สั่ง‘กองทัพ’ร่วมสกัดฝุ่น ‘ชัชชาติ’โอดไร้อำนาจ

“ภูมิธรรม” กำชับกองทัพร่วมทุกภาคส่วนเร่งแก้ "ฝุ่น PM 2.5" เผยนายกฯ ให้บัวแก้วประสานประเทศเพื่อนบ้านเรื่องจุดฮอตสปอต พร้อมนำถกที่ประชุม รมต.กลาโหมอาเซียน ทอ.เปิดศูนย์ปฏิบัติการเกาะติดฝุ่นพิษ ลุยทำฝนหลวงช่วยคนกรุง-ปริมณฑล "อนุทิน" สั่ง ปภ.ยกระดับมาตรการคุมเข้มพื้นที่เกษตร ห้ามเผาเด็ดขาด "ชัชชาติ" อ้างอยากจับควันดำแต่ไม่มีอำนาจ 100%  "ปชน." จองซักฟอกรัฐบาลล้มเหลวปราบฝุ่น ตากตั้งรางวัลนำจับมือเผา

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ที่ท่าอากาศยานทหาร  (บน.6) ดอนเมือง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึงการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5 รวมถึงแนวทางตามนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องฝุ่นเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ  เพราะเกี่ยวข้องกับหลายประเทศ รวมถึงฮอตสปอต หรือจุดความร้อน ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ รวมทั้งในประเทศยังมีการเผาไหม้อยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆ นอกจากนี้จะนำปัญหาฝุ่นเข้าที่ประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนด้วย

ส่วนภายในประเทศ ขณะนี้มีการประสานงานกับกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งดูแลในพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก เพื่อประสานงานกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมทั้งยังได้สั่งการไปยังทุกเหล่าทัพ รวมถึงกองทัพอากาศ ที่จะช่วยบินลาดตระเวน และเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าจะต้องระมัดระวังอย่างไร และต้องไม่เผาป่า เพราะจะส่งผลต่อสุขภาพของทุกคน รวมไปถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย นอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ดูแลในพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ แล้วคงต้องมีการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ ให้มากขึ้น

เมื่อถามว่า นโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับ เช่น การขึ้นรถไฟฟ้าฟรี รวมถึงการทำฝนหลวง จะต้องมีการประเมินผลหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นเรื่องของทุกหน่วยที่ต้องดำเนินการ รวมถึงศูนย์ประสานงานที่นายกรัฐมนตรีได้ตั้งขึ้นมา โดยส่วนประสานงานทั้งหมดต้องเป็นผู้ที่ประเมินผลสรุป

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีกิจกรรมต่างๆ เช่น การจุดธูป จุดพลุ ประทัด และการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาฝุ่นค่า PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้นในวงกว้าง ดังนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ช่วยงดหรือลดการเผากระดาษเงินกระดาษทอง ใช้ธูปเทียนไฟฟ้าแทนการจุดธูปเทียนบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยทางกายภาพ อาทิ  อุปกรณ์หรือระบบป้องกันอัคคีภัย สัญญาณเตือนภัย และถังดับเพลิง ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน   ศึกษาคำแนะนำเรื่องการใช้งานและจำนวนถังดับเพลิงที่มีอยู่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ หากพบเห็นการเกิดเพลิงไหม้ ให้แจ้งสายด่วน 191 หรือแจ้งสายด่วนศูนย์วิทยุพระราม โทร. 199 ทันที

พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ สั่งการให้เปิดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ เพื่อประชุมวางแผน ติดตามสถานการณ์และบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยมีการปฏิบัติที่สำคัญ ดังนี้

ทำฝนหลวงช่วยคนกรุง

1.ภาคอากาศ ให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ จัดเครื่องบิน BT-67 จำนวน 2 เครื่อง จากกองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก วางกำลัง ณ ที่ตั้ง จำนวน 1 เครื่อง และวางกำลัง ณ ฝูง 509 (หัวหิน) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 เครื่อง ระหว่าง 26-30 ม.ค.68 ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ปฏิบัติการลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่กรุงเทพฯ ด้วยวิธีการเจาะชั้นบรรยากาศ ในรูปแบบการโปรยน้ำแข็งแห้งและสารฝนหลวง ซึ่งแต่ละเที่ยวบินสามารถบรรทุกน้ำแข็งแห้งหรือสารฝนหลวงประมาณ 2,000 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน

2.ภาคพื้น ให้พิจารณาการปฏิบัติงานเวิร์กฟรอมโฮมของกำลังพลให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาล จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวกับกำลังพลในการดูแลตนเองเพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบต่อสุขภาพ พร้อมแนะนำให้ใช้รถยนต์สาธารณะหรือรถไฟฟ้าในการเดินทาง               

ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้สั่งการให้ ปภ.ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ประสานจังหวัดปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัด และยกระดับมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 อย่างเร่งด่วน

โดยให้ยกระดับการดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางการเกษตร  ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้มงวดกวดขัน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่โดยมอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตลอดจนประชาชนจิตอาสา ให้ร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการเกิดฝุ่น PM 2.5 จากแหล่งกำเนิดต่างๆ กรณีพบการเผาในพื้นที่ให้ดำเนินการยับยั้งการเผาในทันที และบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด

"ให้ยกระดับมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ออกหน่วยให้บริการประชาชน จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่น PM 2.5 จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชนอย่างเพียงพอและเหมาะสม รวมถึงให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM 2.5 ให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยง  ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็ก ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ให้ดำเนินการตามข้อปฏิบัติดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5" นายภาสกรระบุ

ทั้งนี้ บกปภ.ช.ได้กำหนดจัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ  ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาและหารือถึงแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านเฟซบุ๊กว่า ค่าฝุ่นประจำวันที่ 26 ม.ค. เวลา 07.00 น. ค่าเฉลี่ยของ กทม. อยู่ที่ 58.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ กทม.ไม่มีอำนาจ 100% ในการจัดการปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ ซึ่งมีข้อจำกัดเยอะ อาทิ ไม่มีอำนาจในการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม การลดค่าความทึบแสงของการตรวจรถยนต์ควันดำ เพิ่มความเข้มข้นของมาตรการการจัดการกับรถควันดำ ซึ่งปัจจุบันเราจับรถบรรทุกและรถเมล์ควันดำไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ขนส่งทางบก กทม.จับได้เพียงรถกระบะ 4 ล้อเท่านั้น จึงขอให้ กทม.เป็นเจ้าพนักงานภายใต้ พ.ร.บ.ขนส่งฯ แต่ทุกอย่างที่ กทม.ขอไป เพื่อให้มีอำนาจมากขึ้น ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐบาล

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง สภาผู้แทนราษฎร และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความเรียกร้องรัฐบาลแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้กับจังหวัดอื่นๆ นอกจากกรุงเทพฯ ด้วย โดยระบุว่า มาตรการรถเมล์-รถไฟฟ้าฟรี 7 วัน ถามว่าดีไหม ต้องบอกว่าดี เพราะช่วยประชาชนใน กทม.เดินทางได้ฟรี แต่ถามว่าแก้ปัญหา PM 2.5 ได้จริงหรือไม่ รถยนต์บนท้องถนนจะลดลงจริงหรือไม่ ตนว่ายาก ซึ่งการใช้งบกลาง 140 ล้านบาท คือภาษีของคนไทยทั้งประเทศ อย่าลืมว่ามีอีกหลายจังหวัดที่มีปัญหา PM 2.5 ไม่น้อยกว่า กทม.เช่นกัน อย่าง จ.อ่างทอง ติดอันดับ 1-5 ของประเทศมาหลายวัน ปัญหาเกิดจากการเผา อยากเห็นมาตรการที่ให้การสนับสนุนผ่านจังหวัด จะได้มีงบประมาณฉุกเฉินเร่งด่วนไปช่วยเหลือชาวบ้าน ต้องขอบคุณในความพยายามแก้ปัญหา PM 2.5 ใน กทม.ของรัฐมนตรี อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่อย่าลืมช่วยเหลือในภาพใหญ่ เพราะประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ

จองซักฟอก รบ.ปมฝุ่นพิษ

ขณะที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลในขณะนี้ว่า เป็นมาตรการคลี่คลายปัญหาในระยะสั้น ซึ่งไม่พบมาตรการการแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาว ทั้งนี้ ขอตั้งข้อสังเกตจากการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำหน้าที่ประธาน และไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยซ้ำ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร มีการประชุมไปแค่ 2 ครั้ง ยิ่งเมื่อดูในรายงานการประชุม จะพบเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน เรื่องถนน ส่วนที่ใกล้เคียงกับปัญหา PM 2.5 มากที่สุดคือ น้ำมันมาตรฐานยูโร 5 และยูโร 6 เท่านั้น

"แสดงว่ารัฐบาลสามารถจริงจังกับปัญหานี้ได้มากกว่านี้ เนื่องจากหากไปดูมติคณะรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ ก็พบว่ารัฐบาลดูเบาต่อสถานการณ์ในเรื่องนี้เกินไปจริงๆ เราไม่อยากมองว่า PM 2.5 เป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่อยากให้มันเป็นความปกติใหม่ของประเทศไทย" นายวิโรจน์ระบุ

ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเคยมีนโยบายระบุจะกำจัดต้นตอ PM 2.5 เมื่อได้เป็นรัฐบาล แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ จะถือว่าทำไม่ได้ตามที่หาเสียงไว้หรือไม่นั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า การประชุมที่ผ่านมาไม่มีครั้งใดที่พูดถึงเรื่อง PM 2.5 เลย เป็นหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า รัฐบาลไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้ ซึ่งมาตรการนี้คงต้องใช้ทั้งการรณรงค์ กฎหมาย และการชดเชยเยียวยาด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะถูกนำไปเป็นเรื่องหลักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน เตรียมเรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคนที่พรรคมอบหมายให้ดูแลในเรื่องนี้  รวมถึงได้ติดตามความคืบหน้า ความจริงจังจริงใจของรัฐบาลชุดนี้มาโดยตลอด

ส่วนที่มีประชาชนโพสต์ภาพเผาอ้อยนั้น อย่าเพิ่งไปโทษประชาชนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่การรณรงค์ทำความเข้าใจของรัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ น้อยเกินไป และเข้าไม่ถึง ทำให้เขายังไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นผลร้ายในระดับชาติ ซึ่งเรื่องอ้อย ควรมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับโรงงานน้ำตาลที่ซื้ออ้อยไฟไหม้ให้แพงขึ้น เพื่อนำค่าธรรมเนียมตรงนี้ไปอุดหนุนกับเกษตรที่ขายอ้อยสดให้ได้ราคาดี เพื่อจูงใจให้มีคนอยากขายอ้อยสดมากขึ้น นอกจากนี้ ควรมีการส่งเสริมเรื่องการเกษตรแปลงใหญ่ และลงทุนในเรื่องของรถตัดอ้อย เพื่อให้เกษตรกรสามารถหยิบยืมไปใช้ได้ควบคู่กันไป ต้องทำหลายมิติร่วมกัน ปัญหานี้จึงจะแก้ไขได้

ที่ จ.ตาก นายอัครพันธุ์ พูลศิริ นายอำเภอบ้านตาก ประกาศตั้งรางวัลนำจับ 2,000 บาท สำหรับบุคคลทั่วไปที่แจ้งเบาะแสผู้กระทำผิดจุดไฟเผาป่าในพื้นที่ทุกประเภทในท้องที่อำเภอบ้านตาก และคดีผ่านชั้นพนักงานสอบสวน โดยแจ้งเบาะแส พร้อมภาพถ่ายบุคคลเผาป่าได้ที่ โทร. 06-4180-7357.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี