“ป่วยตาย”กับ“อดตาย”น่ากลัวพอๆกัน!!!


เพิ่มเพื่อน    

     จริง-ไม่จริง...ก็ยังไม่รู้!!! แต่เห็นเว็บไซต์ มติชน เมื่อช่วงคืนเสาร์ เขาหยิบเอามาเป็น ข่าวด่วน อ้างข้อมูลจากเว็บไซต์กระทรวงมหาดไทย ว่าบรรดาจังหวัดต่างๆ ในบ้านเรา ถึง 33 จังหวัด คิดจะกักตัว กักบริเวณ ไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางมาจาก พื้นที่กลุ่มเสี่ยง หรือคงไม่ต่างไปจากการ ล็อกดาวน์ กว่าครึ่งประเทศไปแล้วนั่นเอง...

                          -------------------------------------------

            อันนี้...คงต้องไปตรวจเช็ก ตรวจสอบ ให้ชัดเจนกันอีกครั้ง เพราะบรรดาข่าวคราวอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะอยู่ในเว็บไซต์-นอกเว็บไซต์ ในโซเชียลมีเดีย-ไม่โซเชียลมีเดีย มันอาจไม่ตรงกับข้อมูล-ข้อเท็จจริงซะทีเดียวนัก เนื่องจากการลอกกันไป-ลอกกันมา อันเป็นกรรมวิธีการหาข่าว แพร่ข่าว ของสื่อแทบทุกชนิดไปแล้วในช่วงหลังๆ นี้ แต่ถ้ามันเป็นจริง หรือเป็นไปตามนั้น ก็ต้องเรียกว่า...น่าขนลุกขนพอง น่าสยดสยองอยู่พอสมควร สำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสระลอกใหม่ล่าสุด โดยจะเรียกว่าระลอกที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่...

                        ----------------------------------------------

            คือถ้าหากมันต้องกักตัว กักบริเวณ เอาไว้ 7 วัน 14 วัน หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ เพราะข่าวด่วนที่เผยแพร่อยู่ในเว็บไซต์ มติชน ดูจะหนักไปทาง ข่าวด้วน อยู่พอสมควร ไม่ได้ให้รายละเอียด ไม่ได้ไล่เรียงที่มา-ที่ไปให้ชัดๆ จะจะ ดังนั้นสำหรับบรรดาผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในอาณาบริเวณ พื้นที่กลุ่มเสี่ยง อย่างกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรปราการ ฯลฯ คิดจะกลับบ้าน-กลับช่อง กลับไปเยี่ยมใครต่อใครในช่วง สงกรานต์ พอดิบ พอดี ถ้ามีอันต้องถูกกักตัว กักบริเวณเอาไว้ถึง 7 วัน 14 วัน ก็คงไม่มีโอกาสได้เยี่ยม ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า-เห็นตาใครต่อใคร อะไรต่อมิอะไรต่อไปอีกแล้ว แทบเรียกว่า..กลับไป ติดคุก เราดีๆ นี่เอง...

                  ------------------------------------------------

            การกักตัว กักบริเวณ ระดับเกือบถือเป็นการ ล็อกดาวน์ แทบทั้งประเทศเช่นนี้ ย่อมแน่นอนนั่นแหละว่า...หนีไม่พ้นต้องส่งผลให้จำนวน ผู้อดตาย อาจใกล้เคียงกับจำนวน ผู้ป่วยตาย ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ เพราะอย่างที่ท่านประธานหอการค้าฯ ท่านเปรยๆ ไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า แนวโน้มที่ภาวะเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์ อาจเสียหายอีกไม่น้อยไปกว่า 5,000 ล้านบาท มีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ และนั่นย่อมต้องกลายเป็น ภาระ ของรัฐบาล ที่พยายามงัดเอามาตรการ โครงการ แทบไม่รู้กี่ต่อกี่โครงการเข้าไปแล้ว มาเยียวยา ประคับประคองใครต่อใครกันอุตลุด แต่ไปๆ-มาๆ ทำท่าว่าอาจ ถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม เอาง่ายๆ แม้จะถมมาแล้วไม่รู้จะกี่หมื่น กี่แสนล้าน...

                        -----------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องเรียกว่า น่าห่วง น่าวิตก น่ากังวล เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าในแง่ระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ก็ตามที ด้วยเหตุเพราะสิ่งที่เรียกว่า เศรษฐกิจ นั้น มันสามารถก่อให้เกิดรูปร่าง วิถีทาง หรือแม้แต่ทิศทางความเป็นไปของสังคม ของประเทศชาติบ้านเมือง ได้อย่างมิอาจแยกและตัดขาดออกจากสิ่งอื่นๆ ได้เลย คือแค่เศรษฐกิจมันเปลี่ยนวิถีทางเดิมๆ หรือจากการ ทำมา-หากิน กลายมาเป็นการ ทำมา-ค้าขาย แต่เพียงเท่านั้น สังคมทั้งสังคม ไม่ว่าในระดับราก หรือระดับยอดก็ตาม หนีไม่พ้นต้องปรับ ต้องเปลี่ยน ไปตามสภาพอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ส่งผลให้การเมือง-การปกครองต้องเปลี่ยนสภาพ แปรสภาพ ตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...

                      --------------------------------------------------

            แค่เฉพาะการสู้ การรับมือ กับเชื้อโควิด เพียงลำพังล้วนๆ ก็ต้องเรียกว่า...ออกจะอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์อยู่พอสมควรแล้ว แต่การต้องสู้กับภาวะเศรษฐกิจ อันเป็นผลต่อเนื่องและผลกระทบที่ตามมา อีกไม่รู้กี่ยก-ต่อกี่ยก ไม่ว่าระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ยิ่งเป็นอะไรที่น่าห่วง น่าวิตก น่ากังวล ยิ่งขึ้นไปใหญ่ โดยเฉพาะถ้าหากยังคิดที่จะอาศัยความทะเยอทะยาน ความปรารถนา-ความต้องการ ที่ออกจะ เกินตัว ไปซักหน่อย ประเภทอยากเป็น “เสือ” ตัวที่ 4 ตัวที่ 5 อะไรประมาณนั้น หรือความพยายาม อุต-ส่าห์-หา-กรรม (อุตสาหกรรม) ที่เคยส่งผลให้สังคมทั้งสังคม เดินหน้าไปสู่ความฉิบหาย มาโดยตลอด แผนพัฒนาฯ ไม่รู้กี่ต่อกี่ฉบับ พร้อมๆ กับการวนมา-วนไปของระบบการเมือง-การปกครอง ที่เรียกขานกันในนาม ประชาธิปไตย แบบไม่คิดจะไปไหนกะเค้าซักที...

         ---------------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องเตรียมตัว-เตรียมใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ให้ละเอียดและประณีตเอามากๆ เพราะไม่ว่า เศรษฐกิจ มันไปทางไหน สังคม และ การเมือง หนีไม่พ้นต้องเป็นไปตามนั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย แค่เฉพาะระดมพวก เจ้าสัว มาช่วยเขียน ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี มันคงไม่พอ หรืออาจไม่ถึงกับสอดคล้องทิศทางความเป็นไปในอนาคตมากมายซักเท่าไหร่นัก มีแต่ต้องหันมาเริ่มต้นอะไรต่อมิอะไรที่พอเหมาะ พอตัว หรือ พอเพียง ไว้ซะแต่เนิ่นๆ ไม่งั้น...โอกาสที่จะประคับประคองสังคมและการเมือง ให้เป็นไปตามวิถีทางเดิมๆ น่าจะยิ่งยากซ์ซ์ซ์ ลำบากก์ก์ก์ ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                            ----------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Epictetus” (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... Fortify yourself with contentment, for this an impregnable fortress.- จงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตัวท่านเองด้วยความสันโดษ (พอเพียง) เพราะนี่คือป้อมปราการที่ไม่มีผู้ใดจะตีแตก...”.

             ------------------------------------------------------

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"