อธิบดีกรมที่ดินเผย คำสั่งยกเลิกกรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์คืนที่ธรณีสงฆ์ถึงมือแล้ว ชี้ขั้นตอนผู้เสียหายเพิกถอนคำสั่งปกครอง-เรียกร้องค่าชดเชยขึ้นอยู่กับศาล ขณะที่แนวทางออกพ.ร.บ.โอนที่ดินแทนชดใช้เงินเคยมีแนวคิด แต่สุดท้ายยกเลิก
เมื่อวันที่ 23 มกราคม นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า หนังสือการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินของบริษัท อัลไพน์ฯ ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ หลังจากที่นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เซ็นถึงกรมที่ดินแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นอำนาจของกรมที่ดินที่จะดำเนินการต่อ
ส่วนแนวโน้มจะออกเป็น พ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อชดเชยผู้เสียหาย แทนการจ่ายเงินเยียวยาจะทำได้หรือไม่ นายพรพจน์อธิบายว่า เคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้ในสมัย 2 รัฐบาลที่ผ่านมา โดยเป็นข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ปี 2505 สามารถออกได้ตามมาตรา 34 (การโอนที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือศาสนสมบัติกลาง กระทำได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ) ซึ่งขณะนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการแล้ว แต่สุดท้ายถูกยกเลิกเรื่องนี้จึงหยุดไป
เมื่อถามต่อว่า ท้ายที่สุดแล้วมองว่าการชดเชยระหว่างบริษัท อัลไพน์ฯ และประชาชนที่ถือครองที่ดินจะออกมาในทิศทางใด นายพรพจน์ยืนยันว่า จะต้องเป็นไปตามวิธีการทางกฎหมาย โดยต้องยื่นคำสั่งของศาลปกครอง ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งก็ต้องมีการโต้แย้งคำสั่งทางปกครองในการยกเลิกเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ในการทำนิติกรรมสัญญา
ส่วนที่มีข้อสังเกตของทางฝ่ายกฎหมายกระทรวงให้ความเห็นไว้ว่า คำวินิจฉัยของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองปลัดกระทรวง ในฐานะผู้รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทยขณะนั้น เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2545 ให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดินที่ให้เพิกถอนที่ดินจากเอกชนให้เป็นของวัด เป็นการวินิจฉัยขัดแย้งกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำให้คำสั่งทางปกครองที่เป็นโมฆะ ไม่ก่อให้เกิดผลในทางกฎหมาย จะนำความเห็นดังกล่าวยกขึ้นสู้กับบริษัท อัลไพน์ฯ หรือไม่ หากมีการฟ้องกรมที่ดิน
นายพรพจน์กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องทำตามกระบวนการ ก่อนอธิบายว่า โดยในช่วงแรกก่อนปี 2544 ที่จะมีคำสั่งยกเลิกเพิกถอนเสนอมาทางยังกระทรวง ซึ่งการทำนิติกรรมนั้นถูกต้อง แต่หลังจากนั้นมีคำวินิจฉัยมาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อเห็นว่านิติกรรมนั้นไม่ชอบ จึงจำเป็นต้องยกเลิกเพิกถอน โดยคำสั่งในปี 2544 ออกมา
"และหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะคำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ซึ่งต้องมีการโต้แย้งกัน ดูที่เหตุและผล ข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมาพิสูจน์กัน"
นายพรพจน์ยังระบุอีกว่า หลังจากนี้จะต้องดำเนินการฟ้องศาลปกครอง เนื่องจากเป็นการยกเลิกคำสั่งทางปกครอง แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นเมื่อใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


