‘ประยุทธ์’ การ์ดตกโควิดระบาดรอบ 3 ประชาชนทนทุกข์ สถานการณ์ใกล้สุกงอม


เพิ่มเพื่อน    

 

    การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ หรือรอบ 3 กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว ไม่มีจังหวัดไหนที่ไม่มีคนติดเชื้อ

ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันเสาร์ที่ 17 เมษายน 2564 มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,547 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 40,585 ราย หายป่วยเพิ่ม 90 ราย รวมแล้ว 28,750 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สะสมรวม 99 ราย

การระบาดรอบ 3 นี้ส่งผลให้แผนการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต้องพับไว้ทันที ธุรกิจท่องเที่ยวที่ตายสนิทมานับปี คงต้องตอกฝาโลงกันคราวนี้ โดยเฉพาะการระบาดรอบ 3 นี้มาจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แหล่งท่องเที่ยวของคนกลางคืนระดับไฮโซ ผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศมาใช้บริการ

เป็นการระบาดจาก คริสตัลคลับ กับ เอมเมอรัลด์ผับ คลับชื่อดังย่านทองหล่อ กลายเป็น คลัสเตอร์ทองหล่อ กระจายเชื้อไปทั่วประเทศ เป็นโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ ที่ผู้ป่วยจะยังไม่แสดงอาการ จึงกระจายเชื้ออย่างรวดเร็วและกว้างขวาง ซึ่งคาดว่ากลุ่มธุรกิจสีเทาและหญิงสาวบริการไปติดเชื้อจากบ่อนการพนันฝั่งกัมพูชาแล้วนำมายังสถานบันเทิงย่านทองหล่อ     

ท่ามกลางกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองระดับรัฐมนตรีไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ แล้วติดเชื้อโควิดจากผู้ให้บริการด้วย

ต่อมา นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ออกมายอมรับว่าติดเชื้อโควิดจริง โดยสำนักงานสาธารณสุขบุรีรัมย์ (สสจ.) เปิดเผยไทม์ไลน์ รมว.คมนาคม ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.-7 เม.ย. แต่ไม่มีไทม์ไลน์ย่านทองหล่อแต่อย่างใด โดยระบุว่านายศักดิ์สยามติดจากคณะทำงานหน้าห้องที่ไปเที่ยวกับเพื่อนที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ แล้วกระจายติดทีมงานและตำรวจผู้ติดตาม รมต.อีกหลายคน

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค.กับ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข มักจะกล่าวเตือนประชาชนอยู่เสมอว่า อย่าการ์ดตก แถมยังด่าคนการ์ดตกว่าด้วยว่า “ไร้จิตสำนึก”

แต่การระบาดรอบ 3 ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์กับนายอนุทินน้ำท่วมปากพูดไม่ออก พล.อ.ประยุทธ์บอกแค่ว่าอย่าไปเที่ยวที่อโคจร ให้เป็นเรื่องบทเรียน ทั้งที่มีบทเรียนให้เห็นมา 2 รอบแล้ว ส่วนนายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แทบไม่พูดถึงเลขาธิการพรรคของตัวเองที่ติดโควิดแต่อย่างใด

ที่สำคัญการระบาดครั้งใหญ่ทั้ง 3 รอบมาจากแหล่งอโคจรทั้งนั้น ครั้งแรกมาจากสนามมวยลุมพินีของกองทัพบก ครั้งที่ 2 มาจากแรงงานเถื่อนผิดกฎหมาย และบ่อนการพนัน ครั้งที่ 3 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ

ดร.มานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ระบุว่า ทุกกรณีล้วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมายและมีพฤติกรรมคอร์รัปชันอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น โดยทุกคนล้วนละเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของรัฐ เหตุการณ์นี้จึงสะท้อนปัญหา ‘จริยธรรม’ ของนักการเมืองที่เรื้อรัง พร้อมเรียกร้องให้ ป.ป.ช., ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรมควรทำหน้าที่วินิจฉัยด้วย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตอกย้ำถึงโควิดระบาดรุนแรงทั้ง 3 ครั้ง ล้วนเป็นการบริหารจัดการที่ผิดพลาด หย่อนยาน ปล่อยปละจากหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มีวุฒิภาวะผู้นำ ยังไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม แม้ศาลจะลงโทษ จำคุก 2 ผู้จัดการ คริสตัลคลับ-เอเมอรัลด์ผับ   2 เดือนไม่รอลงอาญา ต้นตอคลัสเตอร์โควิด ความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.สถานบริการ แต่เป็นที่รู้กันดีว่าผู้จัดการทั้ง2คน เป็นแค่นอมินีเท่านั้น

เพราะแหล่งอโคจรธุรกิจสีเทา ที่ไม่มีใบอนุญาต จะต้องมีแบ๊กที่มีอิทธิพลใหญ่โต และมีเจ้าหน้าที่รัฐหนุนหลังและให้การคุ้มครอง

ต่อมาพล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (ผบก.น.5) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในสถานประกอบการพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ จากนั้นสั่งให้พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ  และ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น สวป.สน.ทองหล่อ รักษาราชการแทนรอง ผกก.ป.สน.ทองหล่อ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (ศปก.บก.น.5)

สำหรับ พ.ต.อ.ดวงโชติ มีศักดิ์เป็นหลานเขย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดย พ.ต.อ.ดวงโชติแต่งงานกับลูกสาวของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ซึ่งเป็นน้องชายของ พล.อ.ประวิตร

ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) กล่าวว่า กรณีมีหลักฐานปรากฏชัดว่าการแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 3 ครั้งนี้ มีที่มาจากสถานบันเทิงผิดกฎหมายขนาดใหญ่ 2 แห่งในเขต สน.ทองหล่อ เป็นที่ทราบกันดีในวงการตำรวจว่ามีสาเหตุมาจากการปล่อยปละละเลย รวมทั้งการทุจริตประพฤติมิชอบของตำรวจผู้ใหญ่ในการ "รับส่วยสินบน" จากแหล่งอบายมุขผิดกฎหมาย ทั้งจากผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ประกอบธุรกิจเหล่านี้และอีกมากมาย ไม่ต่างไปจากปัญหา "บ่อนการพนัน" สารพัดรูปแบบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศไทย           

"ถึงเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องคิดทบทวนได้แล้วว่าเหตุใดกว่า 7 ปีที่ผ่านมา นับแต่ท่านทำการปฏิวัติยึดอำนาจจนกระทั่งปัจจุบัน จึงไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง ตำรวจผู้ใหญ่หลายระดับยังคงใช้อำนาจตามกฎหมายในการหาประโยชน์จากแหล่งอบายมุขกันจนหลายคนร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐีมากมาย และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นนอกจากการสั่งย้ายให้หัวหน้าสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบไปช่วยราชการอีกที่หนึ่งชั่วคราวแล้ว ก็ไม่เคยปรากฏว่าได้มีการดำเนินคดีอาญาและลงโทษทางวินัยมีตำรวจคนใดถูกไล่ออก หรือปลดออกจากราชการแม้คนเดียว และในความเป็นจริงการสั่งย้ายให้ตำรวจผู้รับผิดชอบไปช่วยราชการเช่นนี้ ยังถือเป็นพฤติกรรม "การคุ้มครอง" ตำรวจผู้กระทำผิดทั้งทางอาญาและวินัยอีกด้วย" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว

จึงมองกันว่าการย้าย ผกก.ทองหล่อ ก็เพื่อหลบกระแสข่าวเท่านั้น เมื่อข่าวเงียบก็โอนย้ายมานั่งในตำแหน่งหลักเหมือนเดิมอีกหรือไม่

การระบาดทั้ง 3 รอบมาจากแหล่งอโคจร แหล่งอบายมุขที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะมีเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจมาตลอด แต่กลับซื้อเวลามาเรื่อย ล่าสุดร่างกฎหมายปฏิรูปตำรวจเข้าที่ประชุมรัฐสภาก็เป็นร่างกฎหมายที่ลักไก่หมกเม็ดแปลงสารอีก

จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจสาระปฏิรูปตำรวจ หรือจงใจซื้อเวลาเพื่อได้ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทา และเพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเองหรือไม่?

การประกาศว่าประเทศไทยต้องชนะ แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังรับส่วยธุรกิจสีเทา ผู้นำก็ยังปล่อยปละละเลย จนกลายเป็นแหล่งระบาดครั้งใหม่ และหากยังไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ก็มีโอกาสระบาดรอบ 4 อีก แล้วประเทศจะชนะได้อย่างไร?

อย่างไรก็ตาม การรับมือกับวิกฤติโควิดระบาดในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต่างชื่นชมบุคลากรทางแพทย์และสาธารณสุขของไทย ที่มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ  ทำงานท่ามกลางความเสี่ยงอย่างเหน็ดเหนื่อย จนสามารถกดตัวเลขการระบาดลดลงได้ แต่ในส่วนของรัฐบาลกลับปล่อยปละละเลยให้เกิดการระบาดซ้ำซาก

การระบาดแต่ละครั้งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยเฉพาะครั้งล่าสุดที่ประชาชนมองตรงกันว่า เป็น การระบาดจากคนรวย แต่คนซวยคือประชาชนที่ต้องมารับกรรม

แม้เชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นภัยธรรมชาติ ที่ทั่วโลกเผชิญวิกฤติเหมือนกัน แต่ละประเทศก็มีมาตรการรับมือแก้ไขคล้ายกัน และแตกต่างกันไป แต่ความบกพร่องผิดพลาดของรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนแผ่ขยายไปทุกหย่อมหญ้า อยู่ที่ว่าความอดทนของประชาชนมีขีดจำกัดแค่ไหน

แม้กองหนุนรัฐบาลประยุทธ์จะเคยมีจำนวนมาก แต่แนวร่วมก็เริ่มหดหายไปเรื่อยๆ รวมทั้งการไม่ทำตามสัญญาทางการเมือง โดยเฉพาะการไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่จะแก้เฉพาะประเด็นที่เอื้อประโยชน์แก่ตัวเอง ยิ่งจะเป็นการสุมไฟการเมืองให้ร้อนแรงขึ้นอีก 

และต้องจับตา กลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย จะจัดเวทีอภิปรายออนไลน์ในสุดสัปดาห์ เริ่มวันที่ 24 เม.ย. เพื่อตั้งคำถามและชำแหละการทำงานที่ขาดตกบกพร่องและประพฤติมิชอบของรัฐบาลในด้านต่างๆ

หากเวทีดังกล่าวตีแผ่ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน ประสานแนวร่วมจากทุกสีเสื้อได้ และปลุกประชาชนให้ออกมาร่วมมือกันได้ สถานการณ์สุกงอมเมื่อไหร่ รัฐบาลประยุทธ์ก็จะเผชิญกับศึกรอบด้านและสั่นคลอนจนถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้เช่นกัน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"