สธ.เห็นชอบสำรอง 'ยาฉีดจิตเวช' รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ภายในเดือนมี.ค.ดูแลผู้ป่วยเสี่ยงอาการรุนแรง 4.2 หมื่นคน

21 ก.พ. 2567- นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 2/2567 และให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาและให้ความเห็นชอบเรื่อง การบริหารจัดการยา Long Acting Antipsychotic Injectable ซึ่งเป็นยาฉีดสำหรับดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงก่อความรุนแรงต่อสังคม (SMI-V) ประมาณ 4.2 หมื่นคน ในจำนวนนี้เป็น กลุ่ม V1 ทำร้ายตนเองด้วยวิธีรุนแรงมุ่งหวังให้เสียชีวิต 39.4% กลุ่ม V2 ทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีรุนแรง/ก่อเหตุการณ์รุนแรงในชุมชน 20.3% กลุ่ม V3 มีอาการหลงผิด มีความคิดทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ชีวิต มุ่งร้ายผู้อื่นแบบเฉพาะเจาะจง 18.8% และกลุ่ม V4 ก่อคดีอาชญากรรมรุนแรง 21.5% โดยให้โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปเร่งสำรองยาภายในเดือนมีนาคมนี้ ให้เพียงพอใช้อย่างน้อย 3 เดือน พร้อมกับดำเนินการให้มีการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อให้เบิกจ่ายได้ในสิทธิประโยชน์การรักษา โดยระหว่างนี้ให้เสนอบอร์ด สปสช. พิจารณาความจำเป็นเพื่อสนับสนุนการเบิกชดเชยค่าใช้จ่าย

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ในด้านกำลังคนสุขภาพ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการตามข้อเสนอของสถาบันพระบรมราชชนก (สบช.) และสภาการพยาบาล ในโครงการผลิตพยาบาลเพิ่มระยะเร่งด่วน 2 ปี ปีละ 2,500 คน รวม 5,000 คน เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตขาดแคลนพยาบาลที่ยังมีความต้องการอีกประมาณ 5 หมื่นคน โดยสัดส่วนพยาบาลต่อประชากรที่องค์การอนามัยโลกแนะนำ คือ 1 : 270 ขณะที่ประเทศไทยมีสัดส่วน 1 : 343 คน และยังมีปัญหาเรื่องการกระจาย โดยมีถึง 42 จังหวัดที่มีสัดส่วน 1:400 และมี 15 จังหวัดที่สัดส่วนมากกว่า 1:500 โดยมีข้อสังเกตเรื่องกระบวนการผลิต หลักสูตร การรับรองความพร้อมของแหล่งผลิต และงบประมาณ และมอบให้ สบช.ไปจัดทำรายละเอียดให้พร้อมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

“การผลิตพยาบาลโครงการนี้ เป็นการผลิตเพิ่มเติมจากโครงการผลิตแพทย์และทีมนวัตกรรมสุขภาพเพื่อเวชศาสตร์ครอบครัวตอบสนองต่อระบบสุขภาพปฐมภูมิทั่วไทย ที่ ครม.เห็นชอบ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เริ่มดำเนินการในปี 2568 มีเป้าหมายการผลิต 9 สาขา หรือ 9 หมอ ในระยะเวลา 10 ปี ใช้งบประมาณ 3.7 หมื่นล้านกว่าบาท ถ้าผลิตครบจะมีบุคลากรเข้าสู่ระบบ 6.2 หมื่นคน โดยพยาบาลจะเป็น 1 ใน 9 สาขา ผลิตปีละ 1,000 คน ต่อเนื่อง 10 ปี รวม 10,000 คน เพื่อเป็นทีมหมอครอบครัวลงไปอยู่ชุมชนในหน่วยบริการปฐมภูมิเท่านั้น” นพ.ชลน่านกล่าว

สำหรับความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นช่วงไตรมาส 2 (Mid-Year Success 2024) มีรายงานผลความก้าวหน้าที่สำคัญหลายเรื่อง อาทิ 1) โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการแล้ว 16 ครั้ง ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการ 70,683 คน 2) โครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และสามเณร เฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่าง กระทรวงสาธารณสุข กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเปิดโครงการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ ณ วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลรามราชวรมหาวิหาร และ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายคณะสงฆ์ และได้เรียนเชิญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

ส่วนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ที่จะขยายการดำเนินการในระยะที่สองขณะนี้มีความพร้อมทั้ง 8 จังหวัดนำร่อง โดยมีจำนวนสถานบริการสาธารณสุขที่เชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ (PHR) แล้ว 857 แห่ง ผู้ป่วย 6.1 ล้านคน และมีชุดข้อมูล 85.1 ล้านชุดข้อมูล ซึ่งที่ผ่านมา มีการส่งยาและเวชภัณฑ์ผ่าน Health Rider ใน 5 จังหวัด 17 โรงพยาบาล ได้รับแจ้งปัญหาผ่านเบอร์ 02-257-7119 ทั้งหมด 260 สาย สามารถแก้ไขได้แล้ว 245 ราย ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง Health ID และ Provider ID อาทิ การแก้ไขเบอร์โทรศัพท์เป็นเบอร์หลัก การอัปเดตโปรไฟล์ไม่สำเร็จ เป็นต้น ได้นำมาแก้ไขให้มีความพร้อมยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีการคิกออฟระยะที่สอง ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2567 ที่ จ.นครราชสีมา

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบเรื่องที่น่ายินดี คือ องค์การอนามัยโลกได้ออกใบประกาศรับรองให้ประเทศไทย เป็น 1 ใน 5 ประเทศแรกของโลก ที่มีการกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือของอาหารไทยที่ส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สมองไปหมดแล้ว! เพื่อไทย บอกชิงเยียวยาศพ 2 ล้าน หวังกลบเสียงคนด่ารัฐบาล

เพื่อไทยฉวยจังหวะถล่มยับ “อนุทิน” แก้วิกฤตล้มเหลวซ้ำซากตั้งแต่โควิดจนถึงน้ำท่วมภาคใต้ อึ้ง! “ชลน่าน” คิดได้ยังไงเยียวยาศพละ 2 ล้านบาท หวังกบกระแสวิจารณ์รัฐบาล

'ชลน่าน' คาดถกแก้ รธน. วาระสอง ใช้เวลา 2 วันพอ แม้มีประเด็นให้เถียงกันหนัก

“ชลน่าน” ประเมิน ถกแก้รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้มีรายละเอียดมาก- ถกกันหนัก แต่ยุติด้วยเสียงข้างมาก เผยสงวนความเห็นไปสู้ในรัฐสภา ทวงคืน “สสร.- โละสูตร20 หยิบ1

'ชลน่าน' ยก 'อภิสิทธิ์' คัมแบ็ก ช่วยภาพการเมืองโดยรวมดีขึ้น

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.เพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ได้รับเลือกกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะนายอภิสิทธิ์มีความรู้ความสามารถ

'ชลน่าน' คิดหนัก! แก้ไขรัฐธรรมนูญต้องวัดใจสว.ว่าเอาด้วยหรือไม่ ถ้าไม่ก็จบ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่า จากการหารือที่ผ่านมาพบว่าทุกพรรคเห็

'ชลน่าน' มองเพื่อไทยไม่วิกฤต ใช้กลไกรัฐสภาเดินหน้าต่อ ไม่กังวลมีงูเห่าย้ายขั้ว

“ชลน่าน” มองแก้ รธน. 4 เดือน เป็นไปได้ยาก นอกจากแก้บางมาตรา ชี้เป็นสิทธิ์ “ภูมิใจไทย” เดินหน้าตั้งรัฐบาล บอกพรรคเพื่อไทย ไม่วิกฤต เพราะเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย เผย “อิ๊งค์” นั่ง หน.พรรคต่อ เชื่อจะทำให้พรรคแข็งแกร่งกว่าเดิม