
ด้วยบริบทการแข่งขันทางเศรษฐกิจระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกำหนดทิศทางการลงทุน และการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สอดรับกับแนวโน้มโลก และศักยภาพของประเทศ จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนของประเทศไทย “อุตสาหกรรมไมซ์” เป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่มีนักเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจ ใช้เวทีแสดงสินค้า งานประชุมวิชาการ หรือแม้กระทั่งงานประชุมองค์กร เป็นวัตถุประสงค์หลัก สร้างเครือข่ายธุรกิจผ่านเวทีงานในประเทศไทย ที่ผ่านมาไทยมีโอกาสได้แสดงศักยภาพในการจัดงาน เมกะอีเวนท์ที่สร้างชื่อเสียงในระดับโลก ทั้งการเป็นเจ้าภาพการจัดงานระดับโลกไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ จนสามารถสร้างบทบาทบนเวทีโลกในหลากหลายมิติ
จากการทำงานร่วมกันทุกระดับของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับ จังหวัดอุดรธานี และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือ ทีเส็บ ทางสมาคมพืชสวนระหว่างประเทศ (AIPH) ได้ประกาศการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ ให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 (ระดับ B) ภายใต้แนวคิด Diversity of Life : Connecting people, water and plants for sustainable living (วิถีชีวิต สายน้ำ และพืชพรรณ) ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2569 – 14 มีนาคม 2570 รวมระยะเวลา 134 วัน บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำหนองแด ตำบลกุดสระ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนเนื้อที่ 1,030 ไร่ แบ่งเป็น พื้นน้ำ 400 ไร่ และพื้นดิน 630 ไร่

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ด้วยสถานะความเป็นประตูสู่อนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงความเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจของทางจังหวัดอุดรธานี ทำให้มั่นใจได้ว่าการจัดงานครั้งนี้จะสามารถสะท้อนภาพแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม ตลอดจนพันธุ์ไม้นานาชนิดของชาวอุดรธานีได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งการเป็นเจ้าภาพมหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานี 2569 ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการแสดงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เสริมสร้างทักษะ เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจ และสร้างการมีส่วนร่วมในทุกระดับน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านธุรกิจการนำเข้าและส่งออกผลผลิตการเกษตร ส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมธุรกิจด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เป็นอย่างมากเพิ่มเงินสะพัดระหว่างการจัดงานได้ประมาณ 32,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดว่า จะทำให้มีจำนวนผู้เข้าชมงานถึง 3.6 ล้านคน เป็นชาวไทยร้อยละ 70 และชาวต่างชาติร้อยละ 30 มีจำนวนประเทศ ที่เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 20 ประเทศ / องค์กร / สมาคม สามารถเพิ่มมูลค่าการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ประมาณ 20,000 ล้านบาท เกิดการสร้างงาน การจ้างงาน ประมาณ 81,000 อัตรา รวมถึงเม็ดเงินมหาศาลที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างโอกาสการลงทุนจากต่างประเทศ การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสังคม รวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการเดินทางของนักเดินทางทั่วโลกที่เข้ามาชมงาน
ขณะที่ทีเส็บในฐานะเป็นหน่วยงานที่เข้าถึงผู้จัดงานทั้งโลก สามารถเข้าไปเชื่อมต่อพูดคุยอย่างมีเทคนิค เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานแต่ละประเทศทั่วโลกเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจ จึงจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษาและภาคเอกชน เพื่อความพร้อมในการต้อนรับนักเดินทางที่จะมาจากทั่วโลก โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับประชาชนในท้องถิ่นให้มีบทบาทร่วมคิด ร่วมสร้าง การปลูกฝังความภาคภูมิใจและการเป็นเจ้าภาพร่วมกัน เพื่อผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในช่วงการจัดงาน

ดร. ศุภวรรณ กล่าวต่อว่า งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี แม้จะอยู่ในระดับ B ตามการจัดประเภทของสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ (AIPH) แต่เป็นส่วนหนึ่งในการปูทางการจัดงานในระดับ A1 ที่จังหวัดนครราชสีมาในปี 2572 เป็นเวทีสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพเกษตรและพืชสวนไทยต่อสายตานานาชาติ ขณะเดียวกันยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอีสาน ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จและความยั่งยืนในอนาคตและยกระดับภาพลักษณ์ของอีสานให้เป็นศูนย์กลางที่เชื่อมโยงโลกกับวิถีไทย
อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีโลกผ่านการสื่อสารทั้งในและต่างประเทศ เป็นแรงขับเคลื่อนในเมกะอีเวนท์สำคัญอื่นๆที่ทีเส็บจะดำเนินการยื่นประมูลสิทธิ์ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานครั้งต่อๆ ไป เพื่อก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานเมกะอีเวนท์ระดับโลกและมีศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่นคงยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทีเส็บ จับมือ สกพอ. พร้อมพันธมิตรภาครัฐ เอกชนกว่า 100 หน่วยงาน เปิดงาน EEC EXPO 2025 เวทีระดับนานาชาติ โชว์ศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีขั้นสูง กลไกสนับสนุนการลงทุนแบบครบวงจร
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน "EEC EXPO 2025 – Opportunity for Prosperity" เวทีสำคัญของ EEC เปิดประตูการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต ซึ่งจัดโดย
'ทีเส็บ' เผยศูนย์ประชุมในกรุงเทพฯ ทั้ง 7 แห่ง เปิดทำการตามปกติวันนี้
29 มี.ค. 2568 - จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นใน 28 มี.ค. ที่ผ่านมา
"พิพัฒน์' ยกระดับทักษะแรงงานท่องเที่ยวมูลค่าสูง หนุนไทยเป็นฮับอุตสาหกรรมไมซ์
วันที่ 5 กันยายน 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานในพิธีเปิดโครงการยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์สู่การรองรับการท่องเที่ยวทางการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) ระดับนานาชาติ


