
น่านเป็นหนึ่งในจังหวัดที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวเร็วหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ตอนนี้ท่องเที่ยวคึกคัก นักท่องเที่ยวเดินทางมารับลมหนาวชมธรรมชาติจังหวัดน่านไม่ขาดสาย ถือเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวไม่เป็นรองใคร ทำให้ ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นรายใหญ่ ภายใต้กลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) ขยายสาขาใหม่ สนามบินน่านนคร รองรับการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางที่นิยมเช่ารถขับเที่ยวด้วยตนเอง

กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ จ.น่าน
โอกาสนี้พบปะ โยธิน ทับทิมทอง ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานน่าน อัพเดทสถานการณ์ท่องเที่ยวน่านให้ฟังว่า น่านฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 จนถึงปัจจุบัน ขึ้นมาระดับที่สามารถเทียบเคียงกับปี 62 ปัจจัยหนุนจากตลาดภายในประเทศ 98 % ประกอบกับน่านมีแหล่งท่องเที่ยวตามกระแส แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรมต่างๆ คาดว่า ปี 2565 นักท่องเที่ยวจะทะลุ 1.1 ล้านคน รายได้กว่า 3 พันล้านบาท ปัจจุบันมี 3 สายการบิน บริการเที่ยวบินขาเข้าและขาออก 7-8 เที่ยวต่อวัน การเปิดบริการรถเช่าเพิ่มที่น่านช่วยกระตุ้นท่องเที่ยว รองรับไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวกลุ่มเล็ก เช่ารถขับเที่ยวน่านสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ฤดูฝนหรือกรีนซีซั่นก็เป็นที่นิยมมาก หน้าร้อนก็เงียบสงบ ถนนน่านคดโค้ง แต่เส้นทางไม่อันตราย การขับรถขับง่ายไม่เสี่ยง ทั้งนี้ แนะนำให้ศึกษาเส้นทางและวางแผนการท่องเที่ยวให้ดีก่อนขับรถเที่ยว

ซิกท์ ขยายสาขาที่น่าน รองรับไลฟไสตล์ขับรถเที่ยว
โควิดเบาบางส่งผลดี ภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ รถเช่า ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นจุดหมายการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซิกท์ เติบโตอย่างน่าพอใจและได้ขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับสาขาที่ท่าอากาศยานน่านนคร จ.น่าน เป็นสาขาที่ 16 น่านเป็นเมืองน่ารักที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ มรดกวัฒนธรรม เพื่อรองรับกระแสการเดินทางท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก รวมถึงผู้ที่ต้องการเช่ารถเพื่อกิจกรรมอื่นๆ
“ ขณะนี้ ซิกท์ สาขาน่าน มีรถเช่าให้บริการ 30 คัน เป็นรถหลากหลายประเภท เป็นที่เดียวที่มีรถเช่ายุโรปด้วย รวมถึงรถไฟฟ้า เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวรักษ์โลกและประหยัดพลังงาน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ปีหน้ามีแผนขยายสาขาที่ จ.เชียงราย “ ภูมน กล่าว

บรรยากาศท่องเที่ยวน่าน เมืองวัฒนธรรมคึกคัก
ในโอกาสที่ ซิกท์ ปักหมุดที่น่าน จัดกิจกรรมสร้างสรรค์สังคมภายใต้แคมเปญ “SIXT Drying Little Tears @NAN” มอบของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิต รวมถึงอุปกรณ์กีฬาให้แก่เด็กๆ ชาติพันธุ์ รร.ชุมชนศิลาแลง อ.ปัว จ.น่าน ที่ทั้งกิน-นอนประจำและเดินทางไป-กลับ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เปิดประสบการณ์ทำโกโก้แท้ๆ ที่ปัว
จากนั้นตะลุยกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว สัมผัสความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของน่านไปกับ ซิกท์ จุดแรกชวนไปเช็คอิน Cocoa Valley ที่ปัว แหล่งปลูกโกโก้ท่ามกลางธรรมชาติ ต้นโกโก้เติบโตด้วยแหล่งน้ำ ธรรมชาติบริสุทธิ์ ก่อนนำเมล็ดโกโก้มาทุบและบด ฝัดในกระด้งตามภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อให้เปลือกหลุดปลิวออกมา เปลือกใช้ประโยชน์ต่อทำสีย้อมผ้าธรรมชาติ ส่วนเนื้อด้านในเมล็ดโกโก้จะผ่านการคั่วอ่อนเรียกความหอมมัน พร้อมเข้าสู่ตอนแปรรูปใช้เวลา 36-48 ชม. สู่โกโก้แท้ๆ นอกจากอร่อย ยังมีประโยชน์ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความดันโลหิต เรามีโอกาสได้ชิมช็อคโกแลตแท้ๆ ที่เข้มข้น และได้รับประสบการณ์การทำช็อคโกแลตอย่างสนุกสนาน ก่อนพักกายพักใจไปกับธรรมชาติสูดอากาศบริสุทธิ์ที่แสงทองรีสอร์ท อ.เชียงกลาง โอบล้อมด้วยภูเขา ทุ่งนา อร่อยกับขันโตก จุกๆกับหมูกะทะ

สัมผัสโกโก้เมืองน่านที่ Cocoa Valley
เช้าวันใหม่เราทำบุญใส่บาตรบนสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวกลางทุ่งนาในบริเวณรีสอร์ท ฟังพระธรรมเทศนาเรียกสติอยู่กับตัว เป็นบรรยากาศสุขสงบยามรุ่งอรุณ ที่นี่ยังมีกิจกรรมปั่นจักรยานเที่ยวรอบชุมชน ชิลๆ รับแดดอ่อนๆ วิวทุ่งนา ชวนให้รักน่านยิ่งขึ้น

ปั่นจักรยานชิมทิวทัศน์ทุ่งนาบ้านเชียงกลาง
ทริปนี้ฮีลใจ ช่วงสายมีโอกาสร่วมพิธีสืบชะตาตามวิถีคนไทลื้อที่วัดหนองแดง อ.เชียงกลาง จ.น่าน วัดเก่าแก่ศูนย์รวมใจชาวไทลื้อ เชื่อว่าไทลื้อที่นี่อพยพมาจากแคว้นสิบสองปันนา เชียงรุ้ง เชียงตุงของสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีพระครูพิบูลนันทวิทย์ เจ้าคณะตำบลเปือ เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองแดง

โบราณสถานวิหารไทลื้อเก่าแก่ 600 ปี
มรดกไทลื้อล้ำค่าที่วัดแห่งนี้ คือ วิหารไทลื้ออายุกว่า 600 ปี ขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ถือเป็นสถาปัตยกรรมท้องถิ่นเอกลักษณ์ไทลื้อ มีหลังคาที่ชันเพื่อระบายน้ำฝนได้อย่างรวดเร็ว มุงหลังคาด้วยแป้นเกล็ด ผนังใช้อิฐถือปูน มีฐานชุกชี พันรอบด้วยนาค เรียกว่า “นาคบัลลังก์” มาจากความเชื่อที่ว่า นาคเป็นเครื่องหมายแห่งความสง่างาม ความดี และเป็นอารักษ์แห่งพระพุทธศาสนา ส่วนช่อฟ้าแกะด้วยไม้สักทอง เรียกว่า “นกหัสดีลิงค์” เกิดจากชาวไทลื้อนับถือหงส์และช้าง เชื่อเป็นสัตว์ชั้นสูงจากสวรรค์ ช่างก็นำมารวมเป็นตัวเดียวกัน ให้ส่วนหัวเป็นช้าง ส่วนตัวเป็นหงส์ ขณะที่จิตรกรรมฝาผนังแสดงทศชาติชาดก การบำเพ็ญเพียรของพระโพธิสัตว์

ร่วมพิธีสืบชะตาวิถีไทลื้อที่วัดหนองแดง
เราเข้าไปภายในวิหารกราบไหว้พระประธานปางตรัสรู้ที่สร้างด้วยปูนปั้นฝีมือช่างไทลื้อที่สง่างาม กิจกรรมของวัด พระครูพิบูลนันทวิทย์ แนะนำว่า เริ่มจากการสักการะพระอุปคุต พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นจะทำพิธีสืบชะตา พิธีบายสีสู่ขวัญ การกรวดน้ำผ่านตัวปลาลงไปสู่ภพภูมิ และตีฆ้องชัย เพื่อความสิริมงคล
เสร็จสิ้นพิธีสืบชะตา เราพากันเดินชมบริเวณโดยรอบวัดแห่งนี้ซึ่งมีความร่มรื่นของต้นไม้นานาชนิด ที่สำคัญมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมมากมาย ทั้งการห่มโพธิ์ ค้ำโพธิ์ อายุมากกว่า 1,000 ปี เชิญตุงปราสาทประจำวันเกิด การบูชาพระประจำวันเกิด การสรงน้ำพระเจดีย์แห่งความเมตตา เชื่อว่า ทำให้คนเมตตารักใคร่เหมาะสมทางการค้าขาย นักท่องเที่ยวที่อยากจะร่วมพิธีต่างๆ แนะนำให้แจ้งวัดล่วงหน้า

กรวดน้ำผ่านตัวปลาลงไปสู่ภพภูมิ สายมูต้องห้ามพลาด
ส่วนด้านหลังพระอุโบสถเราได้พบกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทลื้อโบราณที่เชื่อมกับสะพานบุญ 700 ปี เส้นทางทอดยาวเข้าไปในแปลงนามีระยะทางราว 150 เมตร สามารถชมวิวทุ่งนาได้อย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่จะเดินต่อไปชมต้นเทียนพระพุทธเจ้า ต้นไม้น่าอัศจรรย์ ที่ออกผลมาเหมือนเล่มเทียนที่ใช้บูชาพระ และไปเรียนรู้เครื่องดนตรีไทยสารพัดอย่าง รวมถึงแปลงเกษตรอินทรีย์ภายในวัดแห่งนี้ได้อีกด้วย ทริปนี้ ซิกท์ ปิดท้ายด้วยการกลับเข้าตัวเมือง แวะวัดภูมินทร์สักการะพระพุทธปฏิมากรศรีศากยมุนี ถ่ายภาพกับจิตรกรรมปู่ม่านย่าม่าน กระซิบรักบันลือโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันไม่ขาดสาย

วัดหนองแดงจัดพิธิสืบชะตาตามวิถีวัฒนธรรมให้นักท่องเที่ยว
ใครอยู่เที่ยวน่านยาวๆ แนะนำขับรถไปเที่ยว อ.บ่อเกลือ ปลายทางที่คนนิยมเพื่อดื่มด่ำธรรมชาติสวยงาม สัมผัสอากาศเย็นๆ แล้วไปแวะถ่ายรูปถนนหมายเลข 3 ที่อยู่ระหว่างอำเภอสันติสุขและอำเภอปัว สภาพถนนคดเคียวสมชื่อหมายเลข 3 ถ้าขึ้นไปบนดอยมองลงมาจะเห็นเป็นเลข 3 ซึ่งกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดน่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากนั้นไปเที่ยวบ่อเกลือ สัมผัสการต้มเกลือแบบโบราณ แล้วไปต่อหมู่บ้านสะปันโอบล้อมด้วยภูเขา มีลำน้ำว้าไหลผ่าน ที่พักสุดชิลมีทั้งติดแม่น้ำ และตั้งอยู่เชิงเขาใกล้ชิดธรรมชาติเป็นที่สนใจชองนักท่องเที่ยวช่วงไฮส์ซีซั่น ตอนนี้ที่พักจองเต็มหมดแล้ว ถ้าไม่ได้จองล่วงหน้า จะมีเต็นท์ให้บริการรองรับนักท่องเที่ยว สายแค้มปิ้งมาสัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม
น่านนาทีนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม คนรัก ครอบครัว หรือชวนก๊วนเพื่อนมาขับรถเที่ยวก็ได้ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ ช่วยรีเฟรชกายและใจทุกคน



ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พท.' แฉน่านจ่ายหัวละ 300 เก็บบัตรปชช. ผวาซื้อเสียงระบาดหนัก
'หมอชลน่าน' แฉ พบจ่ายหัวละ 300 บาท ที่น่าน เริ่มเก็บสำเนาบัตรประชาชนแล้ว วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน หวั่นซื้อเสียงระบาดหนัก
อพท. ดัน พื้นที่พิเศษ “น่านและสงขลา” ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมผลักดัน “น่าน สงขลา” เมืองในพื้นที่พิเศษของ อพท. ให้ได้รับการประกาศเป็นเครือข่ายเมือง
เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ยังต้องระวังฝนตกหนักเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ยังต้องระวังฝนตกหนัก
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และบริเวณด้านรับลมมรสุมมีฝ
2ภารกิจใหญ่'เจ็ตสกี'ทำเพื่อชาติ ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 'แพร่-น่าน-สุโขทัย'ระส่ำ
นักกีฬาเจ็ตสกีทั่วประเทศกลับมาผนึกกำลังกันอีกครั้ง สนับสนุนการปฎิบัติภารกิจช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมทางภาคเหนือ จ.น่านและจังหวัดใกล้เคียงอันเนื่องจากพายุ วิภา ซึ่งสถานการณ์ล่าสุด “บิ๊กเปี๊ยก” นายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ รีบสั่งการแยกทีมเจ็ตสกีจิตอาสา ของสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทยฯ นำโดยทีม 1 นายสมบัติ เนียมพาง กรรมการสมาคมฯเป็นหัวหน้าทีมเจ็ตสกีจิตอาสาฯ ที่ 1 ลงพื้นที่ช่วยเหลือที่จังหวัดแพร่ และเตรียมลงพื้นที่ต่อไปที่จ.สุโขทัย ส่วนทีมที่ 2 นำโดยคุณ “เปิ้ล” นาคร ศิลาชัย หัวหน้าทีมเจ็ตสกีจิตอาสาฯ ที่ 2 ลงพื้นที่ช่วยเหลือเต็มกำลังที่จังหวัดน่านและแพร่ ต่อไป
“วราวุธ” เผย ศบปภ. พม. น่าน-เชียงราย-แพร่ กางแผนที่เสี่ยงภัย (Risk Map) เข้าช่วยกลุ่มเปราะบาง ที่รับผลกระทบจาก พายุ“วิภา” เข้าศูนย์พักพิง
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) กระทรวง พม.
กระซิบรัก ‘น่าน’ ชิม ชม ชิล เมืองประวัติศาสตร์ แหล่งรวมวัฒนธรรมและของเด็ด
ประเทศไทยมีหลายจังหวัดที่ถือเป็นหัวเมืองของการท่องเที่ยว ในแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมเยือนได้หลายล้านคน สร้างทั้งเม็ดเงินหมุนเวียน สร้างทั้งอาชีพ และพัฒนาเมืองให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อย่างในภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งทะเล ภูเขา

