
พุทธะอิสระ โพสต์หลังเห็นบทสนทนาระหว่าง พระมหาสมปอง กับ พระมหาไพรวัลย์ จะสึกหากเจ้าคุณอุทัยไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ถามสิ่งที่มหาทั้งสองทำอยู่พระพุทธศาสนาได้ประโยชน์อะไร
1 พ.ย.2564- พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)” เรื่อง เสียดายผ้าเหลือง คนพวกนี้แค่เข้ามาอาศัยผ้าเหลืองหากินแท้ๆ ระบุว่า พระมหาสมปอง ถามว่า ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัยไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส พระมหาไพรวัลย์ จะไม่อยู่วัดสร้อยทองจริงหรือไม่ พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ไม่อยู่ครับ พร้อมระบุว่า ถ้าไม่อยู่เป็นพระก็อยู่เป็นฆราวาส เมื่อพระมหาสมปอง ถามย้ำว่า หมายถึงถ้าไม่อยู่เป็นพระก็คือสึกเลยใช่หรือไม่ พระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า ก็อาจจะครับพระอาจารย์ พร้อมกล่าวต่อถึงคำถามว่า จะไปทำอะไรเพราะบวชมาตลอดว่า ผมไม่จำเป็นต้องเป็นครูเป็นอาจารย์ หรือต้องเป็นอะไรผมไม่อดตายอยู่แล้ว ผมสูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นหลักการใช้ชีวิตของผมอยู่แล้ว ไม่คืนวันนี้ วันตาย ก็ต้องคืนอยู่ดี มันคือ ธรรมะ
“ผมมาไกล เกินที่ผมจะหวัง จะฝันอะไรแล้ว จากที่เป็นพระตัวดำๆ ไม่หล่อเหลา ไม่ได้ดัง แต่มีคนรู้จักเป็นล้าน ผมพอแล้ว ชีวิตต้องแบกอะไรที่มันเยอะกว่านี้เหรอครับ” ด้านพระมหาสมปอง กล่าวว่า สำหรับอาตมาอาจจะต้องดีเลย์หน่อย ยังมีอะไรต้องเคลียร์อยู่ ถ้าท่านเจ้าคุณอุทัย ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ขออนุญาตเจ้าอาวาสท่านใหม่ ว่า จะขออยู่ต่อสัก ๒ ปี แล้วกัน

เห็นบทสนธนาของมหาทั้งสองรูปแล้ว ทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นว่า สิ่งที่มหาทั้งสองทำอยู่และแสดงออก มองไม่เห็นเลยว่า พระพุทธศาสนาจะได้ประโยชน์อะไร พระธรรมวินัย ได้ประโยชน์อะไร สังฆมณฑลได้ประโยชน์อะไร และวัดสร้อยทองจักได้ประโยชน์อะไรกับพฤติกรรมของมหาทั้งสองรูปนี้ แต่ที่เห็นได้แน่ๆ มหาสองรูปนี้ได้รับมาตลอด
คือ ๑. จากเด็กบ้านนอก ฐานะยากจน ได้เข้ามาอาศัยในวัด บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ น้ำไฟไม่เสีย เรียนหนังสือโดยใช้ทุนของศาสนาและพระเจ้าอยู่หัว ๒. ได้ยกสถานะ จากลูกชาวบ้าน ไม่มีเงินฝากธนาคารสักบาท แต่ปัจจุบันมีเป็นแสนเป็นล้านรวยกันล้นหลาม ๓. ได้ใบปริญญาคนละหลายๆ ใบจากการอาศัยศาสนาร่ำเรียน ๔. เมื่อได้ใบปริญญาแล้ว ได้เปรียญธรรมแล้ว แทนที่จะทำคุณประโยชน์ทดแทนคุณพระพุทธศาสนา กลับใช้ความสำเร็จของตนมาสร้างฐานะทางสังคม กอบโกยทั้งทรัพย์สินเงินทอง บริษัทบริวาร แล้วมุ่งมั่นมัวเมาในสิ่งที่ได้ จนมีสภาพอย่างที่เห็น ๕. แต่ที่รับไม่ได้คือตนเป็นถึงนาคหลวง พระเจ้าอยู่หัว ร.๙ ทรงพระราชทานการบวชให้ โดยมารยาท ธรรมเนียมปฏิบัติ และโดยจิตสำนึกกตัญญู การที่ภิกษุใดได้เป็นนาคหลวงพระราชทาน เมื่อปรารถนาจะสึกออกจากความเป็นพระ จะต้องถวายฎีกากราบบังคมทูลขอลาสึก
“แต่มหาไม่เคยแม้แต่จะพูดหรือมีจิตสำนึกระลึกถึงพระคุณที่ทรงมีพระเมตตา ไอ้คนแบบนี้หรือ จะถามหาความเจริญ ลักษณะอย่างนี้แหละ คือ ผู้บวชเข้ามาอาศัยผ้าเหลือง ไม่ใช่ให้ผ้าเหลืองอาศัยผู้บวช”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กัดกันเหวอะหวะ! เพื่อไทยย้อนพรรคส้ม งัดภาพ ‘ชัยธวัช’ ดอดพบพุทธะอิสระ
กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเปิดเกมโต้กลับพรรคประชาชน หลังถูกเหน็บกรณีคณะผู้บริหารร่วมอวยพรวันเกิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” งัดภาพเก่า “ชัยธวัช-เลขาฯพรรคก้าวไกล‘ เข้าพบ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” พร้อมข้อความย้ำเป็นแค่มารยาททางการเมือง ไม่ได้ยกใครขึ้นเป็นศาสดา
'พุทธะอิสระ' ชี้เปรี้ยง สาเหตุนักการเมืองไทย ไม่กล้าหือ 'ฮุนเซน'
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊กว่า สิ่งดีที่นักการเมืองไทยทำให้แก่เขมร
'พุทธะอิสระ' ปูดพระราชาคณะชั้น 'สมเด็จ' ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าพื้นที่สำคัญของประเทศ จี้สำนักพุทธเร่งชี้แจงสังคม
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม โพสต์เฟซบุ๊กว่า โอ้ย...ตายแล้ว เป็นถึงระดับพระราชาคณะชั้นสมเด็จและชั้นหน กลับถูกขึ้นแบล็คลิสต์ ห้ามเข้าพื้นที่สำคัญของประเทศ
'พุทธะอิสระ' ย้ำให้ผ่อนคลายเมื่อคนใช้บริการคนพาลย่อมเตรียมรับมือไว้แล้ว!
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม
’พุทธะอิสระ‘ วางแล้ว! ไม่ร่วมขบวนทักท้วง ‘ทักษิณ-แพทองธาร’
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ "พุทธะอิสระ" ผู้ก่อตั้งวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้
'พุทธอิสระ' บอกหรือถึงยุคทมิฬของประชาชนเมื่อนักการเมืองขู่ค้าความ!
นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือเดิมเรียกพระพุทธะอิสระ


