ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ หลังเจ้าตัวไปหาเสียงนายก อบจ.ว่าจะกวาดล้าง คปท.มองเสือกทุกเรื่องทำพัง ทำตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์อยู่เหนือรัฐบาล ขณะที่ “จตุพร” บอกปล่อยให้เสพสุขในการอวดรู้ ก่อนลุ้นคดี พร้อมแฉ “อีโม่ง” วิ่งเต้นล้มปมชั้น 14 ด้าน “รมว.ดีอี” เผยแค่ความห่วงใยของแม้ว เตรียมดันมาตรการป้องกัน
ที่รัฐสภา วันที่ 26 ธันวาคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมพิจารณาวาระกระทู้ถามทั่วไป ของนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ถามนายกรัฐมนตรี ซึ่งมอบหมายให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นผู้ชี้แจง เรื่องปัญหาการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และมีข้อสังเกตว่าการกำกับธุรกรรมทางออนไลน์ที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน สถาบันการเงิน หรือธนาคาร ควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบของรัฐบาล อย่าเกรงใจนายทุนธนาคาร
นายประเสริฐชี้แจงว่า การออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) นั้น อยู่ระหว่างการขอความเห็นจากกฤษฎีกาก่อนจะส่งขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในรายละเอียดของ พ.ร.ก.จะกำหนดการอายัดและคืนเงิน ให้ทำได้รวดเร็ว ตั้งใจให้ไม่เกิน 6 เดือนสามารถคืนได้ แต่วิธีเก่าใช้เวลา 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย ส่วนมาตรการที่เกี่ยวกับธนาคารนั้น กำหนดให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบเหมือนกับเครือข่ายมือถือ ไม่มีความเกรงใจธนาคาร หรือโอเปอเรเตอร์ แต่ควรเกรงใจประชาชน ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าคณะกรรมการและป้องกันภัยไซเบอร์จะเอาใจธนาคาร ซึ่งหลังปีใหม่นี้จะได้เห็นระบบคลีนซิง หากพบข้อความไม่เหมาะสม เป็นภัย หรือข้อความหลอกลวงประชาชน ข้อความต้องถูกยกเลิก หากโอเปอเรเตอร์ไม่ปฏิบัติตาม ต้องมีส่วนรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการที่ผู้ใช้บริการไปกดลิงก์ดูดเงิน ท่านต้องมาช่วยจ่ายด้วย
ทั้งนี้ นายธีรัจชัยได้ถามถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวระหว่างการปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ ว่ารู้ถึงจุดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ต่างประเทศ เช่น ชั้น 25 ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา หรือที่เมียวดี ประเทศเมียนมา พร้อมระบุว่าได้ส่งคนไปประสานแล้ว หากไม่มีกองกำลังดำเนินการ ก็จะส่งกำลังไปดำเนินการ และปีหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดเกลี้ยง ไม่ทราบว่าที่นายทักษิณพูดนั้นจริงหรือไม่ และมีอำนาจจริงหรือไม่
นายประเสริฐชี้แจงว่า นายทักษิณมีความเป็นห่วงคนไทย โดยกระทรวงดีอีไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาประสานงานไปยังประเทศมาเลเซีย เมียนมา จีน ลาว และกัมพูชา เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลในการเข้าไปปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ให้จับตาดูวันที่ 15 ม.ค. ที่แพทยสภาขีดเส้นตายให้แพทย์รักษาทักษิณ ชินวัตร ชั้น 14 ส่งรายงานการรักษามาตรวจสอบการเอื้อหนีติดคุก แล้วยังต้องติดตามผลตรวจสอบของ ป.ป.ช.กรณีชั้น 14 และ กกต.ยังมีการขยับอย่างมีนัยสำคัญในการสอบสวนการครอบงำพรรคการเมือง ซึ่งจุดตายนั้นยังอยู่ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในฐานะเป็นผู้พิพากษาลงโทษจำคุกทักษิณ ชินวัตร ในคดีทุจริตคอร์รัปชัน แม้ทักษิณได้รับพระบรมราชโองการลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ไม่ปรากฏได้รับโทษสักวัน เรื่องนี้จะเป็นคดีประวัติศาสตร์ของไทย เมื่อความอยุติธรรมตำหน้าตำตาคนไทยทั้งชาติ ยังสามารถเปลี่ยนดำเป็นขาวได้
"เวลา 17 ปีที่ทักษิณลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ได้แค่พูดกับประชาชนผ่านหน้าวิดีโอลิงก์ ขณะนี้ได้กลับมาไทยแล้ว จึงอยากให้ทักษิณเสพความสุขกับการพูดต่อหน้าประชาชนบนเวทีปราศรัยให้เต็มที่ ตามแบบฉบับคนการเมืองที่มีความสุขเพียงการปราศรัยได้อวดรู้ และโชว์อาการของขึ้น ดุดัน เกรี้ยวกราด ผสมปนเปอารมณ์จนยากจะดูดซึมซับเอาของจริงได้ คนรักษาชาติบ้านเมืองล้วนมองเห็นปัญหาของทักษิณทั้งสิ้นว่า การดำรงอยู่ที่ผ่านมาได้กล่าวอ้างสร้างความกลัวเกินจริงกับพรรคประชาชน จนนำไปสู่ความเสียหายของบ้านเมืองอย่างคาดไม่ถึง"
นายจตุพรกล่าวอีกว่า สิ่งน่ากังวลในกรณีของ ป.ป.ช.ที่จุดแข็งการตรวจสอบชั้น 14 อยู่ที่มีประธานอนุกรรมการตรวจสอบคือ นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ซึ่งเป็นคนหนึ่งใน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ และยังรับผิดชอบสำนวนการสอบสวนชั้น 14 ใน ป.ป.ช.ชุดใหญ่ด้วย ดังนั้น ย่อมทำให้มีบางคนพยายามแทรกแซงเข้าล้วงลูกการทำหน้าที่ไม่ได้ง่ายๆ ถ้าใครจะเปลี่ยนดำเป็นขาวแล้ว ต้องเปลี่ยนายเอกวิทย์ออกจากผู้รับผิดชอบสำนวนสอบสวนชั้น 14 เพื่อให้คนอื่นทำหน้าที่แทน แม้ไม่ถึงขั้นเปลี่ยนดำเป็นขาว หรือล้มคดีก็ตาม แต่การดึงเวลาให้ผลการสอบสวนล่าช้าก็มีผลตามความต้องการของขบวนการโม่งแล้ว
"มีความพยายามของอีโม่งได้วิ่งเต้นทาบทามขอให้คุณเอกวิทย์สละตำแหน่งเพื่อให้รักษาการประธาน ป.ป.ช.ได้ตั้งคนใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่แทน ดังนั้น ขอให้หยุดการกระทำเสียเถิด เพราะอีกไม่กี่เดือนก็พ้นวาระอยู่แล้ว ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไรก็ไม่เป็นผลดีต่อชีวิตในบั้นปลาย และชีวิตควรมีความเพียงพอกันเสียบ้าง" นายจตุพรระบุ
ส่วนการยกเลิกกำหนดการนายอันวาร์ นายกฯ มาเลเซีย นัดคุยกับนายทักษิณที่เกาะลังกาวีวันที่ 26 ธ.ค.นั้น นายจตุพรกล่าวว่า สะท้อนถึงการออกนอกประเทศของทักษิณมีปัญหา เพราะต้องคดี ม.112 และเงื่อนไขประกันตัวห้ามเดินทางออกนอกประเทศ อีกอย่างศาลยึดหนังสือเดินทางระหว่างประเทศไว้ด้วย อาจเป็นเพราะเคยมีพฤติการณ์หลบหนีคดีนานถึง 17 ปี ดังนั้น แสดงว่าการออกนอกประเทศเป็นเรื่องยากของทักษิณ
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. เวลาประมาณ 09.30-11.30 น. นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรฯ ได้เดินทางด้วยเรือยอชต์จากพื้นที่ จ.ภูเก็ต ไปขึ้นเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมบูโล คาซ่า แกรนด์ วิว รีสอร์ท โดยมีนายมุกตา บู่เอียด นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจเกาะหลีเป๊ะ ให้การต้อนรับ หลังจากนั้นจึงเดินทางไปขึ้นเรือออกเกาะหลีเป๊ะมุ่งหน้า จ.ภูเก็ต
มีรายงานด้วยว่า ก่อนนายทักษิณจะขึ้นเกาะหลีเป๊ะนั้น ได้มีการนัดคุยกับนายอันวาร์ นายกฯ มาเลเซีย บนเรือยอชต์กลางทะเลระหว่างแนวเขตประเทศไทย
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พังเพราะทักษิณ อาการเสือกทุกเรื่องของทักษิณ กลายมาเป็นการจัดการอำนาจที่เหนือรัฐบาล การคุยโวเรื่องคอลเซ็นเตอร์ หรือบอกจะจัดการทุกอย่าง คือลักษณะอำนาจซ้อนรัฐที่เหนือกว่าอำนาจรัฐ เป็นผู้มีบารมีนอกกฎหมาย หรือผู้มีอิทธิพลนอกรัฐนั่นเอง การที่รัฐบาลทั้งนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาลถูกคนนอกรัฐขู่ หรือทำหน้าที่เกินรัฐมากเท่าไหร่ ยิ่งสะท้อนความอ่อนแอของรัฐมากขึ้นเรื่อยๆ ทักษิณเหมือนกำลังทำตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ที่ควบคุมรัฐบาลอีกชั้น ลักษณะเช่นนี้ อันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพรรคการเมืองเป็นกลไกการบริหารประเทศ ความเข้มแข็งของรัฐบาลถูกสยบอยู่ภายใต้อำนาจทักษิณ รัฐบาลจะรอดครบเทอมหรือไม่ กลายเป็นว่าอยู่กับความเป็นทักษิณ การเมืองลักษณะแบบนี้อันตราย ในการสร้างการมีส่วนร่วม อำนาจมีขึ้นมีลง การแสดงอาการเกินรัฐ ของทักษิณ ไม่ได้เป็นผลดีเสมอ ระวัง อำนาจนอกรัฐนี้จะเป็นตัวทำลายรัฐบาลนี้เสียเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


