
เป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง หลังจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร ด้วยกรอบวงเงินลงทุนกว่า 341,351.42 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2575 โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมในภูมิภาคอาเซียนและจีน ซึ่งจะช่วยยกระดับเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว ร่วมถึงประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการฯ ที่จะได้รับการยกระดับและพัฒนาด้วย
แต่ความท้าทายคงต้องถอดบทเรียนจากโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250.77 กิโลเมตร ซึ่งมีวงเงินลงทุนกว่า 179,000 ล้านบาท ยังคงเผชิญกับปัญหาความล่าช้า แม้จะเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2560 แต่จนถึงปัจจุบันกลับคืบหน้าเพียง 40% ล่าช้าจากแผนงานถึง 42% หรือรวมเวลากว่า 7 ปี ปัญหานี้สะท้อนถึงความซับซ้อนในการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น
อีกประเด็นสำคัญ คือการจัดการชุมชนริมทางรถไฟให้ได้รับที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับนักวิจัยกลุ่มประเทศแม่โขง-ล้านช้าง ประกอบด้วยสาธารณรัฐประชาชนจีน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้มีการวิจัยภายใต้ โครงการ “ผลกระทบของรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว-ไทย ตามยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหมใหม่ หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ที่มุ่งเน้นการศึกษาด้านความร่วมมือทางสังคมและการดำรงชีพของประชาชนในพื้นที่โครงการรถไฟความเร็งสูง

รศ.ดร.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ ม.ขอนแก่น กล่าวว่าโครงการวิจัยนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสามประเทศที่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อกัน โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ในปีที่ 1 2567 มุ่งเน้นการศึกษาผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง ปีที่ 2 2568 ศึกษาปัจจัยที่ส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมเส้นทางรถไฟความเร็วสูง และปีที่ 3 2569 เน้นการศึกษาการพัฒนาแนวทางการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนและความร่วมมือทางสังคม การเสวนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนผลการวิจัยในปีที่ 2 โดยเน้นการวิเคราะห์ผลกระทบต่อประชาชนริมเส้นทางรถไฟเดิมที่เกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างประเทศไทยกับจีน-ลาว
รศ.ดร.ธนพฤกษ์ กล่าวต่อว่า ในกรณีของจีน-ลาว ซึ่งได้เปิดใช้งานเส้นทางรถไฟความเร็วสูงนครเวียงจันทน์–คุนหมิงแล้ว พบว่ามีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและเกิดการขยายตัวของเมืองอย่างชัดเจน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการในทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จ คือ ความคล้ายคลึงกันของระบอบการปกครองที่เอื้อต่อการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการสร้างทางเลือกที่เหมาะสมให้กับประชาชน จากการลงพื้นที่ในจีนพบว่าการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟมีการย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ริมเส้นทางระหว่างการก่อสร้าง และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ประชาชนจะถูกย้ายกลับมาโดยมีที่อยู่อาศัยและตำแหน่งงานรองรับเป็นการชดเชยที่เหมาะสมและประชาชนพึงพอใจ จึงไม่เกิดการต่อต้าน รวมถึงในลาวที่ประชาชนมีความเห็นในเชิงบวก เพราะการมีรถไฟความเร็วสูง ช่วยให้เกิดโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งงานในภาคการท่องเที่ยว และกระจายผลผลิตได้มากขึ้น

ในกรณีของประเทศไทย รศ.ดร.ธนพฤกษ์ มีมุมมองว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงยังคงเป็นเพียงจินตนาการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยระยะที่ 1 มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2571 ตามแผนที่กรมการขนส่งทางรางระบุไว้ และในระยะที่ 2 อยู่ในระหว่างการก่อสร้างควบคู่ไปกับระยะที่ 1 อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าของโครงการยังขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมหลายด้าน หนึ่งในปัญหาสำคัญที่อาจทำให้การก่อสร้างล่าช้าคือประเด็นเกี่ยวกับประชาชนริมทางรถไฟ แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่คัดค้านโครงการ แต่ประชาชนบางส่วนที่เช่าพื้นที่ของการรถไฟฯ ในรัศมี 40 เมตรจากแนวเส้นทาง ซึ่งเป็นเขตที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้าง จำเป็นต้องย้ายออกจากพื้นที่ ดังนั้นภาครัฐจะต้องจัดสรรทางเลือกที่เหมาะสมในการรองรับประชาชนกลุ่มนี้
“จากการวิจัยในพื้นที่ชุมชนริมทางรถไฟ จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมกว่า 10 ชุมชน จำนวนประมาณ 400-500 ครัวเรือน พบว่า ในจังหวัดนครราชสีมา ชุมชนริมทางรถไฟส่วนใหญ่ได้ถูกย้ายออกไปเกือบหมดแล้ว ขณะที่ในจังหวัดขอนแก่น ยังคงมีชุมชนกว่า 100 ครัวเรือนอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อหาพื้นที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม เนื่องจากบางครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย หากย้ายไปอยู่ไกลจากตัวเมืองมากเกินไป อาจไม่สะดวกต่อการเดินทาง ดังนั้นภาครัฐจึงต้องหาแนวทางในการจัดสรรพื้นที่อย่างเหมาะสม ค่าชดเชย เพื่อให้โครงการรถไฟความเร็วสูงสามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงไม่เกิดสถานการณ์คนไร้บ้านหรือรายได้ของชาวบ้าน รวมถึงในเมืองเล็กๆ อย่าง ชัยภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อาจจะเป็นเพียงจุดผ่านที่ต้องหาแนวทางในการเติบโตไปพร้อมกับเมืองใหญ่ด้วย อย่างไรก็ตามการมีรถไฟความเร็วสูงจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่จะช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว และสนับสนุนการขยายตัวของเมืองต่อไป” รศ.ดร.ธนพฤกษ์ กล่าว

Prof. Tian Qian, PhD Yunnan Minzu University นักวิจัยจีน กล่าวว่า โครงการรถไฟจีน-ลาว-ไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายรถไฟแห่งเอเชีย ถือเป็นโครงการหลักภายใต้ยุทธศาสตร์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระหว่างจีนกับคาบสมุทรอินโดจีนอย่างมีประสิทธิภาพ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางนี้ไม่เพียงแสดงถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงสังคมอย่างยั่งยืน
Prof. Tian Qian กล่าวต่อว่า โมเดลความร่วมมือระหว่างรัฐบาล วิสาหกิจ และประชาชนที่นำมาใช้ในโครงการนี้ ถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จให้กับโครงการขนาดใหญ่ในภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้พื้นที่การวิจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับโครงการประกอบด้วย เขตหยวนเจียง เมืองหยูซี, เทศมณฑลหนิงเออร์ เมืองปูเออร์, เทศมณฑลเม็งลา และเขตโมฮัน-โบเตน ในเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาได ซึ่งทั้งหมดล้วนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน นับตั้งแต่เปิดใช้งานเมื่อสามปีก่อน โครงการนี้ได้ขนส่งผู้โดยสารไปแล้วกว่า 43 ล้านคน และสินค้าทางรถไฟกว่า 48 ล้านตัน รวมถึงสินค้าข้ามพรมแดนกว่า 1.5 ล้านตัน
Prof. Tian Qian กล่าวถึงภาพร่วมของการมีรถไฟฟ้าความเร็วสูงว่า ความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในส่วนของรัฐบาล โครงการรถไฟความเร็วสูงจีน-ลาว-ไทยถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โครงการนี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการวางแผนและดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศในระดับนานาชาติ บริษัทและองค์กร คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยปัจจุบันส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับธุรกิจด้านการก่อสร้าง การผลิต โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมอื่นๆ หลายแห่งประสบความสำเร็จในการเติบโตและพัฒนาธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ พร้อมทั้งกำลังมองหาโอกาสในการร่วมมือใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเริ่มได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ นอกจากการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วขึ้นแล้ว โครงสร้างพื้นฐานภายในชุมชนยังได้รับการพัฒนา ส่งผลให้พวกเขามีความคาดหวังในการยกระดับคุณภาพชีวิตและมีโอกาสในการพัฒนามากขึ้นในอนาคต

Lumngeune Souliyavong, PhD National University of Laos นักวิจัยลาว กล่าวว่า พื้นที่วิจัยและผลกระทบจากโครงการรถไฟความเร็วสูง การวิจัยครอบคลุมพื้นที่ 3 แห่ง ตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ได้แก่ แขวงหลวงน้ำทา แขวงหลวงพระบาง และนครเวียงจันทน์ โดยแต่ละพื้นที่มีบทบาทและผลกระทบที่แตกต่างกัน โดยที่แขวงหลวงน้ำทา โครงการรถไฟความเร็วสูงจะช่วยเสริมบทบาทในการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ เชื่อมโยงการค้าระหว่างไทย ลาว และจีน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าหลัก เช่น ยางพาราและมันสำปะหลัง นอกจากนี้ ทางรถไฟยังเป็นตัวเร่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมผ่านการขนส่งสินค้าและส่งเสริมการท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระหว่างทั้งสามประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองและค่าครองชีพที่อาจสูงขึ้น
Lumngeune กล่าวต่อว่า แขวงหลวงพระบาง รถไฟความเร็วสูงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม โดยธุรกิจท้องถิ่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง จะเติบโตอย่างรวดเร็วจากการขยายตัวของการท่องเที่ยว ระบบคมนาคมที่ดีขึ้นจะช่วยลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย และส่งเสริมโอกาสในการจ้างงาน ทำให้ชุมชนมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และที่นครเวียงจันทน์ หากเส้นทางทั้ง 3 ประเทศเสร็จเรียบร้อย คาดว่ากลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์หลักที่เชื่อมโยงภูมิภาค ส่งเสริมศักยภาพทางการค้าและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือปัญหาสังคมและโครงสร้างพื้นฐานจากการเวนคืนที่ดิน ซึ่งผู้อยู่อาศัยบางส่วนคัดค้านการย้ายถิ่นฐานเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องค่าชดเชย ซึ่งได้มีการเจรจาหาข้อตกลงที่เหมาะสมให้กับประชาชน ทั้งนี้ระบบรถไฟจะช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทางระหว่างจังหวัดและการเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ภัยพิบัติสแกมเมอร์ | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ภัยพิบัติสแกมเมอร์ | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ทร.ยังเปิดกว้างทุกข้อเสนอโครงการจัดหา 'เรือฟริเกต' ลำใหม่ ลั่นยึดข้อมูลรอบด้าน-โปร่งใส
โฆษกกองทัพเรือ แจงความคืบหน้าในการดำเนินโครงการจัดหาเรือฟริเกตลำใหม่
🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568
ลัคนามังกรกับลีลาสำคัญของชีวิตปี2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมาก) ที่มีแนวโน้มจะเกิดกับท่า

