รัฐบาลไม่มีวันที่ 121 ‘อนุทิน’ เตรียมเลือกตั้งแล้ว‘หัวหน้าเท้ง’ลั่นพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี

"อนุทิน” เผยหลังนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณ 24 ก.ย. ประชุม ครม.นัดแรกทันที แบ่งงานรองนายกฯ-ตั้งเลขาฯ นายกฯ ย้ำ 4  เดือนยุบสภา รัฐบาลไม่มีวันที่ 121 แน่นอน ไม่สร้างเสียงข้างมาก ด้าน "หัวหน้าเท้ง" ลั่นเล่นการเมืองมา 6 ปีมีคุณสมบัติครบพร้อมเป็นนายกฯ  ในอนาคต ผวาเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านที่ค้านฝ่ายค้าน

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ที่ จ.อ่างทอง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เปิดเผยว่า หลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี  (ครม.) ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ  ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 24  ก.ย. ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ เพราะเป็นวันมหามงคล คือเป็นวันมหิดลด้วย พวกเรารู้สึกดีใจ หลังจากเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ตนได้นัด ครม.ไว้เบื้องต้น กลับมาก็จะมีการประชุม ครม.นัดแรก ไม่ใช่นัดพิเศษหรืออะไร เป็นการประชุมนัดแรกเลย เพราะว่าเราจะได้แบ่งงานว่ารองนายกรัฐมนตรีท่านไหนรับผิดชอบอะไร จะมีการเสนอแต่งตั้งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้เป็นผู้ประสานงานและทำงานได้ทันที และหลังจากนั้นจะได้มีการนัดประธานรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา ซึ่งเราตั้งใจให้เร็วที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับความกรุณาของท่านประธานที่จะนัดสมาชิกทั้ง 2 สภา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านพุ่งเป้าที่จะอภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีมากกว่าการอภิปรายเรื่องของนโยบายรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า ก่อนที่เราจะนำรายชื่อ ครม.เสนอ เราต้องตรวจสอบแล้ว และการตรวจสอบก็เป็นการตรวจสอบโดยหน่วยงาน ไม่ใช่ตรวจสอบเอง มีหน่วยงานทุกหน่วยงานที่ตรวจสอบตามขั้นตอนที่ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ดำเนินการมาโดยตลอด และมีการเรียกประชุมหน่วยงานทั้ง 7 หน่วยงาน รวมไปถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมาไล่ดูกันก็ไม่มีคนไหนที่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาคุณสมบัติก็ต้องถูกคัดชื่อออกไป ซึ่งก็มีคนที่ถูกคัดชื่อออกไป

ถามว่า ที่บอกว่า 4 เดือนจะยุบสภาแน่นอน ตั้งเป้าที่จะกลับมาในการเลือกตั้งข้างหน้ามีความมั่นใจแค่ไหน นายกฯ ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากให้ไปพูดหรือให้นักวิเคราะห์ทั้งหลายไปพูดว่า เดี๋ยว 4 เดือนก็จะหาเรื่องหาเหตุจะไม่ยุบสภา   ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อตกลงที่ลงนาม ใช้คำว่า MOA ก็ไม่ได้ มันคือข้อตกลง ไม่ใช่บันทึกข้อตกลง แต่นี่มันคือข้อตกลง เหมือนกับสัญญาที่มีอยู่ 5 ข้อ  และเราก็ต้องปฏิบัติ และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย รวมถึงเรื่องการไม่สร้างเสียงข้างมากด้วย

“ผมจะไปกินข้าวกับใครเรื่องของผม แต่ผมไม่ได้ไปสร้างเสียงข้างมาก อย่าไปวิเคราะห์อะไรแล้วทำให้เกิดความกังวลหรือไม่สบายใจของคนที่มาร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงของเรา ทุกข้อทุกประเด็นจะได้รับการปฏิบัติ คุณธนาธรพูดเมื่อวันที่ 19 ก.ย.แล้วว่า ไม่มีวันที่ 121 ซึ่งนายอนุทินก็ยืนยันว่าไม่มีวันที่ 121"

เมื่อถามว่า การเดินสายพบกับนักการเมืองต่างๆ เพื่อสร้างสัมพันธ์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ทุกพรรคก็ต้องไปเลือกตั้ง ส่วนภาคการเมืองก็จะต้องไปดำเนินการทางการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมการเลือกตั้ง ถ้าเราบอกว่าอีก 4 เดือนยุบสภา เราก็ต้องเตรียมตัวเลือกตั้งตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ซึ่งพรรคภูมิใจไทยทำมา 2 เดือนแล้ว

ภาพถ่ายคู่เทพเจ้ากวนอู

ซักว่า ขณะนี้คนมองข้ามช็อต ไม่ใช่แค่ 4 เดือนแล้ว แต่มองไปถึงว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง นายอนุทินปฏิเสธว่า ไม่ๆ อย่าเพิ่งไปคิดตรงนั้น เราทำทุกวันให้ดีที่สุด เรื่องการเลือกตั้งก็เป็นเรื่องของการเลือกตั้ง อยู่ที่นโยบาย ตอนนี้ก็หนักขึ้นมาหน่อยว่าวันนี้พรรคภูมิใจไทยกลับเข้ามาเป็นรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ก็มีโจทย์หนักขึ้นมา ต้องทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดด้วย ไม่อย่างนั้นประชาชนก็อาจจะไม่เลือกถ้าเขาไม่พอใจ ก็ต้องทำทุกอย่างให้ประชาชนพอใจ

เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าพรรคภูมิใจไทยขยายใหญ่ขึ้น เขาตอบว่า อย่าเพิ่งไปพูดอะไร อย่าเพิ่งไปทำนายอนาคต คนที่จะกำหนดได้คือตัวพวกตนนี่แหละ ก็คือต้องขยาย อย่างที่บอกว่าก็ต้องทำงานแบบไม่มีวันหยุด ซึ่งก็ไม่มีวันหยุดจริงๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทินได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับเทพเจ้ากวนอู วัดเทพสรธรรมาราม จังหวัดปทุมธานี พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “เทพเจ้ากวนอูวางง้าวกับพื้นที่วัดเทพสรธรรมาราม ปทุมธานี หลวงพ่อเจ้าอาวาสอธิบายเป็นนัยยะว่า ท่านรบชนะศึก จึงวางง้าวลงปักพื้นได้ แต่ยังคงมีความพร้อมและน่าเกรงขามตลอดเวลา"

            วันเดียวกันนี้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึง ครม.อนุทิน ที่พบว่าบางคนถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทุจริตว่า จะต้องมีการเสนอข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่งวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา พรรคประชาชนเตรียมผู้อภิปรายไว้แล้ว ซึ่งจะมีการอภิปรายถึงคุณสมบัติและความเหมาะสมของรัฐมนตรีแต่ละคน รวมถึงการดำเนินนโยบายรัฐบาลในช่วงตลอดระยะเวลา 4 เดือน ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ อีกทั้งจะดูเรื่องแผนการทำงานที่รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม MOA ซึ่งพรรคประชาชนเตรียมกรอบเนื้อหาที่จะอภิปรายไว้แล้ว

            ส่วนการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของพรรคประชาชน จะแบ่งเนื้อหาอภิปรายกับพรรคเพื่อไทยอย่างไร เพราะพรรคเพื่อไทยประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระ จะไม่เข้าร่วมวิปฝ่ายค้านกับพรรคประชาชน นายณัฐพงษ์กล่าวว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ต่างคนต่างทำหน้าที่ได้อยู่แล้ว การที่ไม่ร่วมรัฐบาลก็ถือว่าเป็นฝ่ายค้าน เพราะฉะนั้นพรรคเพื่อไทยก็ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ คงไม่มีปัญหาอะไรในสภา

หวั่นฝ่ายค้านค้านกันเอง

            เมื่อถามว่า จะมีการแบ่งเนื้อหาการอภิปรายอย่างไรเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน เนื่องจากไม่ได้มีการประสานงานกัน ผู้นำฝ่ายค้านฯ ตอบว่า การทำงานภายในวิปก็จะคุยตกลงเรื่องการแบ่งเวลา  ส่วนเนื้อหาคงไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่ละพรรค

            ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยจะไม่เข้าไปร่วมวิปฝ่ายค้านจะไม่ทำให้เป็นปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ถ้าตามกฎหมาย ตอนนี้พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสถานะเป็นรัฐบาล เพราะมีตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่จริงๆ ในทางปฏิบัติ ตนอยากให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ซึ่งเคยสื่อสารไปแล้วหลายครั้ง ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยยังคงทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็งอยู่ การจะกำกับทิศทางรัฐบาลภูมิใจไทยให้เดินหน้าตามกรอบ MOA ก็จะมีความเป็นไปได้เกือบ 100% ดังนั้นการทำงานตอนนี้ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่อยากให้เอาอุปสรรคอื่นๆ อะไรมาขวางกั้น

            ถามว่า จะต้องไปพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยเองหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เผยว่า พูดคุยประสานงานกันอยู่แล้ว ตนไม่อยากให้มีการแสดงท่าทีว่าไม่อยากจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้กลายเป็นว่าฝ่ายค้านมาค้านกันเอง และยังยืนยันการหาทางออกให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชน ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ในสภา

            ซักว่า ในฐานะผู้เป็นอาวุโสน้อยกว่า จะต้องไปคุยกับพรรคเพื่อไทยก่อนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ระบุว่า ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใครเข้าไปหาหรือไปพูดคุยกับใครก่อน เพราะในสภามีกลไกของวิป ไม่อยากให้มีใครต้องถือทิฐิ เราจะต้องเดินหน้าไปในทิศทางที่ดี ถ้าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน และเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญประชาชนก็จะได้ประโยชน์

            ส่วนที่มีภาพนายอนุทินไปรับประทานอาหารร่วมกันกับนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มองว่ามีนัยทางการเมืองอย่างไร เขากล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่จะมีการพูดคุยกัน ส่วนการโพสต์ภาพออกมาต้องการจะสื่ออะไรหรือไม่นั้น ต้องไปถามนายอนุทิน ตนคงตอบแทนไม่ได้ ว่าจุดประสงค์การนัดทานอาหารและโพสต์ภาพออกมาแบบนี้มีวัตถุประสงค์อะไร

'เท้ง' พร้อมเป็นนายกฯ

            ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลใจหรือไม่ว่าการโพสต์ภาพแบบนี้จะมีนัย นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า ไม่กังวลใจ และให้กลับมามองที่หน้ากระดานการเมือง จำนวนเก้าอี้ สส. และตอนนี้ไม่มีความเป็นไปได้อื่นใดที่จะเกิดรัฐบาลเสียงข้างมาก ถ้าพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง ก็จะสามารถรักษาเสียงในพรรคให้อยู่ร่วมกัน ซึ่งตอนนี้อาจจะมีข่าวที่ปรากฏออกมาว่านายอนุทินจะดูดเสียง สส.มาอยู่ร่วมกับพรรคภูมิใจไทยมากยิ่งขึ้นนั้น ย้ำว่าตนไม่ได้มีข้อห่วงใยอะไร หากฝ่ายค้านทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เราก็จะกำกับทิศทางรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้เป็นไปตาม MOA ได้

            นายณัฐพงษ์ยังกล่าวถึงหน้าตา ครม.ของนายอนุทินว่า มีข้อห่วงใยหลายคน และหลังแถลงนโยบายแล้ว ก็จะเป็นหนึ่งหมุดใหม่แรกที่เราจะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเต็มที่

            เขายังกล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยอาจจะดึงนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ซึ่งเป็นบุตรเขยคนสำคัญของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้สังคมนำไปจับคู่เปรียบเทียบคุณสมบัติกับตนเองว่า เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะคัดเลือกแคนดิเดตนายกฯ ของเขาเองว่าจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต

            “ตัวผมเองก็เชื่อมั่นว่ามีความพร้อมในประสบการณ์ที่ทำงานการเมืองมากว่า 6 ปี รู้ในเรื่องระบบงบประมาณ รู้ในเรื่องกลไกของระบบราชการ ก็จะเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของคนที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งในนายกรัฐมนตรีในอนาคต" นายณัฐพงษ์กล่าว

            นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าให้กำลังใจ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งใครมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ สิ่งที่ดีที่สุดของประชาชนคนไทยคือมีแคนดิเดตนายกฯ ที่มีความรู้ความสามารถ และพร้อมจะเข้ามาบริหารประเทศ เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับทุกๆ คน ประชาชนก็จะได้เลือกสิ่งดีๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

เป็นฝ่ายค้านไม่งอแง

            ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร (วิปฝ่ายค้าน) ระบุถึงกรณีที่พรรค พท.จะไม่ร่วมเป็นฝ่ายค้าน ขอให้ผู้ใหญ่ในพรรค พท.วางอัตตาลงนั้นว่า นายปกรณ์วุฒิอาจจะคุยกับบางคน แต่ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยว ไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ แต่เป็นเรื่องของคนในรุ่นเดียวกันที่มีความคิดเห็นคล้ายกัน และชัดเจนว่าไม่อยากร่วมเป็นวิปฝ่ายค้าน แต่การทำงานในสภา อะไรที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราพร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว แต่ในการที่จะไปร่วมเป็นวิปฝ่ายค้านนั้น เราไม่สามารถทำได้ เพราะเจตนารมณ์คนละเจตนารมณ์กัน

            เมื่อถามว่า หากมีกฎหมายสำคัญเข้าก็พร้อมที่จะประสานงานกับพรรค ปชน.ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ตอบว่า แน่นอน ที่ผ่านมาเราก็เป็นองค์ประชุมและโหวตผ่านให้ตลอด อะไรที่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์และอะไรที่ต้องตรวจสอบรัฐบาลเราทำงานเต็มที่ไม่ต้องห่วง ย้ำว่าสิ่งที่พรรคพูดคุยกันคือเราไม่สามารถส่งใครเข้าไปร่วมงานในการเป็นวิปฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการได้

            ซักว่าในอนาคตหากมีการจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะมีปัญหาในการประสานงานกับพรรค ปชน.หรือไม่ เลขาธิการพรรคเพื่อไทยชี้แจงว่า ในการประสานงานและประชุมกัน เราสามารถทำได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา  เพราะเรามีตัวแทนของพรรค พท.ที่จะไปคุยกับตัวแทนของพรรค ปชน. แต่การที่เราจะไปทำงานในวิปฝ่ายค้านนั้น เราต้องดูจุดยืนของเราด้วย จุดยืนของเราชัดเจนคือไม่สนับสนุนในการที่จะให้เขาเป็นรัฐบาล แต่เมื่อพรรค ปชน.ในฐานะแกนนำพรรคฝ่ายค้านไปทำเช่นนั้น ซึ่งเราไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรก แต่ยืนยันว่าเราจะทำงานในฐานะฝ่ายค้านเต็มตัว ไม่ได้งอแงอะไร

เปิดตัวขุนพลอภิปรายนโยบาย

            ส่วน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมของพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลนายอนุทินว่า เบื้องต้นเราทราบคร่าวๆ แต่ยังไม่เป็นทางการว่าจะมีการอภิปรายในวันที่ 29-30 ก.ย.นี้ โดยทางพรรคเพื่อไทยได้มีการประชุมไปแล้วเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) ถึงการเตรียมความพร้อม ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายคณะทำงานเพื่อเตรียมการอภิปรายคำแถลงนโยบายของรัฐบาล โดยบุคคลที่รับมอบหมายมี นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ, นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และตน เป็นคณะทำงานหลัก โดยจากนี้จะแสวงหาบุคคลมาร่วมทำงานเพื่อเตรียมการอภิปราย

            นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้มอบหมายประเด็นที่ควรจะอภิปรายไปให้พิจารณา โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.ตัวนโยบายที่จะแถลง โดยคณะทำงานต้องไปศึกษาว่าในคำแถลงเป็นอย่างไร แต่เราก็คาดการณ์และเตรียมเป็นข้อสอบเอาไว้ ซึ่งจะเป็นประเด็นในการบริหารในราชการ 4 เดือน และ 2.ตัวบุคคลที่มาเป็นรัฐมนตรี เกี่ยวกับคุณสมบัติความรู้ความสามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดิน

            นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า ในการอภิปราย 2 วันนั้นเราไม่ได้ใช้เนื้อหาในการแบ่งผู้อภิปราย แต่เราคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของสมาชิกรัฐสภา เพราะการแถลงนโยบายต้องแถลงต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งโดยหลักแล้วมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ 1.สว. 2.สส. และ 3.สส.ที่สนับสนุนและไม่เห็นด้วย ดังนั้น ระยะเวลาที่อภิปรายต้องเฉลี่ยให้แต่ละฝ่ายที่เหมาะสม จึงต้องใช้การอภิปรายอย่างน้อย  2 วัน

เมื่อถามว่า โฉมหน้าคณะรัฐมนนตรีที่ออกมาแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เพราะบางคนจะมีเรื่องคุณสมบัติในการอภิปราย ทางพรรคเพื่อไทยมีหลักฐานอะไรหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มของการอภิปรายตัวบุคคล เกี่ยวกับคุณสมบัติที่ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่สมาชิกหรือทีมงานต้องเตรียมเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ​.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.