จับตา “คลัง” เล็งชงเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เข้า ครม.จันทร์นี้หรือไม่ หลังกฤษฎีกาชักธงต้าน “นักวิชาการ” ปรบมือให้เป็นเสาหลักบ้านเมือง “นักวิชาการ” ชี้เดินหน้าหายนะเกิดแน่ ยกสถิติประเทศมีกาสิโนสถิติฆาตกรรม-ข่มขืนสูงกว่าประเทศที่ไม่มี “จตุพร” อัดเป็นความกะล่อนทางการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งการเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 จากเดิมในวันอังคารที่ 14 มกราคม มาเป็นวันจันทร์ที่ 13 มกราคม ในเวลา 10 นาฬิกา เนื่องด้วยในวันอังคารที่ 14 มกราคม รัฐบาลได้จัดงานพระราชพิธีสมมงคล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่ากับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ในวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568
มีรายงานจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า กระทรวงการคลังจะนำร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ..... (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม. วันที่ 13 ม.ค. หลังจากที่ให้หน่วยงานต่างๆ แสดงความคิดเห็น ซึ่งล่าสุดพบว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตั้งข้อสังเกตถึง 6 ข้อ ในกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะเรื่องความเหมาะสมและจุดประสงค์ที่แท้จริง
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ศึกษาติดตามเรื่องนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มาตลอด กล่าวว่า นับเป็นความโชคดีของคนไทยที่คณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งมีหน้าที่ให้ความเห็นทางกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ ยังเป็นเสาหลักให้กับบ้านเมือง โดยได้ให้ความเห็นที่ถูกต้องตามหลักนิติธรรม นอกจากนี้ ยังเป็นความโชคดีของรัฐบาลที่มีหน่วยงานชี้แนะในทางที่ถูกที่ควร ดังนั้น รัฐบาลจึงควรนำทุกประเด็นมาทบทวน พิจารณาไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ เพื่อให้การออกนโยบายสาธารณะเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่สับสนจนทำให้คนไทยส่วนใหญ่มีความกังขาว่า การออกนโยบายดังกล่าวมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
“เห็นด้วยอย่างยิ่งกับทั้ง 6 ข้อที่กฤษฎีกาให้ความเห็นมา และในฐานะนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ที่ศึกษาในเรื่องนี้ ก็ขอย้ำถ้อยคำเดิมที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมสำหรับการมีกาสิโนถูกกฎหมาย เพราะการวิจัยพบสาระสำคัญว่าธุรกิจกาสิโนถูกกฎหมายในอาเซียนมักมีความเกี่ยวพันกับนักการเมือง ซึ่งทำให้เกิดหายนะต่อประเทศและประชาชนทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม”
รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าวว่า หายนะดังกล่าวหากเปิดกาสิโนในประเทศไทย แยกเป็นมิติเศรษฐกิจ การมีธุรกิจกาสิโนซ้ำเติมความยากจน และทำให้ช่องว่างทางรายได้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น เช่น กรณีฟิลิปปินส์ ปี 1976 อดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ออกคำสั่งก่อตั้ง Philippine Amusement and Gaming Corporation (PAGCOR) เพื่อนำธุรกิจการพนันขึ้นมาอยู่บนดิน โดยอยู่ภายใต้อำนาจของสำนักงานประธานาธิบดี แม้อ้างว่าเพื่อเป็นแหล่งเงินสำหรับโครงการพัฒนาประเทศ แต่ท้ายที่สุดแล้วเงินมหาศาลก็เข้าสู่คลังส่วนตัวของประธานาธิบดีผ่านโครงการเหล่านั้น จนครอบครัวของอดีตประธานาธิบดีมาร์กอสเป็นอภิมหาเศรษฐี ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหรา เช่น นางอิเมลดา มาร์กอส อดีตสตรีหมายเลข 1 มีชุดเครื่องประดับและรองเท้าแบรนด์เนมมากมาย ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยากจนข้นแค้น และปัจจุบันฟิลิปปินส์มี GDP per capita ต่ำกว่าประเทศไทย แม้อนุญาตให้มีกาสิโนในหลายพื้นที่มาเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม
รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าวต่อว่า มิติสังคมจากการวิจัยโดยใช้ข้อมูลปี 2010-2020 ของประเทศในอาเซียน เทียบค่าเฉลี่ยการอนุญาตกับไม่อนุญาตให้มีกาสิโน พบว่าประเทศที่ไม่อนุญาตให้มีกาสิโน มีอัตราการฆาตกรรมอยู่ที่ 1.97 รายต่อประชากร 1 แสนคน ขณะที่ประเทศซึ่งอนุญาตให้มีกาสิโน มีอัตราการฆาตกรรมอยู่ที่ 2.47 ราย ส่วนกรณีข่มขืน ประเทศที่ไม่อนุญาตให้เปิดกาสิโน มีอัตราการข่มขืนอยู่ที่ 1.80 รายต่อประชากร 1 แสนคน ในขณะประเทศที่อนุญาตให้เปิดกาสิโนอยู่ที่ 4.08 ราย ซึ่งการอนุญาตให้มีบ่อนถูกกฎหมาย มิได้ทำให้บ่อนผิดกฎหมายหรือการพนันออนไลน์หมดไป ยกเว้นประเทศสิงคโปร์ ซึ่งรัฐบาลมีการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันและสิ่งผิดกฎหมายอย่างเอาจริงเอาจัง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองจากนโยบายนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน และเพื่อคุ้มครองชีวิตของประชาชน รัฐบาลจึงยังไม่ควรผลักดันกาสิโนถูกกฎหมาย จนกว่าประเทศไทยจะมีการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ และการคอร์รัปชันลดต่ำลงในระดับใกล้เคียงประเทศพัฒนาแล้ว
รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าวย้ำว่า ประเทศที่มีกาสิโนถูกกฎหมายมีปัญหาการฆาตกรรมและการข่มขืนร้ายแรงกว่าประเทศที่ไม่อนุญาตให้มีกาสิโน นอกจากนี้ ผลการศึกษาโดยใช้แบบจำลองชี้ชัดว่า การมีกาสิโนถูกกฎหมายในอาเซียนทำให้อัตราการข่มขืนเพิ่มขึ้นถึง 3 รายต่อประชากร 1 แสนคน สอดคล้องกับผลการศึกษาซึ่งใช้ข้อมูลของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น คณะรัฐมนตรีซึ่งต้องบริหารประเทศให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขและสวัสดิภาพของประชาชน จึงควรทบทวนนโยบายเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย เพราะในขณะที่นักการเมืองรวมถึงญาติพี่น้องนักการเมืองส่วนใหญ่มีฐานะร่ำรวย ขับรถราคาแพง มีคนรับ-ส่ง ชีวิตมีความปลอดภัย แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศ มีชีวิตปกติที่ต้องเดินถนน ขึ้นรถเมล์ ซึ่งปัจจุบันก็ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตจากคนติดยาเสพติดหรือของมึนเมาอยู่แล้ว
“รัฐบาลไม่ควรทำให้ประชาชนมีความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้นด้วยการเปิดกาสิโน แต่ต้องเร่งปราบปรามการพนันผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 53 ซึ่งบัญญัติว่า รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หาใช่การแก้ปัญหาบ่อนผิดกฎหมายด้วยการจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมายแต่อย่างใด” นักวิชาการผู้นี้ระบุ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่เอาจริงเอาจังกับการปราบบ่อนพนันออนไลน์ เพราะต้องการให้พนันออนไลน์เข้ามาสังกัดบ่อนกาสิโนที่กำลังจะเร่งสร้างขึ้น จึงเป็นความกะล่อนทางการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่บ้านเมืองเสียหายย่อยยับกลายเป็นประเทศบ่อนกาสิโนและการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย
“เรื่องบ่อนที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าง่ายและจะเคี้ยวหมูนั้น ยังไม่รู้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆ จะคิดอย่างไรกัน แต่เรื่องนี้และทุกเรื่องที่รัฐบาลเพื่อไทยผลักดันจะกลายเป็นชนวนเขย่ารัฐบาลให้ล้มได้ ดังนั้นถ้าคิดว่าบ้านเมืองจะไม่กลับไปจุดเดิม เป็นการคิดผิดที่สุด” นายจตุพรกล่าว และว่า ประชาชนถึงขั้นที่จะมาต่อสู้ยอมตายเพื่อใครบางคนหรือปกป้องอะไรบ้างอย่างคงหายากแล้ว เพราะต่างรู้เช่นเห็นชาติพรรคการเมืองกันหมดแล้ว ดังนั้นการต่อต้านโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ประชาชนไม่ต้องการลงถนน แต่ถ้าไม่มีทางเลือกย่อมจำเป็นต้องไปชุมนุมบนถนน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


