'อนาคตการเตือนภัยแผ่นดินไหว' เครื่องตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนราคาประหยัด ฝีมือนักวิจัยไทย

การวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว ที่อาคาร รพ.เชียงใหม่

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.20 น. ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศเมียนมา กรมอุตุนิยมวิทยาได้ปรับค่าความรุนแรงของแผ่นดินไหวเป็น 8.2 และในเวลา 13.32 น. ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 7.1 ส่งผลให้แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงกรุงเทพฯ  เหตุการณ์นี้สร้างความเสียหายอย่างหนัก อาคารสูงและคอนโดมิเนียมหลายแห่งได้รับผลกระทบ บางจุดเกิดรอยร้าวและฝาพังถล่ม รวมถึงอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในเขตจตุจักรที่พังถล่มลงมา

ต่อมาในวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา มีรายงานทางโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการสั่นไหวของอาคารในหลายพื้นที่ ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานและเดินทางในพื้นที่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ถูกพูดถึงคือระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ยังล่าช้าและไม่ทั่วถึง เช่น การส่ง SMS แจ้งเตือนที่บางคนได้รับหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วหลายชั่วโมงหรือข้ามวัน ขณะที่ประเทศไทยอาจไม่เคยเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นนี้มาก่อน แต่เหตุการณ์สึนามิในอดีตเป็นบทเรียนสำคัญถึงความจำเป็นในการพัฒนาระบบแจ้งเตือนและการสื่อสารให้ครอบคลุมและทั่วถึง โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง

แม้ปัจจุบันยังไม่มีเทคโนโลยีที่สามารถพยากรณ์แผ่นดินไหวล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ แต่หลายประเทศได้พัฒนาระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย อย่าง ญี่ปุ่นมีระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวฉุกเฉิน (Earthquake Early Warning System, EEWS) ที่สามารถแจ้งเตือนประมาณ 6 วินาทีและแม่นยำใน 10 วินาที หลังแผ่นดินไหวสั่นสะเทือน  ส่วนไต้หวันใช้ระบบเครือข่ายเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์ ประมาณ 10 วินาที หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ทั้งสองประเทศเป็นตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีและมาตรการป้องกันเพื่อลดผลกระทบจากแผ่นดินไหว

สำหรับประเทศไทยได้มีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่พัฒนาการแจ้งเตือนแผ่นดินไหว ภายในงาน “ก้าวข้ามธรณีพิโรธ: นวัตกรรม ววน. พลิกเกมภัยแผ่นดินไหว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของไทย ” โดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์

รศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้แทนวิจัยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากงานวิจัยการพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดแผ่นดินไหวราคาประหยัด(Sensor) ได้มีการประเมินติดตั้งนำมาใช้ในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ในอดีตเซ็นเซอร์ตรวจวัดแผ่นดินไหวต้องนำเข้าจากต่างประเทศในราคาประมาณ 300,000 บาทต่อตัว แต่ปัจจุบันสามารถผลิตภายในประเทศได้เอง ทำให้ต้นทุนลดลงเหลือเพียงหลักหมื่นบาทต่อตัว ซึ่งมีแนวคิดคล้ายๆกับระบบการแจ้งเตือนแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น แต่ที่ญี่ปุ่นมีการติดตั้งระบบเซ็นเซอร์ที่ราคาแพงและมีคุณภาพ ซึ่งมีการติดตั้งครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ แต่เซ็นเซอร์ของไทยเนื่องจากอยู่ในระหว่างการวิจัยจึงสามารถทำได้ในพื้นที่เฉพาะ อย่าง อาคารหรือตึก โดยมีวิศวกรประจำอาคารและทีมวิจัยหลังบ้านในการวิเคราะห์ก่อนจะเหตุว่าจำเป็นต้องอพยพหรือไม่

โดยทีมวิจัยได้ดำเนินการติดตั้งเซ็นเซอร์ทั้งหมด 12 ตัวภายในอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉินของโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ และอีก 10 ตัวที่อาคารเฉลิมพระบารมีของโรงพยาบาลเชียงใหม่ ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ทั้งหมดจะถูกส่งผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแบบเรียลไทม์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่กรุงเทพฯ เพื่อใช้ในการตรวจสอบค่าความเคลื่อนที่สัมพันธ์ระหว่างชั้นอาคาร โดยติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ระดับชั้นต่างกัน เช่น ชั้น 13 และ 14 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์

การส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์

รศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าวต่อว่า ผลจากการติดตั้งหลังหนึ่งเดือน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 รพ.เชียงใหม่สามารถตรวจจับแผ่นดินไหวขนาด 4.2 ริกเตอร์ได้ โดยข้อมูลดังกล่าวถูกส่งแบบเรียลไทม์ไปยังโทรศัพท์มือถือของนักวิจัย อย่างไรก็ตาม ระบบแจ้งเตือนจะถูกส่งเฉพาะวิศวกรประจำอาคารเท่านั้น เพื่อลดความตื่นตระหนกในประชาชนทั่วไป หลังจากได้รับข้อความแจ้งเตือน ทีมวิศวกรและนักวิจัยจะทำการวิเคราะห์ค่าความสั่นสะเทือนที่อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคาร หากพบว่าระดับแรงสั่นสะเทือนไม่รุนแรงไม่มีความจำเป็นต้องอพยพ โดยใช้เวลาประเมินความเสียหายของอาคารประมาณ 20 นาที

ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุด รศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าวว่า ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมาและส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงประเทศไทย นับเป็นการทดสอบระบบที่หนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มติดตั้งเซ็นเซอร์ผ่านมา 3 ปี เพราะแผ่นดินไหวมีขนาด 7.7 ริกเตอร์ ซึ่งมีขนาดความรุนแรง แต่เซ็นเซอร์สามารถแจ้งเตือนวิศวกรประจำอาคารได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามในกรณีของอาคาร ที่รพ.เชียงใหม่ พบว่ามีค่าสั่นสะเทือนที่สูงมาก ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างบางส่วนของอาคารได้รับความเสียหาย และทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ทีมวิศวกรจึงทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ พบว่าพื้นที่ของอาคารสามารถแบ่งออกเป็นสามระดับ ได้แก่ พื้นที่ปลอดภัย (สีเขียว) พื้นที่เสียหายบางส่วน (สีเหลือง) และพื้นที่เสียหายรุนแรง (สีส้ม) นอกจากนี้ ยังได้มีการสร้างภาพโครงสร้างอาคารแบบสามมิติ เพื่อระบุจุดที่ได้รับความเสียหาย และดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้วิศวกรเข้าตรวจสอบต่อไป ในส่วนของโรงพยาบาลเชียงรายพบว่าค่าสั่นสะเทือนต่ำกว่าเชียงใหม่ และจากการวิเคราะห์โดยวิศวกร พบว่าพื้นที่ยังคงอยู่ในระดับปลอดภัย (สีเขียว)

แรงสั่นสะเทือนที่ได้รับ จากแผ่นดินไหวเมื่อ 28/3/68 ที่อาคาร รพ.เชียงใหม่

“สิ่งสำคัญที่สุดคือการก่อสร้างอาคารตามมาตรฐานที่สามารถรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ระบบเซ็นเซอร์เป็นเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบความสมบูรณ์ของอาคาร และยืนยันว่าโครงสร้างมีความปลอดภัย ดังนั้น การออกแบบและก่อสร้างอาคารที่มีมาตรฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็น ณ ตอนนี้วิศวกรต้องเข้าไปตรวจสอบอาคารสูงหลังเกิดแผ่นดินไหว แต่หากไม่มีข้อมูลค่าการสั่นสะเทือน การตรวจสอบอาจใช้เวลานาน อย่างไรก็ตาม ผลจากการติดตั้งเซ็นเซอร์ในอาคารทั้งสองแห่งที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายมากว่า 3 ปี แสดงผลการตรวจวัดค่าสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ค่อนข้างแม่น จากการสั่งสะเทือนพร้อมกันของเซ็นเซอร์ทุกตัว ได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในระดับหนึ่งของงานวิจัยไทย” รศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าว

รศ.ดร.ธีรพันธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้มีแนวโน้มที่จะขยายการติดตั้งเซ็นเซอร์ไปยังในบริเวณพื้นที่ชายแดน อาคารรพ. อื่นๆ ในพื้นที่ภาคเหนือเพิ่มเติม ในอนาคตอาจมีการต่อยอดจากงานวิจัยในการติดตั้งในพื้นที่โรงงาน หรือ อาคารรถไฟฟ้า อาจจะช่วยให้รถไฟฟ้าชะลอความเร็ว และเกิดความปลอดภัยกับผู้คนเมื่อมีเหตุการณ์แผ่นดินไหว

นอกจากนี้ยังมีผลงานการวิจัยภายใต้ กองทุน ววน.  เพื่อดำเนินการในแผนงานสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านภัยพิบัติทางธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการบริหารจัดการภัยทางธรรมชาติแบบบูรณาการ อาทิ 1.InSpectra-01 เทคโนโลยีที่นำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในการตรวจจับและวัดขนาดรอยร้าวในโครงสร้างอย่างแม่นยำและรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนในการตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพในการประเมินความเสียหายของโครงสร้าง ด้วยระบบ Agentic.AI โดย รศ.ดร.พรหมพัฒน ธัญสิริชัยศรีศูนย์วิจัยตรวจสอบโครงสร้างและเฝ้าระวัง ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ภาพสามมิติวิเคราะห์ส่วนที่เสียหายของอาคาร รพ.เชียงใหม่ 

2.หุ่นตรวจการและเก็บกู้วัตถุระเบิด รุ่น D-EMPIR V.4 ถูกออกแบบสำหรับการปฏิบัติงานเก็บกู้วัตถุระเบิด และสามารถซ่อมบำรุงได้ง่ายเมื่อเกิดความเสียหาย โดยในช่วงสถานการณ์วิกฤตหุ่นยนต์ D-EMPIR V.4 ได้ถูกนำมาลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ ณ ถ.กำแพงเพชร เขตจตุจักร กทม. ที่มีผู้บาดเจ็บและสูญหายเป็นจำนวนมาก เนื่องด้วยหุ่นยนต์มีขนาดเล็ก มีความคล่องตัวสูง มีการติดตั้งแขนกลพิเศษ สามารถเข้าพื้นที่แคบได้โดยใช้แขนกลหยิบจับสิ่งของและปีนป่ายทางต่างระดับได้อย่างคล่องตัว โดย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (DTI)

3.แพลตฟอร์ม Traffy Fondue เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการแจ้งเหตุและบริหารจัดการปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งประชาชนสามารถแจ้งปัญหาและร้องขอความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยให้ข้อมูลถูกส่งตรงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ ลดระยะเวลาในการประสานงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม ได้มีการนำแพลตฟอร์ม Traffy Fondue เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการภัยพิบัติแผ่นดินไหวให้กับประชาชน โดยปัจจุบันมีการแจ้งข้อมูลกว่า 5,000 กรณี โดย ห้องปฏิบัติการระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะ (ITS) กลุ่มวิจัยการสื่อสารและเครือข่าย (CNWRG) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

โครงสร้างการติดตั้งในอาคาร รพ.เชียงราย
โครงสร้างการติดตั้งในอาคาร รพ.เชียงใหม่

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กรมอุตุฯ เกาะติดแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ ยันไม่กระทบไทย

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.6 นอกชายฝั่งฟิลิปปินส์ ไม่กระทบประเทศไทย โดยวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เวลา 08.43 น. ตามเวลาไทย สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รายงานการเกิดแผ่นดินไหว

เช็กที่นี่! เปิดจุดในกรุงเทพฯ รับรู้แรงสั่นสะเทือน แผ่นดินไหวขนาด 5.4 ในทะเลเมียนมา

กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด 5.4 ความลึก 10 กม. บริเวณ ใกล้ชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศเมียนมา ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.แม่สอด จ.ตาก ประมาณ 211 กม.

มท.กำชับ ‘ตระหนักแต่ไม่ตระหนก’ ภูเก็ตพร้อมแผนรับมือแผ่นดินไหว-สึนามิ

กระทรวงมหาดไทยย้ำเตรียมพร้อมทุกด้านรับมือแผ่นดินไหวและภัยสึนามิ จังหวัดภูเก็ตร่วมประชุมออนไลน์ซักซ้อมแผนเฝ้าระวัง พร้อมยืนยันสถานการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดไม่กระทบ

นายกฯ สรุปเหตุตึกสตง.ถล่ม พบออกแบบ-วิธีก่อสร้างบกพร่อง ส่งข้อมูล 'ดีเอสไอ-ตร.' ชี้ใครผิด

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่ากรุงโบโกตา เมืองหลวงของโคลอมเบีย

เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเมืองหลวงโบโกตาของโคลอมเบียเมื่อเช้าวันอาทิตย์ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือนสั่นไหว ไซเรนส่งเสียงอื้ออึง และผู้คนพา