ไฟเขียว‘สปีดเทรน’เฟส2 นายกฯตื่นเต้นคุยสีจิ้นผิง

“นายกฯ อิ๊งค์” ดีใจได้ไปทัวร์จีน บอกเตรียมทุกอย่างดีแล้ว ระบุหมีแพนด้าคู่ใหม่ยังอยู่ที่เดิม “ครม.” ไฟเขียวโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงระยะ 2  โคราช-หนองคาย วงเงินกว่า 3.4 แสนล้านบาท ทั้งที่ระยะ 1 ยังอืดสร้างได้แค่ 35% “สุริยะ” บอกเปิดมูลภายใน มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดบริการปี 2574  

เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.2568 น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 5-8 ก.พ.ว่า ตื่นเต้นมากๆ คิดว่าจะเป็นทริปที่ดีทริปหนึ่ง โดยจะคุยหลายประเด็นกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้เตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการเดินทางเยือนจีน จะพูดคุยเรื่องการนำหมีแพนด้าคู่ใหม่ในฐานะทูตสันถวไมตรีมาไทยปีนี้ จะเตรียมพื้นที่รองรับที่ไหนว่า เขามีบ้านของเขาอยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเป็นที่เดิม 

เมื่อถามว่า จะประกวดตั้งชื่อหมีแพนด้าหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า ช่วยกันคิดหน่อย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายกฯ มีข้อสั่งการเรื่องการเยือนจีนอย่างเป็นทางการ จะผลักดันและติดตามความร่วมมือสำคัญ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ให้เร่งส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนด้านการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะสาขาแห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น อีวี, เซมิคอนดักเตอร์ และดาต้าเซ็นเตอร์ และขอให้ ครม.ให้ความสำคัญกับมาตรการกำกับดูแล มาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของสินค้าอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร ขอให้เดินหน้าพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ และพร้อมเปิดรับการลงทุนจากประเทศจีน หากนักลงทุนจีนให้ความสนใจ และ ครม.ได้อนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 2 เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางจากจังหวัดนครราชสีมา-หนองคาย ขอให้ติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย จะร่วมคณะของ น.ส.แพทองธารเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ โดยเป้าหมายที่สำคัญคือการกระชับความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลในประเทศจีน เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ที่ปัจจุบันมีจำนวน 40 คู่ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเน้นความร่วมมือในมิติต่างๆ เพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

นายจิรายุยังแถลงผลประชุม ครม.ว่า กระทรวงคมนาคม (คค.) ได้เสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย กรอบวงเงิน 341,351.42 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี (ปีงบประมาณ 2568-2575) ซึ่งที่ผ่านมา ครม. มีมติเมื่อ 11 ก.ค.2560 ที่อนุมัติให้ รฟท.ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-หนองคาย (โครงการระยะที่ 1) กทม.-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท แต่ปัจจุบันโครงการระยะที่ 1 ล่าช้ากว่ากำหนด โดยมีความคืบหน้าโดยรวม 35.74% ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2571

นายจิรายุกล่าวต่อว่า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เสนอให้ คค.เร่งจัดทำรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารจัดการรถไฟความเร็วสูงเสนอ ครม.พิจารณาโดยเร็ว และให้ รฟท.ศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการ และเสนอขออนุมัติพร้อมกันกับการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนายกฯ ได้สั่งให้คมนาคมและ รฟท.เร่งรัดดำเนินโครงการระยะที่ 1 ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากล่าช้ากว่าแผนมานานแล้ว

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังรวมถึงศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า วงเงิน 5,686.21 ล้านบาทด้วย

 “จะสามารถเปิดประมูลได้ภายใน มิ.ย.2568 และเริ่มก่อสร้างภายในช่วงปลายปีนี้ ควบคู่กับการเวนคืนที่ดินที่จะแล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยได้ตั้งเป้าหมายให้โครงการแล้วเสร็จเปิดให้บริการในปี 2574 ซึ่งการแบ่งสัญญาการดำเนินการของระยะที่ 2 จะไม่แบ่งหลายสัญญาเหมือนกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ซึ่งตอนนี้มีความล่าช้า และจะนำบทเรียนของระยะที่ 1 มาเป็นประสบการณ์ต่อการดำเนินการในระยะที่ 2 ด้วย” นายสุริยะกล่าว

นายสุริยะยังกล่าวอีกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงบประมาณและ สศช.ห่วงเรื่องงบประมาณที่สุด ซึ่งบางส่วนอยากให้ทำเป็น พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ) โดยกระทรวงให้ รฟท.ดูแลในส่วนการเดินรถผ่าน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ โดยมีเอกชนมาลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ทำให้ลดภาระที่รัฐบาลต้องออก 23% ส่วนการก่อสร้าง จะเป็นไปตามที่รัฐบาลดำเนินการ

นายสุริยะยังกล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ในวาระที่นายกฯ จะไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ว่าอาจไม่มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว แต่เป็นการพูดคุยกับภาคเอกชนของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พูดคุยจนตกผลึกหมดแล้ว มีผู้สนใจลงทุนประมาณ 6 บริษัท หลายบริษัทมีความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งดูไบก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักลงทุนที่สนใจในโครงการนี้ เขาเป็นแคนดิเดตที่มีความเข้มแข็ง มีเรือเดินสมุทรกว่า 1,700 ลำ ทั้งยังมีการบริหารท่าเรือในหลายประเทศ หลังจากนี้ต้องรอดูว่าประเทศกลุ่มนักลงทุนจากที่ไหนเสนอผลประโยชน์มากที่สุด บริษัทนั้นก็จะได้ไป

เมื่อถามถึงความคืบหน้าพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ..... (พ.ร.บ.SEC) นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มอบอำนาจให้สำนักงานนโยบายและขนส่งมวลชนเป็นคนทำ พ.ร.บ.นี้ต่อไป.