คำอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์


เพิ่มเพื่อน    

          น่าจะสลบซบเซากันไปพอสมควรทีเดียว...สำหรับบรรยากาศ สงกรานต์ เที่ยวนี้ ภาพที่เคยกรี๊ดๆ กร๊าดๆ สาดน้ำคว่ำขัน รินรด ประพรม ราดหลัง-ราดไหล่ พร้อมด้วยรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ คงแทบไม่หลงเหลือ ไม่ว่า ณ ซอกมุมหนึ่ง ซอกมุมใด อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของ ศัตรูที่มองไม่เห็น อย่างท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดันมาตูมๆ ตามๆ ในช่วงจังหวะระหว่างนี้แบบพอดิบ-พอดี...

                          --------------------------------------------

            ไม่เพียงแต่จำนวน ผู้ติดเชื้อ ที่พุ่งพรวดๆ พราดๆ จากไม่เกินหลักสิบ กลายเป็นหลักร้อย แถมทำท่าว่าเผลอๆ...อาจขึ้นไปถึงหลักพันเอาเลยก็ไม่แน่!!! บรรดาผู้ที่ดันไปติดโน่น ติดนี่ ไม่ว่า ไทม์ไลน์ จะเป็นยังไงก็แล้วแต่ ก็เต็มไปด้วยบรรดาผู้ที่เป็นที่รู้จัก มักจี่ เป็นคนเด่น คนดัง เป็นซัมบอดี้ ไม่ได้ถึงกับโนบอดี้ แบบไม่ต้องเก็บมาคิดอะไรเลย อันนี้...มันก็เลยเป็นตัวเพิ่มบรรยากาศความน่าขนลุก ขนพอง น่าหวาดหวั่น สั่นสยอง ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ภายใต้บรรยากาศทำนองนี้...คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า คิดไม่ออก-บอกไม่ถูก อยู่เหมือนกัน ว่าจะหาทางทำอะไรที่พอช่วยให้อะไรต่อมิอะไร มันดีขึ้นๆ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่หีดๆ หุ้ยๆ ก็ยังดี...

            ------------------------------------------------

            อันดับแรก...ที่อาจพอช่วยได้ ทำได้ น่าจะหนีไม่พ้นไปจากการ แขวนปาก เลิกดุด่า ว่ากล่าว เลิกติฉิน นินทา ไม่ว่าใครต่อใครไปซักพักใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเภทน่าเกลียด น่าทุเรศ ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน เพราะโดยสีสัน บรรยากาศ มันดูจะไม่เหมาะ ไม่ค่อยสอดคล้อง ต่อการแสดงออกถึงอารมณ์-ความรู้สึกประเภทโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง กันซักเท่าไหร่นัก เนื่องจากอารมณ์ประเภทนี้ มันออกจะมีอยู่เยอะแล้ว หรือ เยอะเกินไป ซะด้วยซ้ำ!!! แพร่ระบาดอยู่ในโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความเป็นจริง ไม่น้อยไปกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 เอาเลยก็ไม่แน่ การไปเพิ่มเติมความรู้สึกทำนองนี้ให้กับสังคมที่เหลือจะรับ เหลือจะแบก มันคงไม่ต่างอะไรไปจากการ เพิ่มขยะ ไม่ว่าจะเป็นขยะของใคร-ของมันก็ตามที???

                        --------------------------------------------------

            มีแต่ต้องหาทางเจือจานความรัก ความปรารถนาดี ความห่วงใย ห่วงหาอนาทรซึ่งกันและกันนั่นแหละ มันถึงพอช่วยเจือๆ จางๆ ช่วยลดจำนวนขยะ หรือช่วยให้บางสิ่ง บางอย่าง บางซอก บางมุม มันพอสะอาดหู สะอาดตา ขึ้นมาได้มั่ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะไปหาวิธีไหน รูปไหน แบบไหน??? เพราะขนาดพวก พระ ท่านเคยพยายามสวดมนต์ ท่องมนต์ กันแบบชนิดข้ามคืน-ข้ามปี แต่ระหว่างสวดๆ ท่องๆ ยังหนีไม่พ้นต้อง เว้นระยะห่าง ต้อง สวมหน้ากาก ปิดปาก ปิดจมูก ปิดคาง จนแทบไม่รู้ว่าจะมีผลทำให้ คาถา ต่างๆ ลดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ลงไปด้วยหรือไม่ อย่างไร แต่อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้เกิด ขวัญ เกิด กำลังใจ ขึ้นมาได้บ้าง แม้แต่เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี...

                 ---------------------------------------------------

            คือในยุคโบร่ำ-โบราณ ยุคที่อะไรต่อมิอะไรยังไม่ถึงกับก้าวหน้า-ล้ำสมัย จนใครต่อใครสามารถก้าวล้ำลงไปสู่เหวนรกได้เร็วเท่ายุคนี้ สมัยนี้นั้น การสร้างขวัญ ทำขวัญ แม้แต่ไม่ใช่พวก พระ ก็ตาม ยังพอช่วยให้ใครต่อใคร อะไรต่อมิอะไร มันดีขึ้นๆ ขึ้นมาได้มั่ง โดยเฉพาะภายใต้บรรยากาศที่แทบไม่รู้จะหาทางออก ทางไป หรือแม้แต่ ทางรอด กันในลักษณะไหนก็ตาม อย่างเช่น ลีลาการ ทำขวัญ ที่ปรากฏอยู่ในคำกลอน สุนทรภู่ เริ่มด้วยการปลอบโยน ปลอบประโลม ส่งเสียงเรียก ขวัญ ที่เผ่นกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหน แบบแหบแห้ง แหบโหย ถึงขั้นว่า “พ่อเมื้อเมืองดง-เอาพงเป็นเหย้า-อึดปลาอึดข้าว-ขวัญเจ้าตกหาย-ขวัญอ่อนร่อนเร่-ว้าเหว่สู่กาย-สู่ปลายยางยูง-ท้องทุ่งท้องนา ฯลฯ” อะไรประมาณนั้น...

                      -----------------------------------------------------

            โดยไม่ว่าสิ่งที่เรียกว่า ขวัญ นั้น...มันจะกลับมา-ไม่กลับมา แต่อย่างน้อยก็น่าจะพอช่วยให้เกิด ความหวัง หรือเกิด พลัง อีกชนิดหนึ่ง ที่อาจมีความสำคัญไม่แพ้เรี่ยวแรงโดยปกติและธรรมดา นั่นก็คือ พลังใจ หรือ กำลังใจ นั่นเอง และในประวัติศาสตร์สังคมของมวลมนุษยชาติ ไม่ว่าสังคมไหนต่อสังคมไหน เมื่อไหร่ที่ต้องเจอกับภาวะที่แทบหาทางออก ทางไปหรือทางรอด แทบไม่เจอ พลัง หรือ กำลัง ชนิดนี้นี่แหละ ที่กลับมีความสำคัญเอามากๆ แม้แต่จักรวรรดิอันสุดจะยิ่งใหญ่ เกรียงไกร อย่าง จักรวรรดิโรมัน ในอดีตก็เถอะ เมื่อเจอกับการบุกรุก โจมตี ของศัตรูที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันอย่าง ฮานนิบาล เข้าแบบจะจะ จังๆ สุดท้าย...ก็ต้องหันไปปลุกขวัญ ปลอบขวัญ สร้างพลัง สร้างกำลัง ขึ้นมาด้วยวิธีทำนองนี้ อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย...

              -----------------------------------------------

            ส่วนบ้านเรายุคนี้ สมัยนี้...อะไรมันจะพอช่วยให้เกิด ขวัญ เกิด พลังใจ กำลังใจ ขึ้นมาได้มั่ง!!! อันนี้...ก็อยู่นอกเหนือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดา ที่พอจะเห็นภาพ เห็นรูป เห็นร่าง ได้ชัดเจน เพราะขนาด พระแท้ๆ ท่านลงทุนสวดมนต์ข้ามเดือน ข้ามปี สุดท้าย...ก็ยัง เอาไม่ค่อยจะอยู่ คือยังไม่สามารถเอาชนะสิ่งที่ถือเป็น ด้านตรงข้าม กับขวัญ พลังใจ กำลังใจ ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดลงไปซะที ยังมีอะไรต่อมิอะไรที่เป็นตัวบั่นทอน ทำลาย แยกสลาย สิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็นพลัง เป็นกำลังใจ ในการรับมือกับศัตรูที่ไม่ว่าจะมองเห็นหรือมองไม่เห็น ความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง จึงยังคงแพร่ระบาดไปในโลกเสมือนจริง-โลกแห่งความจริง ได้ไม่น้อยไปกว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 นั่นแล...

                                ------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...เท่าที่พอทำได้ ช่วยได้ คงหนีไม่พ้นไปจากการหาทางทำให้ตัวเอง ไม่ต้องเข้าไปส่วนหนึ่งของอารมณ์-ความรู้สึกประเภทนี้มากมายเกินไปนัก หรือแม้ว่าพายไม่เป็น พายไม่ได้ แต่น่าจะพอชักตีนไม่ให้ต้อง ราน้ำ ต่อไปเรื่อยๆ น่าจะไม่ถึงกับยาก ลำบาก จนเกินไป ถือซะว่า...ไม่ต่างไปจากการรินน้ำ รดน้ำ ประพรม ราดหลัง-ราดไหล่ กันในเชิง สัญลักษณ์ คงพอได้ พร้อมทั้งขออำนวย อวยพร ส่งความรัก ความปรารถนาดี มายังใครต่อใครที่ยังพอมี ความหวัง และ กำลังใจ ในอันที่จะหาทางออก ทางไป และทางรอด สำหรับสังคมไทยไม่ว่า ณ วันนี้ หรืออนาคตอันใกล้ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...

                             -----------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Neaunder... In adversity a man is saved by hope. ในยามวิบัติ...คนเราจะอยู่ได้ด้วย...ความหวัง” ...

                             --------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"