บททดสอบความยากลำบากแห่งอนาคต


เพิ่มเพื่อน    

      ถ้าคิดให้ บวกๆ เข้าไว้...ความยากลำบาก เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดเที่ยวนี้ อาจถือเป็น การฝึก เป็น บททดสอบ หรือเป็นการ เตรียมพร้อม เพื่อรับมือกับสิ่งที่มันอาจหนักหนา-สาหัสยิ่งไปกว่านี้ ที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า โดยลักษณะแนวโน้มแล้ว...มันชักจะมี ความเป็นไปได้ สูงยิ่งเข้าไปทุกที!!!

                      -------------------------------------------------------

            นั่นก็คือ ความเป็นไปของโลก ชะตากรรมและอนาคตของโลก ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้...ที่ทำท่าว่าอาจตูมๆ-ตามๆ ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่แน่??? คือตูมกันในระดับอาจต้องฉิบหาย วายวอด กันไปทั่วทั้งโลก หรืออาจต้องถูกฉุดกระชากลากถูให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ส่วนใด ของกงกรรม-กงเกวียน แบบชนิดยากซ์ซ์ซ์ที่จะปฏิเสธ หรือถึงแม้ไม่คิดจะชักศึกเข้าบ้าน แต่ศึกที่มันอาจระเบิดเถิดเทิงขึ้นมาใกล้บ้าน รอบบ้าน เผลอๆ...อาจถึงขั้นรอบโลกเอาเลยก็ยังได้ มันอาจทะลักหลั่งควั่งพรูไหลเข้ามาภายในบ้านไม่ว่าในทางหนึ่ง ทางใด ไม่ต่างไปจากเมื่อครั้ง ความพยายามเป็นกลาง ในยุคอดีตนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นั่นแล...

              ----------------------------------------------------------

            คือถ้าลองถึงขั้นนั้นขึ้นมาเมื่อไหร่...เรื่องฉากสถานการณ์การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ อาจกลายเป็นเรื่อง ชิลๆ ไปโดยทันที!!! เผลอๆ...อาจต้องจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม กันอีกไม่รู้กี่ต่อกี่สนาม อาจต้องจัดสรร ปันส่วน พริก กะปิ กระเทียม น้ำปลา ข้าวสาร อาหารแห้ง ฯลฯ ต้องกระเบียดกระเสียรสิ่งจำเป็นในแต่ละประเภท ไม่ว่าหยูกยา เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ต้องมุดไปนอนค้าง ไปปักหลัก พักแรม ลี้ภัย หลบภัยใน หลุม แต่ละหลุมเอาเลยก็ไม่แน่ อันนี้...ถ้าว่ากันตามคำบอกเล่าของบรรดาผู้ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ ผ่านฉากเหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อาจยังพอหลงเหลืออยู่บ้าง แม้จะน้อยเต็มที แต่เป็นอะไรที่น่าขนหัวลุก น่าขนพองสยองขวัญ ซะยิ่งกว่าฉากเหตุการณ์ช่วงนี้อยู่แล้วแน่ๆ...

                  ---------------------------------------------------------

            แล้วอย่าไป โลกสวย ชนิดถึงกับคิดว่า...อะไรที่ว่านี้มันคงไม่เกิด คงไม่น่าจะอุบัติขึ้นมาได้อีก เพราะเอาไป-เอามาแล้ว โลกทุกวันนี้ หรือช่วงระยะนี้ มันออกจะเป็นอะไรที่หวีดหวิว ฉิวเฉียด เอามากๆ ใครที่ติดตาม ให้ความสนใจ ต่อข่าวคราวความเป็นไปของโลก หรือ ข่าวต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ น่าจะพอ สำเหนียก หรือ ตระหนัก ถึงความเป็นไปทำนองนี้ได้ไม่ยาก พูดง่ายๆ ว่า...มันเป็นโลกที่แทบหาข้อยุติ หาจุดลงตัวกันไม่เจอ ระหว่างผู้ที่อยากให้โลกเป็นไปในแบบ โลกที่มีขั้วอำนาจเดียว กับผู้ที่ปรารถนาและต้องการที่จะเห็นโลกเป็นไปในแบบ โลกหลายขั้วอำนาจ ที่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันน่าจะมาถึงขั้นที่ไม่มีใครยอมใคร หรือแทบไม่คิดประนีประนอมซึ่งกันและกันได้อีกต่อไปแล้ว...

                    ------------------------------------------------------------

            คือระหว่างที่พวก โลกขั้วอำนาจเดียว ซึ่งก็คือคุณพ่ออเมริกาของหมู่เฮานั่นแหละ รวมทั้งบรรดาประเทศพันธมิตรตะวันตก ที่เคยครองโลก ครอบงำโลกทั้งโลก มานับเป็นศตวรรษๆ ต่างต้องประสบความเสื่อม ความโทรม ลงไปตามลำดับ ต้อง Westlessness ชนิดแม้แต่ จุดขาย ที่เคยสำคัญเอามากๆ อย่างเช่นสิ่งที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ที่สามารถเอาไว้ดม ไว้อม ไว้ทา เอาไว้หยอด สอด เสียบ ได้เสมอๆ ยังเป็นอะไรที่ ขายไม่ได้ หรือขายไม่ค่อยจะออก เผอิญว่าจังหวะเดียวกันนี้ บรรดาพวกเผด็จการที่น่าจะ แตกดังโพละ ไปเป็นรายๆ จากปัญหาภายในทั้งหลาย ไม่ว่าเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ก็แล้วแต่ นอกจากไม่ถึงกับแตกแล้ว ยังกลับมามีฤทธิ์ มีเดช อย่างเช่นคุณพี่จีนเป็นต้น หรือแม้แตกไปแล้วอย่างคุณน้ารัสเซีย แต่ก็ยังดันกลับมามีฤทธิ์ มีเดช ได้อีกครั้ง จนสามารถผงาดขึ้นเป็น คู่แข่ง หรือสามารถเพรียกหาและทวงถามความเป็น โลกหลายขั้วอำนาจ ได้แบบเต็มปาก เต็มคำ ยิ่งเข้าไปทุกที...

                      ----------------------------------------------------------

            อันนี้นี่แหละ...ที่มันทำให้ยากซ์ซ์ซ์จะหาข้อยุติ หาจุดลงตัว ได้ง่ายๆ แม้จะพยายามแล้ว พยายามอีก มานับเป็นทศวรรษๆ เอาเลยก็ว่าได้ พบปะ เจรจา หารือในเรื่อง ยุทธศาสตร์ ระหว่างทั้งสองฝ่ายแบบเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเข้าสู่ จุดตัด หรือจุดที่ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด มีแต่ต้องฉิบหาย วายวอด กันไปข้าง ยิ่งในยุคที่ ประมุขโลก รายใหม่ อย่างคุณทวด โจ ซึมเซา ผงาดขึ้นเป็นประธานาธิบดีอเมริกาด้วยแล้ว ความเอาจริง-เอาจัง เอาเรื่อง-เอาราว แบบชนิดเป็นเรื่อง-เป็นราว ยิ่งน่าจะหนักซะยิ่งกว่ายุค ทรัมป์บ้า หลายต่อหลายเท่า...

                  ---------------------------------------------------------

            บรรดา ข่าวล่า-มาเรือ จาก แนวรบ ต่างๆ...ไม่ว่า แนวรบยุโรปตะวันออก แถวๆ ยูเครน แนวรบในเอเชีย แถวๆ ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะแถวๆ ช่องแคบไต้หวัน ไปจนถึง แนวรบในตะวันออกกลาง ที่เพิ่งเกิดการวินาศกรรมโรงงานปฏิกรณ์นิวเคลียร์อิหร่าน โดยฝีมือของอิสราเอล หรือโดยการรู้เห็น เป็นใจของอเมริกาหรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวคราวที่สะท้อนให้เห็นถึงความหวีดหวิว ฉิวเฉียด ยิ่งเข้าไปทุกที เหลืออยู่แค่ว่า...ใครกันแน่??? ที่จะเป็นผู้ลงมือ ลั่นกระสุนนัดแรก หรือ จรวดลูกแรก อันอาจไม่ต่างไปจากการ จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า ขึ้นมาแบบฉับพลัน-ทันที

                     --------------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ประเทศเล็กๆ ระดับหญ้าแพรกใต้ตีนช้าง อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา พึงต้องพยายามเรียนรู้เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ก็คือมีแต่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นเอง ที่อาจพอช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา ช่วยให้เกิด ทางรอด ไม่ว่าจะเหลือ ทางเลือก อยู่กี่ทางก็แล้วแต่ นั่นก็คือ ความร่วมมือ-ร่วมใจ ของผู้คนในชาตินั่นแล การหาทางสลายความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ระหว่างผู้คนในสังคมเดียวกันเอง ให้พอเจือจางลงไปน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ไม่งั้น...โอกาสที่ หญ้าแพรก...จะแหลกลาญ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นทุกที...

                    ------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Hanson W. Baldwin ... The nations combat potential is no stronger than the will of its nation.- โดยศักยภาพในการรับมือศึก-สงครามของแต่ละประเทศ ไม่มีอะไรเหนือไปกว่ากำลังใจและความมุ่งมั่นของพลเมือง...”.

                  --------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"