คุก1ปีกิตติศักดิ์ บุกวัดบางคลาน ลุ้นอีกคดี4ก.ย.

ศาลพิพากษาจำคุก 1 ปี อดีต สว. "กิตติศักดิ์" คดีนำมวลชนบุกรุกวัดบางคลาน ปิดล้อมกุฏิรักษาการเจ้าอาวาส รอลงอาญา 2 ปี สั่งปรับ 16,500 บาท ยังไม่จบ! 4 ก.ย.ต้องลุ้นอีกคดีเอี่ยวชายชุดดำทำร้ายพระ

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ศาลจังหวัดพิจิตรได้อ่านคำพิพากษา คดีวัดบางคลานยื่นฟ้องนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ  อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พิจิตร ซึ่งเป็นจำเลย กรณีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2561  นายกิตติศักดิ์ได้นำมวลชนบุกวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร ทำการปิดกุฏิรักษาการเจ้าอาวาส และขับไล่รักษาการเจ้าอาวาส

ศาลพิพากษาว่า นายกิตติศักดิ์มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188, 358, 365 (2) ประกอบมาตรา 362 และมาตรา 364 ประกอบมาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานบุกรุกโดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปจำคุก 1 ปี และปรับ 30,000 บาท, ฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น กับฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์เป็นการกระทำกรรมเดียวผิด เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 3,000 บาท

จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ฐานบุกรุกโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป คงจำคุก 6 เดือน  และปรับ 15,000 บาท ฐานร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 1,500 บาท รวมจำคุกทั้งหมด 12 เดือน และปรับเป็นเงิน 16,500 บาท และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้คุมประพฤติไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไข และระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร กับให้จำเลยละเว้นการประพฤติอันนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันกับคดีนี้อีก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 ความผิดหลายกรรม

ส่วนคดีที่อดีต สว.กิตติศักดิ์นำชายฉกรรจ์ชุดดำบุกทำร้ายร่างกายพระสงฆ์ ไวยาวัจกร และคนงานภายในวัดบางคลาน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาไปวันที่ 4 กันยายน 2567 เนื่องจากจำเลยที่ 7  ไม่มาศาล จึงเป็นเหตุให้เลื่อนอ่านคำพิพากษา.