
วธ.ร่วมกับอินเดียอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร-โมคคัลลานะจากอินเดีย ประดิษฐานที่ไทยชั่วคราว เฉลิมพระเกียรติในหลวง
15 ม.ค.2567 – นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย โดยสถานเอกอัครราชฑูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะจากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ การดำเนินการครั้งนี้สืบเนื่องมาจากโครงการธรรมยาตราจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขง : สักการะพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ โดยมีการจัดงานระหว่างวันที่ 22 กุมภาพันธ์ – 19 มีนาคม 2567 ซึ่งรัฐบาลได้จัดพิธีอัญเชิญอย่างยิ่งใหญ่ตระการตา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 และเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะบูชาถึงวันที่ 3 มีนาคม 2567 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

รมว.วธ. กล่าวว่า จากนั้นจะอัญเชิญไปประดิษฐานในส่วนภูมิภาคใน 3 จังหวัด ให้ประชาชนได้เข้าสักการบูชาได้แก่ ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 5 – 8 มีนาคม 2567 ที่หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 10 – 13 มีนาคม 2567 ที่วัดมหาวนาราม (วัดป่าใหญ่) จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 – 18 มีนาคม 2567 ที่วัดมหาธาตุวชิรมงคล (วัดบางโทง) จังหวัดกระบี่ หลังจากนั้นรัฐบาลอินเดียจะอัญเชิญต่อไปยังราชอาณาจักรกัมพูชาต่อไป
” พิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอินเดีย ณ กรุงนิวเดลี พร้อมพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากสถูปโบราณปิปราห์วา เมืองสาญจี สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ ประเทศไทย เป็นความร่วมมือดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐอินเดีย กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกสำคัญสร้างคุณธรรมจริยธรรมในการดำเนินชีวิต พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยด้วยการนำทุนทางวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน ก่อให้เกิดรายได้ของประเทศชาติในภาพรวม รวมทั้งยกระดับประเทศไทยให้เป็นสถานที่สำคัญในการจัดเทศกาลงานที่สำคัญในระดับภูมิภาคและระดับโลก และเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่างประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา ” นายเสริมศักดิ์ กล่าว
รมว.วธ. ระบุว่า การจัดงานในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่จะหล่อหลอมพลังความศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ขอเชิญชวนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในอาเซียน ในเข้าร่วมสักการบูชาพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อันเป็นการเสริมสร้างสันติธรรมให้เกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศ และระดับนานาชาติ โดยมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลางความร่วมมือ และสามารถพัฒนาไปสู่การเป็นศตวรรษแห่งธรรม (Dharma Centuries) ด้วยการนำหลักธรรม ความเชื่อของศาสนาเป็นกลไกสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือด้านศาสนาและส่งเสริมคุณธรรมของประชาคมโลกเพื่อสร้างความสงบสุขแก่มวลมนุษยชาติสืบไป สอบถามเพิ่มเติม สายด่วนวัฒนธรรม 1765


