“วันนอร์” ทำหนังสือด่วนที่สุดถึง “ณัฐพงษ์” ให้แก้เนื้อหาญัตติซักฟอก “รัฐบาลแพทองธาร” เอาชื่อ “ทักษิณ” ออก อ้างเหตุเป็นคนนอก “เท้ง-ไอติม” ประสานเสียงไม่สนใจ กางข้อมูลชัด “ประธานสภา” ไร้อำนาจ ซ้ำร้ายเกินกำหนด 7 วัน ลั่นต้องให้ประชาชนตัดสินเอง ป.ป.ช.ควง “เสรีพิศุทธ์” ตรวจชั้น 14 รพ.ตำรวจแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2568 มีรายงานจากสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สผ 0014/2559 ถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
โดยเนื้อหาหนังสือระบุว่า ตามที่ท่านกับคณะได้เสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ นั้น ประธานสภา ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าการระบุรายชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาญัตติอาจทำให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหาย เนื่องจากไม่สามารถชี้แจงในที่ประชุมสภาได้ จึงขอให้ท่านแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยนำรายชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176 จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
สำหรับข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 176 ระบุว่า เมื่อประธานสภาได้รับญัตติตามข้อ 175 แล้ว ให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่อง ให้ประธานสภาแจ้งผู้เสนอทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับญัตติ เมื่อประธานสภาได้ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้ว ให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม เป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบ
ทั้งนี้ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจท่อนหนึ่งระบุว่า “นายกรัฐมนตรีสมัครใจยินยอมให้นายทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นบิดา ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบิดาเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”
นายณัฐพงษ์กล่าวในเรื่องนี้ว่า เตรียมทำหนังสือโต้แย้งประธานกลับไป เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นสิทธิของสมาชิกที่เข้าชื่อครบตามรัฐธรรมนูญ ถ้าดูตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เขียนไว้ว่าให้ประธานมีอำนาจใช้ดุลยพินิจไม่บรรจุญัตติได้ ซึ่งเรื่องนี้พวกเราเองก็คิดว่าเราดำเนินการทุกอย่างตามกรอบรัฐธรรมนูญหมดแล้ว จึงอยากให้ประธานสภาบรรจุญัตติ จะได้เริ่มเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
เมื่อถามว่า จะไม่กระทบกับไทม์ไลน์ใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ต้องพยายามหารือกัน ยังเชื่อว่าฝั่งประธานสภาและรัฐบาลเองยังไม่ได้อยากทำให้เกิดเหตุการณ์อภิปรายไม่ทันสมัยประชุมนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นการดึงเรื่องหรือถ่วงเวลาหรือไม่ ไม่อยากให้เกิดภาพนั้น
เมื่อถามว่า ถ้าบรรจุได้จะมีองครักษ์ของพรรคเพื่อไทยโต้แย้งเกิดความไม่ราบรื่น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอยู่แล้ว ข้อบังคับก็เขียนไว้ชัดเจนว่า การที่มีการพูดพาดพิงถึงคนนอกที่ไม่สามารถชี้แจงในสภาได้ และทำให้เกิดความเสียหาย สมาชิกที่อภิปรายต้องเป็นคนรับผิดชอบเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เชื่อว่าคนไทยทุกคนเห็นข้อเท็จจริง ว่าการบริหารราชการแผ่นดินในปัจจุบันนายทักษิณเองก็มีความเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
“ญัตติที่ยื่นไปสะท้อนตามข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่ประธานเองหรือรัฐบาลต้องมาเซ็นเซอร์ฝ่ายค้านในเรื่องนี้ สำหรับผมเอง ถ้าอยากให้การอภิปรายไว้วางใจราบรื่นและเราสามารถสะท้อนตามข้อเท็จจริงได้ ประชาชนเห็นการอภิปรายที่ตรงไปตรงมา ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าพูดพาดพิงชื่อคนใดแล้วจะโดนประท้วงหรือเปล่า ก็ให้มันอยู่ในญัตติ ทุกคนจะได้ติดตามการอภิปรายได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องไปพูดชื่ออ้อมค้อม” นายณัฐพงษ์กล่าว และว่า เรายังไม่อยากเห็นเรื่องของการตั้งองครักษ์พิทักษ์นายทักษิณคนเดียวเท่านั้น การซักฟอกรัฐบาลก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคน ฝ่ายค้านจะอภิปรายบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและรับผิดชอบตัวเองว่ากระทบกับคนอยู่ภายนอกสภาหรือไม่
ปชน.กางข้อมูลโต้
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ว่า ไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว เพราะ 1.ในเชิงอำนาจหน้าที่ รัฐธรรมนูญและข้อบังคับ ไม่ได้ให้อำนาจประธานสภาในการใช้ดุลพินิจมาตัดสินว่าเนื้อหาสาระของญัตติควรจะเป็นเช่นไร หรือมีความเหมาะสมหรือไม่ 2.ในเชิงขั้นตอน แม้อ้างข้อบังคับข้อ 176 ในการแจ้งแก้ไขข้อความในญัตติ ก็ต้องบอกว่าการแจ้งไม่ชอบด้วยข้อบังคับ เพราะไม่เป็นไปตามกรอบเวลาที่ระบุไว้ เลยกรอบภายใน 7 วันอย่างชัดเจน และ 3.ในเชิงเนื้อหาสาระ การระบุชื่อบุคคลภายนอกในเนื้อหาของญัตติไม่ได้เป็นอะไรที่ผิดข้อบังคับ ญัตติในอดีตก็มีหลายครั้งที่มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอก เช่น เนื้อหาของญัตติที่เสนอโดย สส.เพื่อไทยในปี 2562 เกี่ยวกับการติดตามการทำงานของหน่วยงานภาครัฐต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็มีการกล่าวถึงบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน
“ในมุมกฎหมาย ผมไม่เห็นถึงเหตุผลว่าทำไมเราจำเป็นต้องนำชื่อบุคคลภายนอกออกจากเนื้อหาญัตติ ส่วนในมุมการเมือง ผมเห็นว่าเป็นดุลพินิจของพี่น้องประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการระบุถึงบุคคลภายนอกมีความเหมาะสมและจำเป็นต่อการวิเคราะห์และวิจารณ์การบริหารราชการแผ่นดินของนายกฯ แพทองธารหรือไม่ โดยเฉพาะในเมื่อบุคคลดังกล่าวก็ประกาศเองหลายครั้งว่าต้องการ สทร.เกี่ยวกับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้” นายพริษฐ์ระบุ
ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่ได้คุยกัน ต้องรอดูว่าวิป 3 ฝ่ายจะตกลงกันอย่างไร คาดว่าประธานสภาจะนัดพูดคุยกัน ซึ่งจุดยืนของรัฐบาลนั้น พรรคคุยกันว่าหากอภิปรายคนเดียว ก็น่าจะใช้เวลาวันเดียว แต่ที่สุดแล้วไปคุยกันให้จบดีกว่า ดูว่าอะไรเหมาะสมที่สุด
เมื่อถามว่า ส่วนตัวคิดว่ากี่วันเหมาะสม นายชูศักดิ์กล่าวว่า การอภิปรายนั้นสาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาที่จะพูด หากยังพูดเนื้อหาไม่จบแล้วไปปิดก่อนก็จะเสีย เพราะฉะนั้นต้องดูว่าเนื้อหามากน้อยขนาดไหน
เมื่อถามย้ำว่า วันเดียวน้อยไปหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ดีที่สุดให้เขาคุยกันดีกว่าว่าเนื้อหามีประมาณไหน อภิปรายแบบไหน เช่น หากอภิปรายนายกฯ และโยงไปถึงรัฐมนตรี ก็จะมีปัญหาว่านายกฯ และรัฐมนตรีต้องตอบ ทำให้เวลายืดยาวออกไป ให้ทุกฝ่ายไปตกลงกันก่อนว่าจะเอาอย่างไร ส่วนตัวไม่รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร เอาที่เหมาะสมและไม่เสียความชอบธรรม
เมื่อถามว่า ญัตติของฝ่ายค้านไม่ได้ระบุว่า อภิปรายนายกฯ และคณะรัฐมนตรีสามารถชี้แจงแทนได้ใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมี 2 ประเภท คือ 1.อภิปราย ครม.ทั้งคณะ สามารถพูดได้หมดตั้งแต่นายกฯ ลงมา 2.อภิปรายบุคคล ซึ่งดูญัตติของฝ่ายค้านเป็นอภิปรายรายบุคคล คือนายกฯ คนเดียว ซึ่งหลักทั่วไปตามข้อบังคับที่ทำกันมา จริงอยู่ที่นายกฯ ต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่นายกฯ ก็มีสิทธิ์ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตอบ ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ เพราะนายกฯ ไม่ได้ไปบริหารกระทรวงโดยตรง แค่กำกับดูแลการทำงานทั่วไป
“เรื่องนี้เคยบอกแล้วว่ายาก เพราะฝ่ายค้านไม่ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีด้วย หากไปอภิปรายพาดพิงถึงรัฐมนตรี ซึ่งตรงนี้จะยุ่ง เพราะในญัตติไม่ได้บอกว่าอภิปรายรัฐมนตรีคนนี้ และท้ายที่สุดจะเกิดการประท้วงวุ่นวาย และคนที่ตัดสินเรื่องนี้ได้คือประธานสภา” นายชูศักดิ์กล่าว
ป.ป.ช.ลุยชั้น 14 แล้ว
วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะพยานในคดีนายทักษิณพักรักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ เดินทางมาตรวจสถานที่จริง ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา (มภร.) โดยมีการเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ ตั้งแต่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ทางขึ้นตัวอาคารจุดที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ให้การว่าได้ใช้ในการขึ้นไปพบนายทักษิณที่ชั้น 14 ก่อนที่คณะเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมร่วมกับตัวแทนผู้บริหาร รพ.ตำรวจที่ชั้น 19 โดยใช้เวลารวมกว่า 5.30 ชั่วโมง จนถึงเวลา 15.00 น. จึงเดินทางกลับ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ถึงกรณีศาลอาญาไม่อนุญาตให้ทักษิณไปประเทศอินโดนีเซียนั้นว่า การตรวจสอบของแพทยสภาใกล้ยุติกันทุกขณะ โดยผลตรวจสอบจะนำไปสู่สถานการณ์แพทยภิวัฒน์ เป็นจุดชี้ขาดไปถึงกรณีชั้น 14 โดยตรง และยังจะเป็นต้นเรื่องการพิจารณาคำร้องนายทักษิณ ฝ่าฝืนคำพิพากษาลงโทษติดคุกของศาลฎีกาด้วย
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น ประธานสภายังไม่บรรจุระเบียบวาระ ดังนั้น ขณะนี้นายกฯ ยังมีอำนาจยุบสภาได้เหมือนเดิม แต่ถ้าบรรจุญัตติเป็นวาระประชุมสภาก็มีเพียงการตัดสินใจลาออกเท่านั้น สิ่งนี้เป็นข้อสังเกตน่าสนใจ แม้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างน้อย แต่อาจเป็นทางเลือกที่ใครคาดไม่ถึงก็ได้” นายจตุพรกล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
อภิปรายถกแก้รัฐธรรมนูญวาระ 2 ไม่ตีกรอบเวลาปิดประชุม!
'เลขาฯ สภาฯ' เผย 'ประธานรัฐสภา' พิจารณาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ 10–11 ธ.ค.นี้ ถกร่างแก้รัฐธรรมนูญวาระสอง ย้ำไม่กำหนดกรอบเวลา เปิดทางสมาชิกอภิปรายอย่างเต็มที่
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


