“ทรงศักดิ์” ยกคณะลงพื้นที่เขากระโดง ชาวบ้านหลายคนอวดโฉนดเก่า ชี้ รฟท.รุกสิทธิประชาชน เป็นเหตุธนาคารไม่รับจำนอง โยงการเมืองน่ารังเกียจ รับพบข้อพิรุธจำนวนมาก เด็กภูมิใจไทยซัดมีคนจ้องตี “เนวิน” อธิบดีกรมที่ดินไม่ฟ้องกลับการรถไฟฯ
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน, นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย, นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเขากระโดง จ.บุรีรัมย์
โดยนายทรงศักดิ์กล่าวว่า พยายามนำข้อเท็จจริงมาสะท้อนปัญหาให้เห็นถึงข้อพิพาทเรื่องที่ดินเขากระโดง เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ ตนเป็นคนบุรีรัมย์ เกิดมาก็เห็นเขากระโดง เห็นประชาชนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เห็นถนนมาจากประโคนชัยมายังบุรีรัมย์ไปมาหาสู่กัน ซึ่งมีคนเข้าใจกันคลาดเคลื่อนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หรือไม่ จนเป็นประเด็นปัญหาทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน
นายทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า จากการรับฟังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 5,000 กว่าไร่ รวมไปถึงศูนย์ราชการและวัดที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หากฟังทั้งหมดตนเข้าใจว่าเหมือน รฟท.จะไปก้าวล่วงสิทธิของประชาชน ตนเชื่ออย่างนี้ เพราะการได้มาซึ่งที่ดินของ รฟท.มีกฎหมายเฉพาะ ซึ่งไม่น่าจะเป็นที่ดินของ รฟท. โดยการมาครั้งนี้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ ที่ทางกรมที่ดินและผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการได้เชิญประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียมาพบกัน หลายคนได้แสดงเอกสารสิทธิที่เป็นโฉนด บางคนเห็นได้ว่าโฉนดเก่ามากแทบขาด
รมช.มหาดไทยกล่าวว่า ได้เน้นย้ำกับอธิบดีกรมที่ดินอยู่เสมอว่าเรื่องพิพาทที่เป็นการลิดรอนสิทธิแบบนี้จะต้องมีหลักฐาน ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะกระทบกับสิทธิของประชาชนไม่ใช่น้อย 5,000 กว่าไร่ 900 กว่าแปลง และต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะวันนี้พอมีเรื่องข่าวของความไม่ชัดเจนเรื่องที่ดิน ทำให้ประชาชนที่ถือเอกสารสิทธิไม่มีความมั่นใจ เนื่องจากธนาคารจะไม่รับเอกสารที่ดินที่มีกรณีพิพาท ถือว่าจำเป็นต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดความชัดเจน
ด้านนายเจนกิจ เชฏฐวาณิชย์ รองอธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงประชาชนกว่า 400 คนที่ได้รับผลกระทบว่า ยังมีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงในพื้นที่ ภารกิจของกรมที่ดินคือการออกเอกสารสิทธิให้กับประชาชนในพื้นที่เขากระโดง มี 2 ตำบล คือเสม็ดและอิสาณ ซึ่งออกไปแล้ว 995 แปลง ยืนยันว่าเราไม่ได้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียว มีหน่วยงานอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ รวมถึง ส.ป.ก. และในเขากระโดงมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ รฟท. ซึ่งเข้ามาเป็นคู่ความกับกรมที่ดินในปัจจุบัน
รองอธิบดีกรมที่ดินย้ำว่า เราตรวจสอบแล้วพบว่ามีการระวางชี้แนวเขตที่ รฟท.ได้รับรับรองว่าไม่ใช่ที่ดินของ รฟท. ซึ่งตรวจสอบจากข้อมูลในสารบบ 2 ตำบล 271 แปลง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยังไม่เคยปรากฏในข่าว ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบครบถ้วนตามกฎหมายที่ดิน จนปี 39 มีข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับ รฟท. จึงเป็นที่มาของการจัดทำแผนที่ปี 39 ที่แก้ไขปัญหาสมัชชาคนจน จึงนำแผนที่ฉบับนี้ไปใช้ต่อสู้ในคดีของประชาชน จึงเป็นที่มาของคำพิพากษาทั้ง 3 คดี ซึ่ง 3 คดีนี้กรมที่ดินไม่เคยเข้าเป็นคดีด้วย มีแต่ประชาชนที่เข้าต่อสู้โดยลำพัง ดังนั้น รฟท.จึงใช้ 3 คดีนี้มาใช้ฟ้องกรมที่ดิน เพื่อให้อธิบดีกรมที่ดินใช้อำนาจเพิกถอน ในประเด็นนี้ศาลได้วินิจฉัยแล้วว่าเป็นข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องไป ศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ จึงได้มีคำสั่งของศาลปกครองกลาง ให้กรมที่ดินแต่งตั้งกรรมการสอบสวน และได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว
ขณะที่ นายสมบัติ ลาอ่อน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวมีข้อพิพาทมาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งกรมที่ดินพยายามพิจารณาตามพยานหลักฐานให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งในส่วนที่ศาลได้มีคำพิพากษา มีอยู่ 3 คำพิพากษา ทั้ง รฟท.ฟ้องไล่ราษฎร และราษฎรฟ้องกรมที่ดิน โดยกรมที่ดินทำตามคำพิพากษาเป็นอย่างครบถ้วน โดยเป็นการพิพาทระหว่างประชาชน 35 รายกับ รฟท.
เขากล่าวว่า ส่วนคำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นกรณีสำคัญ รฟท.ได้อาศัยข้อเท็จจริงจากศาลมาให้กรมที่ดินตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ที่ได้วินิจฉัย พร้อมกับระบุว่าไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจของอธิบดีกรมที่ดินที่จะใช้อำนาจในการเพิกถอนหรือไม่ ในส่วนนี้อธิบดีกรมที่ดินได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่ดินบริเวณนี้ ซึ่งจากการพิจารณาตามพยานหลักฐานประกอบคำพิพากษาที่มาจากพิจารณาจากทุกภาคส่วน
“กรณีที่ รฟท.กล่าวอ้างไม่มีความชัดเจนเพียงพอที่จะเอามาใช้ในการเพิกถอนโฉนดที่ดินของประชาชนได้ เพราะฉะนั้นในส่วนนี้ คณะกรรมการฯ ตามมาตรา 61 เสนอให้ยุติการดำเนินการในส่วนนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนตามที่ประชาชนได้ต่อสู้” นายสมบัติระบุ
นายสนอง เทพอักษรณรงค์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า สมัยก่อนมักจะมีนักการเมืองนำเรื่องเขากระโดงมาหาเรื่องและมาโจมตีผู้ที่ครอบครองที่ดิน โดยเฉพาะนายเนวิน ชิดชอบ และเมื่อการเลือกตั้งเสร็จทุกอย่างก็เงียบ
นายปิยะ ปิจนำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ทางธนารักษ์พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้ชี้แจงว่า ที่ดินราชการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายและถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย หาก รฟท.จะมาชี้แนวเขตเอาที่ของราชการมาเป็นที่ของรัฐวิสาหกิจ ต้องพิสูจน์สิทธิตามช่องทางของกฎหมาย
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าอาวาสจากวัดป่าศิลาทอง ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบได้ชี้แจงว่า ที่ดินที่ก่อสร้างวัดได้ผ่านการพิจารณา โดยได้รับอนุญาตให้สร้างวัดตั้งแต่ปี 28 พอมาถึงเดือน ก.ค.ปี 67 รฟท.ได้มาปักเสาตรงมุมวัด ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากถ้าลากตามเส้นนั้น เพราะเป็นมุมที่สำหรับเผาศพ มีกระดูก และเป็นของบรรพบุรุษชาวบ้านอยู่มาเก่าก่อน
จากนั้นนายทรงศักดิ์ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดสิ้นสุดของทางรถไฟที่กิโลเมตร 6.2 และพบที่ประชาชนครอบครองที่ดิน ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ปี 2462
ต่อมานายทรงศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ว่า วันนี้ก็เชิญ รฟท.มาด้วย แต่ไม่ได้มาเพื่อให้รับทราบข้อเท็จจริงจากประชาชนและหน่วยราชการในพื้นที่ และจากการพบปะประชาชน ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่ที่ดินของ รฟท. แต่เป็นที่ที่ประชาชนสามารถอยู่ได้ ตนดูข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้านแจ้งมาว่าอยู่ตั้งแต่ปี 2460 ก่อนที่จะมีการออกกฤษฎีกาสำรวจแนวเขตของการรถไฟฯ ซึ่งหาก รฟท.ประสงค์ในที่ดิน ต้องออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดซื้อจัดหาที่ดิน รฟท.ให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ รฟท.ไม่เดินทางมาในวันนี้จะเป็นอีแอบใช่หรือไม่ นายทรงศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบ แต่เราได้มีการเชิญในเบื้องต้นแล้ว จริงๆ รฟท.ต้องมา เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการพิพาทกัน เมื่อถามย้ำว่า การที่ รฟท.ออกมาขยับเช่นนี้ มีการเมืองหนุนหรือไม่ นายทรงศักดิ์ระบุว่า ยังยืนยันไม่ได้ว่ามีพรรคการเมืองหนุนหลังหรือไม่ สังเกตดูว่าทุกครั้งที่ออกมาจะเป็นช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง หรือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคนของการเมือง และเป็นที่ดินที่เกี่ยวข้องกับคนการเมือง ดังนั้นถ้าจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองก็คงเป็นไปไม่ได้ คงจะเกี่ยวบ้างเล็กน้อย
ถามว่า การหยิบยกการเมืองมารุกสิทธิประชาชนมองอย่างไร นายทรงศักดิ์มองว่า เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ เพราะสิ่งที่ทำมาวันนี้กระทบกับประชาชนไม่ใช่รายเดียว ต้องทำให้เกิดความชัดเจน และสร้างความมั่นใจกับประชาชนว่าเอกสารสิทธิที่ได้มานั้นถูกต้อง เมื่อถามอีกว่ามีการมองว่าเรื่องนี้ถูกตีกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ย้ำว่า เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เพราะทำกับประชาชนจำนวนมาก
นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ยืนยันว่าคงไม่ฟ้อง รฟท. เนื่องจากเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่หน่วยงานนั้นยึดถือ ฉะนั้นคงไม่ถึงขั้นต้องนำเรื่องเหล่านี้มาเป็นข้อขัดแย้งระหว่างหน่วยงานราชการ
"อย่างของอัลไพน์ คือการทำนิติกรรมที่ไม่ถูกต้อง จะมองแค่ว่าอัลไพน์ทำไมถึงทำภาพรวมได้ทั้งหมด เพราะนั่นเป็นเรื่องของนิติกรรม ไม่ใช่เรื่องของการเพิกถอน" อธิบดีกรมที่ดินระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


