ปฏิบัติการบุกค้น3วัดดัง เงินทอนวัดใกล้อวสาน!


เพิ่มเพื่อน    

        ไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ สำหรับปฏิบัติการกองปราบปรามปูพรมตรวจค้น 3 วัดดังกลางกรุง ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสามพระยา และวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร

        ล้วนเป็นวัดที่มีพระผู้ใหญ่ ซึ่งถูก พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งความร้องทุกข์เอาไว้กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ป.) ก่อนหยุดยาวสงกรานต์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอนวัดทั้งสิ้น

        โดยเฉพาะ พระพรหมสิทธิ หรือ "เจ้าคุณธงชัย" เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระพรหมดิลก หรือ "เจ้าคุณเอื้อน" เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และ พระพรหมเมธี หรือ "เจ้าคุณจำนงค์" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)

        ความคืบหน้าของคดีนับแต่ พ.ต.ท.พงศ์พร แจ้งความต่อ ป.ป.ป. มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยเฉพาะการส่งสำนวนไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในเย็นวันที่ 11 เมษายน วันเดียวกันกับที่รับเรื่องจากผู้อำนวยการ พศ.

        ขณะที่ปฏิบัติการ "ฉีกหน้ากากแก๊งเงินทอนวัด" ในมือของกองปราบปรามดูจะวูบวาบ การดำเนินการต่างๆ มักปรากฏ "ตัวละคร" ที่เข้าใกล้ "ตัวใหญ่" มากขึ้นเรื่อยๆ

        โดยเฉพาะการเข้าตรวจค้นบ้าน ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ภายในซอยมิสทีน เขตสะพานสูง เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีพระผู้ใหญ่ไปให้ น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จำนวน 25 ล้านบาท

        การเข้าตรวจค้นบ้าน ร.ท.ฐิติทัตน์ ถือเป็นการปฏิบัติการครั้งสำคัญ เพราะทำให้ขยับเข้าใกล้พระผู้ใหญ่ 1 รูป ที่ถูกกล่าวหาคดีเงินทอนวัด หลังมีการขุดคุ้ยความสัมพันธ์หลายอย่าง

        ปฏิบัติการสาวไส้แก๊งเงินทอนวัดยังมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถัดจากนั้นแค่ 3 วัน ในวันที่ 19 พฤษภาคม กองปราบปรามได้เข้าตรวจค้นบ้านหลังใหญ่ ย่านบางกรวย จ.นนทบุรี หลังพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ได้รับเงินโอนเข้าบัญชี จำนวน 5 ล้านบาท จาก พศ.

        กองปราบปรามใช้เวลาเพียงเดือนเศษ ก่อนที่เปิดปฏิบัติ "กรุแตก" ตรวจค้น 3 วัดดัง ที่ก่อนหน้านี้มีแต่ข่าวคราวว่า เชื่อมโยงกับรูปนั้นรูปนี้ แต่ไม่มีการคอนเฟิร์ม ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา

        ถือว่าสั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองเมืองไทยอย่างมาก และถือเป็นครั้งแรกที่มีการเข้าตรวจค้นอารามหลวงพร้อมกันถึง 3 แห่ง เพื่อควบคุมตัวพระระดับเจ้าอาวาส และกรรมการ มส.

        ที่สำคัญยิ่งสมทบความเชื่อของพุทธศาสนิกชนก่อนหน้านี้ที่ตะขิดตะขวงใจมานานว่า สุดท้ายเป็นเพียงแค่การปรักปรำหรือไม่ หลัง "เจ้าคุณธงชัย" หายตัวไปตั้งแต่ค่ำวันที่ 23 พฤษภาคม

        อย่างไรก็ตาม ตลอดการรุกคดีเงินทอนวัดด้วยการแจ้งความพระผู้ใหญ่ใน มส. 3 รูป มีข่าวลือออกมาตลอดว่า "เจ้าคุณธงชัย" ที่ดูเหมือนว่าจะถูกจับจ้องมากสุดหลังการบุกค้นบ้าน ร.ท.ฐิติทัตน์ ได้หลบหนีไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

        แต่จนแล้วจนรอด เจ้าอาวาสวัดสระเกศยังคงมาปรากฏตัว และเข้าร่วมการประชุม มส.อยู่ตลอด แม้กระทั่งล่าสุด เพื่อเป็นการสยบข่าว

        สาเหตุที่หลบหนีจนกระทั่งปล่อยมาถึง "เส้นยาแดงผ่าแปด" ก่อนการตรวจค้นวัดไม่กี่ชั่วโมง เพราะมีการประเมินกันว่า การตรวจสอบเงินทอดวัด ที่แจ้งความพระผู้ใหญ่ใน มส. 3 รูป จะสร้างผลกระทบให้หนักสุดเพียง "ปลด" หรือ "พักงาน" พระราชาคณะเหล่านั้น

        เหมือนที่พระพรหมสุธี หรือ "เจ้าคุณเสนาะ" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศเคยโดน หลังพัวพันคดีงบประมาณพิธีพระราชทานเพลิงสมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ "สมเด็จเกี่ยว" อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ไม่ถึงขั้น "จับเข้าคุก"

        โดยมีรายงานว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา "เจ้าคุณธงชัย" ได้หารือร่วมกับพระหลายรูปที่วัดสระเกศ เกี่ยวกับทางหนีทีไล่

        ว่ากันว่า มีการวางเกมจะดัน "เจ้าคณะภาค" 1 รูป ที่เป็นพระในเครือข่าย ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศต่อจากตนเองเมื่อถูก "ปลด" หรือ "พักงาน" เพื่อมารักษาผลประโยชน์ในวัดแห่งนี้ที่มีระดับถึง 1,000 ล้านบาท

        แต่เมื่อข่าวหลุดมาว่า ปฏิบัติการครั้งนี้จากตำรวจอาจแรงกว่าแค่ "ปลด" หรือ "พักงาน" ก็มีการเปลี่ยนแผน เตรียมเงินร้อยกว่าล้านบาทในบัญชี เพื่อหาช่องทางหลบหนี ทว่า เงินก้อนนั้นถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดไปเสียแล้ว

        ยังมีรายงานอีกว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา "เจ้าคุณธงชัย" ยังคงอยู่ในประเทศ แต่ได้หลบออกทาง "ประตูลับ" ที่เพิ่งจะสร้างขึ้นมาได้ไม่นาน

        สิ่งที่น่าสนใจนับจากนี้ นอกจากรูปคดีที่กองปราบปรามดำเนินการ คือ "สถานะ" ของพระผู้ใหญ่ทั้ง 3 รูป ใน มส.ว่า จะถูก "พักงาน" หรือ "ปลด" หรือไม่ หลังคดีคืบหน้าถึงขั้นต้อง "ฝากขัง" และ "ประกันตัว" โดยตรงนี้ถือเป็นพระราชอำนาจของสมเด็จพระสังฆราช ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2535

        ขณะที่ในการประชุมพระสังฆาธิการทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานพระโอวาทตอนหนึ่ง ว่า

        "พระสังฆาธิการที่มาประชุมในที่นี้ ย่อมทราบดีว่า เป็นเจ้าพนักงาน ตามกฎหมายในกฎหมายของบ้านเมือง ถ้าบุคคลใดมีตำแหน่งหน้าที่เป็นเจ้าพนักงาน ก็ย่อมอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกันคือ ถ้าปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ บุคคลผู้เป็นพนักงานย่อมต้องได้รับผลร้ายตามกฎหมายของบ้านเมืองอย่างไม่มีข้อยกเว้น"

       สถานะของพระผู้ใหญ่ ในสัปดาห์นี้ต่อเนื่องสัปดาห์หน้า จึงน่าติดตามทั้งทางโลกคือ "คดี" และทางสงฆ์คือ "พระธรรมวินัย".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"