  วัคซีนเด็ก เพราะใช้ในยามปกติอยู่แล้ว และขึ้นทะเบียนได้ในภาวะปกติ

            แล้วจะนำวัคซีนเข้ามาโดยเอกชนได้อย่างไร

            ภาคเอกชนจะต้องรวมตัวกัน เจรจากับภาครัฐ และทางฝ่ายรัฐ หรือตัวแทนภาครัฐ จะต้องเป็นคนเจรจากับบริษัทวัคซีน จะต้องรับรอง หรือมีเงินกองทุน รับผิดชอบ กรณีมีปัญหาของวัคซีน

            เช่นอาการไม่พึงประสงค์! 

            เพราะถือว่าเป็นการแบ่งเบาภาครัฐ ภาครัฐจะต้องออกหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) Letter of Intent      หนังสือนี้จะต้องเป็นของภาครัฐ หรือตัวแทนภาครัฐเท่านั้น แสดงเจตนาต่อคู่สัญญาก่อนที่จะเซ็นสัญญาร่วมกัน

            ถ้าไม่มีหนังสือแสดงเจตจำนง บริษัทวัคซีนต่างๆ ก็จะไม่มาขึ้นทะเบียน ก็เป็นไปไม่ได้ที่ภาคเอกชนจะนำเข้ามา

            โดยหลักการแล้ว บริษัทใหญ่ๆ นายทุนใหญ่ๆ ก็อยากจะช่วยเหลือภาครัฐนำเข้าวัคซีน ที่เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ ที่ต้องการให้เศรษฐกิจฟื้นเร็ว

            แต่ในความเป็นจริง ภาคเอกชน หรือนายทุนที่จะช่วยเหลือ เช่นโรงงานต่างๆ สภาอุตสาหกรรมฯ แหล่งท่องเที่ยว ถ้าทางภาครัฐไม่เข้าร่วมเจรจากับบริษัทวัคซีนแล้ว ก็จะเป็นการยากที่จะมีการนำเข้ามาในช่วงนี้

            จนกว่าจะมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน

            ดังนั้น หลายคนที่ถามมาว่า ทำไมภาคเอกชนที่อยากนำเข้า แต่ไม่สามารถนำเข้ามาได้ คงจะได้เข้าใจ

            ก็น่ายินดีครับ ล่าสุดมีความพยายามที่จะแก้ปัญหากันอยู่

            วานนี้ "คุณหมอทวีศิลป์" แถลงข่าว ใจความตามนี้ครับ

                ...สำหรับการบริหารจัดการวัคซีนให้กับประชาชนนั้น ขณะนี้ภาครัฐจัดหาได้ประมาณ ๗๕ ล้านโดส

                สามารถฉีดให้กับประชากร ๓๕ ล้านคน

                แต่กระทรวงสาธารณสุขประเมินว่า หากจะให้ประชาชนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่จะต้องฉีดวัคซีนในประชาชนไม่ต่ำกว่า ๔๐ ล้านคน

                ดังนั้น จึงยังขาดวัคซีนอีก ๑๐ ล้านโดส

                เพื่อฉีดให้กับประชาชนอีก ๕ ล้านคน

                ทางโรงพยาบาลเอกชนเสนอตัวนำเข้าวัคซีนเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แต่ที่ผ่านมามีข้อติดขัดคือ บริษัทผู้ผลิตในต่างประเทศต้องการหนังสือรับรองจากภาครัฐ

                จึงขอให้หน่วยงานของภาครัฐออกหนังสือรับรองให้ หรือให้องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อเข้ามาแล้วให้โรงพยาบาลเอกชนแบ่งซื้อไปฉีดให้กับประชาชนอีกต่อหนึ่ง

                นายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับทุกข้อเสนอ

                และแต่งตั้งให้ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานคณะทำงานจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม

                มีองค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันหาแนวทางและเสนอให้นายกรัฐมนตรีรับทราบภายใน ๑ เดือน เพื่อเร่งจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เร็วที่สุด.....

            คนทำงานกับคนวิจารณ์นั้น ความเครียด การแบกรับความคาดหวังแตกต่างกันมาก

            คนวิจารณ์มันปากมีเยอะ แต่คนทำงานทำพลาดแม้นิดเดียวไม่ได้ พลาดเมื่อไหร่ถูกถล่มเละเป็นโจ๊ก สังคมไทยมันเป็นแบบนั้น

            ครับ....โควิดวัคซีน ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อได้

            ลดความรุนแรงของโรคได้ ทำให้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล และไม่เสียชีวิต 

            แต่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ ๑๐๐%

            โปรดเข้าใจตามนี้ด้วย.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"