‘ภท.’ชงปรับแก้ เก้าอี้บิ๊กท้องถิ่น ตระกูลจึงเดือด

"บิ๊กอ้วน" ไม่กังวลเลือกตั้ง อบจ.จะมีสถานการณ์รุนแรง ยัน ตร.รับผิดชอบอยู่แล้ว "ภท."  ชูปลดล็อกวาระดำรงตำแหน่ง 2 สมัย 8 ปี ลดเกณฑ์อายุผู้บริหารท้องถิ่นเหลือ 25 ปี “เรืองไกร”  ร้อง กกต.สอบนาย ท. "ผู้ช่วยหาเสียง" ฝ่าฝืนกฎหมาย เหตุไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น อดีตนายก อบต.ผิดหวัง “ทักษิณ” หาเสียงมีแต่น้ำไม่มีเนื้อ จี้เร่งรัดจัดสรรงบ 35% ให้ท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.กระจายอำนาจ แฉเลื่อนมาตั้งแต่พ่อนายกฯ มีอำนาจ “ตระกูลจึง” ฟาดกลับ ไม่รู้งูเห่าคืออะไร   ปลุกชาวศรีสะเกษอย่าให้คนนอกมาชี้นำ 

เมื่อวันอาทิตย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)  จะต้องมีการดูแลสถานการณ์เป็นพิเศษ หรือกำชับหน่วยงานความมั่นคงอย่างไร ว่าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ได้มีการดำเนินการตั้งแต่ต้นแล้ว ทั้งเรื่องของการประสานงานการตรวจสอบผู้มีอิทธิพลต่างๆ และไม่กังวลกับสถานการณ์ความรุนแรง เพราะขณะนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ได้มีการระมัดระวังอยู่แล้ว

ด้านพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ปล่อยคลิป EP.2  “เวิร์กชอป บ้านเกิดเมืองนอน : สู่การพัฒนาท้องถิ่นที่ยั่งยืน” ลงในโซเชียลมีเดียของพรรค โดย น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.พระนครศรีอยุธยา รองเลขาธิการพรรค กล่าวถึงปัญหาเพดานการดำรงตำแหน่งที่เป็นอุปสรรค ขัดขวางท้องถิ่นในการทำโครงการขนาดใหญ่ หรือโครงการระยะยาว พรรค ภท.จึงภูมิใจนำเสนอให้ยกเลิกเพดานการดำรงตำแหน่ง 2 สมัย 8 ปี ที่ต่อไปจะไม่จำกัดวาระ ให้ประชาชนเลือกคนเก่งคนดีมาบริหารงานได้ต่อเนื่อง กฎหมายไม่ควรเป็นสิ่งปิดกั้น หรือกำหนดว่าผู้บริหารชุดนี้จะได้อยู่ต่อไปหรือไม่ แต่ควรจะเป็นประชาชนที่มีอำนาจสูงสุด เป็นคนกำหนดว่าผู้บริหารชุดนี้ควรได้ไปต่อหรือไม่

น.ส.พิมพฤดากล่าวว่า ตามกฎหมายการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดว่า ผู้ที่จะมาสมัครเป็นผู้บริหารท้องถิ่นต้องมีอายุ 35 ปีขึ้นไป  เราอยากจะเปิดโอกาสให้บุคลที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป มาเป็นตัวเลือกให้กับประชาชน เพื่อเพิ่มความหลากหลายมากขึ้น เพราะในต่างประเทศ อย่างญี่ปุ่น มีนายกเทศมนตรีอายุ 26 ปี สหรัฐอเมริกา มีนายกเทศมนตรีอายุ 18 ปี ออสเตรเลียมี สส.อายุ 21 ปี อังกฤษ มี สส.อายุ 22 ปี จะเห็นได้ว่าอายุไม่ใช่สิ่งพิสูจน์ ไม่ใช่ข้อจำกัด ไม่ใช่ปัจจัย แต่ความสามารถต่างหากคือสิ่งที่พิสูจน์ความสำเร็จ

ด้านนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค  กล่าวว่า วันนี้ประชาชนมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากเข้าถึงองค์ความรู้และโอกาสได้ง่ายขึ้น เพราะเทคโนโลยีและอีกหลายปัจจัย  ประชาธิปไตยมีวิวัฒนาการไปมาก ทุกคนมีความรู้ความสามารถมากขึ้นตั้งแต่อายุยังน้อย ปัจจุบันในสภาอายุเฉลี่ยของ สส.ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย จึงอยากเปิดโอกาสให้ประชาชนตัดสินใจได้มากขึ้นว่าอยากจะเลือกใคร และอยากให้ทำงานนานแค่ไหน 

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า จากข่าว กกต.ที่ 10/2568 วันที่ 14 ม.ค. 68 เผยแพร่ข่าวเรื่องผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยอ้างถึงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องนั้น ตนได้ติดตามความหมายของผู้ช่วยหาเสียง จากกฎหมายและระเบียบที่ กกต.อ้างถึง ซึ่งเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น พบว่าแตกต่างจากความหมายของผู้ช่วยหาเสียง สส. และปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นขณะนี้ อาจมีการใช้ผู้ช่วยหาเสียงโดยฝ่าฝืนระเบียบ กกต.ไปแล้วหลายครั้งหลายที่หลายกรณี

จี้ กกต.สอบผู้ช่วยหาเสียง

นายเรืองไกรกล่าวว่า วันนี้จึงได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า “ผู้ช่วยหาเสียง” ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นของแต่ละท้องถิ่น เป็น “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น” ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2563 หรือไม่ และกรณีมีความปรากฏทั่วไปว่ามีผู้ช่วยหาเสียงหรือผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนไปแล้ว กกต.จะต้องรีบดำเนินการกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ โดยมีข้อกฎหมายในคำร้อง สรุปได้ดังนี้

 “ผู้ช่วยหาเสียง” จึงควรหมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเฉพาะแต่ละ “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” เช่น นาย ท. ซึ่งอ้างเป็นผู้ช่วยหาเสียง แต่กลับเป็นผู้ปราศรัยหลักบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.หรือสภา อบจ.ในหลายจังหวัด ซึ่งสื่อมวลชนต่างๆ ลงข่าวอย่างชัดเจน เป็นต้น

เมื่อมีข้อเท็จจริงที่เป็นความปรากฏโดยทั่วไป ที่แสดงให้เห็นว่ามีการหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ  “สภาท้องถิ่น” หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามความในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กกต.รู้หรือควรรู้อยู่แล้วนั้น เนื่องจากผู้ช่วยหาเสียงผู้บริหารหรือสภาท้องถิ่นกับผู้ช่วยหาเสียง สส.นั้น มีความหมายแตกต่างกัน

"กรณีจึงมีเหตุอันควรขอให้มีการตรวจสอบต่อไปว่า การหาเสียงเลือกตั้งในแต่ละ “สภาท้องถิ่น”  หรือ “ผู้บริหารท้องถิ่น” ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน  ได้มีการใช้ “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่อาจไม่ใช่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามระเบียบ กกต.หรือไม่" นายเรืองไกรระบุ

นายภูริต อภิรักษ์วรการ อดีตนายก อบต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า จากการติดตามการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมาช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ ระหว่างวันที่ 24-25 มกราคม 2568 รู้สึกผิดหวังอย่างมาก เพราะส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นการกล่าวโวหารปลุกระดมประชาชนเพื่อให้ไปลงคะแนนให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเป็นเพียงเทคนิคการหาเสียงเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่นแม้แต่น้อย อย่างเรื่องจะดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นร้อยละ 35 ตาม พ.ร.บ.กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ก็ไม่มีการพูดถึง 

ทวงงบกระจายอำนาจ 35%

 นายภูริตระบุว่า ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งนายก อบต.มาก่อน อยากฝากประเด็นเชิงรุกให้ผู้สมัครนายก อบจ./ส.อบจ.ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ร่วมมือกันกดดันรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ให้ทำตาม พ.ร.บ.กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น พ.ศ.2542 โดยให้เร่งรัดจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นร้อยละ 35 เพื่อความอยู่ดีกินดีของชาวบ้าน เพราะงบประมาณที่ได้รับในปัจจุบัน ไม่เพียงพอที่จะทำการพัฒนาท้องถิ่นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

 “รัฐบาลไทยรักไทยตอนที่ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปี 2544 ได้เลื่อนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.นี้มาด้วยเหตุผลงบประมาณไม่เพียงพอ ครั้งสุดท้ายที่บอกจะทำคือในปี 2549 แต่ก็ถูกยึดอำนาจเสียก่อน เมื่อเครือข่ายไทยรักไทยมามีอำนาจอีกครั้งในปี 2554-2557 ในนามเพื่อไทย ก็ไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด มาทำ รอบนี้เพื่อไทยมีอำนาจเริ่มมาตั้งแต่ 2566 ก็ยังเงียบ นอกจากไม่ทำอะไรแล้ว ยังพยายามที่จะเข้ามาแทรกแซง ครอบงำท้องถิ่น ด้วยการส่งคนลงสมัครนายก อบจ. เพื่อยึดครองแบบเบ็ดเสร็จอีกต่างหาก ซึ่งเท่ากับว่าไม่ได้มีความจริงใจใดๆ ในการที่จะยกระดับการบริหารงานท้องถิ่น ตลอดจนพัฒนาท้องถิ่นให้มีศักยภาพ เพื่อความกินดีอยู่ดี ตามที่เคยพูดไว้แต่อย่างใด ขอฝากเรื่องนี้ให้นายก อบจ.ทั่วประเทศ ทั้งที่สังกัดพรรค ไม่สังกัดพรรค ได้ช่วยกันปลุกเร้าประชาชนให้ช่วยทวงถามจากรัฐบาลด้วย” นายภูริตกล่าว

ขณะที่ นายอภิศักดิ์ แซ่จึง อดีตรองนายก อบจ.ศรีสะเกษ โพสต์เฟซบุ๊กว่า อากงเปงยู แซ่จึง และอาม่าหมุ่ยเชียะ แซ่โค้ว เป็นต้นตระกูลของพวกผมที่เดินทางมาจากประเทศจีน และมาตั้งรกรากอยู่ที่อำเภอราษีไศล พวกเราตระกูลจึงเล่นการเมืองมาด้วยระยะเวลานาน และสร้างคุณประโยชน์ให้กับชุมชนสังคมที่เราอยู่ เราไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรายึดผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก แม้ว่าจะโดนกระทบกระทั่งอย่างไรเราก็ไม่หวั่น เราทุกคนยึดมั่นในคำสั่งสอนของอากงอาม่าว่าให้เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ตอบแทนสังคม สิ่งที่ทุกท่านเห็นปรากฏแก่สายตาท่านจะได้รับรู้ถึงความตั้งใจปฏิบัติในหน้าที่ตำแหน่ง พวกเราตระกูลจึงไม่รู้ว่าอะไรคืองูเห่า อะไรคือการที่ต้องอยู่ใต้อำนาจของคนใดคนหนึ่ง เราคิดว่าเราเลือกทางเดินที่ถูกต้อง เสียงของประชาชนเป็นการตัดสินใจว่าเราควรที่จะอยู่ในเส้นทางการเมืองต่อไปหรือไม่

"การเมืองท้องถิ่นเป็นการตัดสินใจของคนท้องถิ่น องค์กรปกครองท้องถิ่นต้องเป็นอิสระในการบริหารงาน มีนโยบาย มีความคิดเห็นของตัวเอง  เพื่อที่จะตอบโจทย์ความต้องการของชุมชน สังคม   นโยบายของรัฐบาลเป็นการตอบโจทย์ภาพรวมของประเทศ ไม่เฉพาะเจาะจงที่ใดที่หนึ่ง ในขณะที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องวิเคราะห์ปัญหาของตนเอง และหาทางแก้ไขภายใต้งบประมาณจำกัดและข้อจำกัดมากมาย ดังนั้น การเลือกตั้งนายก อบจ.ศรีสะเกษในครั้งนี้ ควรเป็นการตัดสินใจของชาวจังหวัดศรีสะเกษเอง โดยไม่มีการชี้นำจากบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนได้เสียของชาวจังหวัดศรีสะเกษ" นายอภิศักดิ์กล่าว

รทสช.ปลื้มเงินบริจาคอันดับ 1

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากระหว่างการปราศรัยของนายทักษิณ ซึ่งมาช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร พท. วันที่ 24-25 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการพาดพิงว่าตระกูลไตรสรณกุล-ตระกูลจึง เป็นงูเห่า ที่หนีออกมาจาก พท.ไปอยู่กับ ภท.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยจะมีพิธีทำบุญเลี้ยงพระที่อาคารพรรคเพื่อไทย ถนนวิภาวดีรังสิต หรือที่ทำการวอยซ์ทีวีเดิม เพื่อเปิดที่ทำการพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการ ในวันจันทร์ที่ 27 ม.ค.2568  โดยมีกำหนดการดังนี้ เวลา 07.00-08.00 น. พระสงฆ์ฉันภัตตาหารเช้า จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค คณะผู้บริหารพรรค และ สส.ของพรรค ร่วมสักการะศาลพระภูมิชัยมงคล และพิธีสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์และถวายปิ่นโตเพล  พร้อมเจิมทางเข้าอาคารที่ทำการพรรคเพื่อไทย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาชน (ปชน.) แย้มประเด็นที่เตรียมจะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์  ว่า เราไม่กังวล เพราะเป็นการทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายตามรัฐธรรมนูญ เรื่องโดยปกติหากไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็สามารถที่จะยื่นกระทู้ได้  รวมถึงการอภิปรายในญัตติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆ เหล่านี้ สส.ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ในการอภิปรายอยู่แล้ว ดังนั้นจากการที่ติดตามเนื้อหา ก็เห็นว่าไม่ได้เป็นเนื้อหาที่หนักใจของรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็ทำงานมาอย่างเต็มที่ต่อเนื่อง

เมื่อถามว่า จะต้องมีการเตรียมรับมือช่วยรัฐบาลอย่างไร นายอนุสรณ์กล่าวว่า ในส่วนของ สส.พรรค พท.มีการอภิปรายร่วมในทุกญัตติที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องการแก้ปัญหาอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ถือเป็นการเคารพการทำหน้าที่ของกันและกัน ร่วมมือกันในการทำงาน และไม่ต้องมีองครักษ์  เพราะ น.ส.แพทองธารตอบได้อยู่แล้ว และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องที่นายกฯ มอบหมายให้มาตอบก็ตอบได้ดีทุกคน

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า พรรค รทสช.ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนให้กับพรรค ส่งผลให้ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ประจำปี 2568 โดยพรรค รทสช.ได้รับเงินอุดหนุนมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนเงิน 17,934,107.84 บาท

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. และ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวเช่นกันว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ในทุกช่องทาง ซึ่งตนได้อ่านทุกข้อความ และยืนยันว่าจะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาประเทศชาติและเพื่อประโยชน์ของพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคน.