
โรคติดเชื้อจากเชื้อรา คนส่วนใหญ่จะนึกถึงอาการคันในร่มผ้า ซึ่งเกิดขึ้นภายนอกร่างกายแต่ในความเป็นจริงโรคติดเชื้อรา อาจลุกลามจนถึงขั้นต้องรักษาในโรงพยาบาล เพราะเกิดการติดเชื้อราในกระแสเลือดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV)ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือยากดภูมิคุ้มกัน รวมทั้งผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งมีปัญหาในการควบคุมระดับน้ำตาล ที่ผ่านมา การรักษาโรคติดเชื้อจากเชื้อราชนิดรุนแรง ต้องใช้ยาฉีดที่มีราคาสูงต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า2 สัปดาห์ขึ้นไป ทำให้ต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลไปกับค่ายา รวมทั้งค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ
แต่ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่จากการวิจัยโดยบริษัทยายักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งสหรัฐอเมริการ่วมกับนักวิจัยในสาขาที่เกี่ยวข้องจากทั่วโลก ซึ่งได้ทำการทดสอบแล้วกับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงจำนวนรวมทั้งสิ้นเกือบ 200 รายใน 15 ประเทศทั่วโลกในการศึกษาระยะที่ 3 ทำให้โลกได้เข้าใกล้ความเป็นจริง ที่จะได้มียาต้านเชื้อราประเภทออกฤทธิ์ยาว (Long-Acting Antifungal)ที่จะทำให้ผู้ป่วยรับยาได้น้อยลง จากที่ต้องฉีดยาทุกวัน เหลือเพียง 1 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยยาใหม่นี้ยังคงมีประสิทธิภาพเช่นเดิม และมีผลข้างเคียงน้อย

และหนึ่งในนักวิจัย ที่มีส่วนร่วมการศึกษาวิจัยยาชนิดใหม่รักษาโรคติดเชื้อจากรา คือ รศ. ดร. นพ.เมธี ชยะกุลคีรี อาจารย์แพทย์ประจำสาขาวิชาโรคติดเชื้อและอายุรศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เป็นผู้แทนนักวิจัยเพียงหนึ่งเดียวจากภูมิภาคเอเชีย ที่ได้รับเชิญเป็นผู้ร่วมนิพนธ์ผลงานตีพิมพ์จากงานร่วมวิจัยและพัฒนายารักษาโรคติดเชื้อจากเชื้อราแคนดิไดอะซิส (Candidiasis) ซึ่งเป็นโครงการวิจัยระดับโลก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสารวิชาการ “Lancet” ซึ่งอยู่ใน Top 1% ของโลก
โรคติดเชื้อจากเชื้อราเกิดขึ้นได้จากเชื้อราหลากหลายสายพันธุ์ โดยขณะนี้โครงการวิจัยในระยะที่ 3 ได้สำเร็จแล้วและคาดว่าจะสามารถพัฒนาต่อไป เพื่อเพิ่มข้อบ่งชี้ให้ผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ ใช้ยาได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งจะพัฒนาเพื่อให้สามารถรักษาโรคติดเชื้อจากเชื้อราได้หลากหลายชนิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับ ประเทศไทยได้ร่วมโครงการวิจัยยารักษาดังกล่าว โดยมีศูนย์วิจัย 5ศูนย์ กระจายในประเทศ และมีรพ.ศิริราชฯ เป็นศูนย์ใหญ่เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมาก เข้ารับการวิจัยทดลองทางคลินิก ซึ่งหากการศึกษาระยะที่ 3 ประสบผลสำเร็จอย่างดี ก็จะมีการยื่นขอจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ส่วนการวิจัยในสหรัฐ หากการวิจัยระยะที่ 3 ผลสำเร็จด้วยเช่นกัน จะมีการยื่นขอจดทะเบียนต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDAด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะสามารถใช้ได้จริงอย่างกว้างขวางต่อไปในผู้ป่วยภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

“โครงการวิจัยฯ ได้ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยมาแล้วจากการศึกษาระยะที่ 1 และ 2 และผลการศึกษาระยะที่ 3 นี้ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในผู้ป่วยชาวไทย “รศ.ดร.นพ.เมธีกล่าว
รศ. ดร. นพ. เมธี ยังกล่าวอีกว่า ผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยง ซึ่งรวมถึงผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทั้งผู้ติดเชื้อHIV และผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันว่า ควรหลีกเลี่ยงรับประทานผักผลไม้ที่ดิบ และสด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของเชื้อก่อโรคจากเชื้อรา ที่อาจลุกลามรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้สดชนิดเปลือกบาง นอกจาก นี้อาหารที่รับประทานทุกชนิดจะต้องสะอาดและปรุงสุกอยู่เสมอ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับสัตว์เลี้ยง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฟผ. จับมือ ม.มหิดล พัฒนาศักยภาพการวิจัยและนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ
นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ รศ. ดร.ประสิทธิ์ สุวรรณเลิศ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์

