พรรคส้มเตรียมตัวหนาว! ป.ป.ช.เผยไต่สวนพยานหลักฐานคดี 44 สส.ก้าวไกลเสร็จแล้ว เหลือขั้นตอนองค์คณะตรวจสอบ แจงแบ่งเป็น 2 ส่วน คนเริ่ม-คนลงชื่อ คาดเสร็จ ธ.ค. ยันไม่เกี่ยวไทม์ไลน์เลือกตั้ง ปฏิเสธเกี่ยวโยง สว.สีน้ำเงิน ส่วนคดีคลิปฮุน เซน ตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว การกระทำแยกเป็น 2 ส่วน อาญากับจริยธรรม เผยมี 2 ตัวละครใหม่ในคดีชั้น 14 เดินหน้าสอบสวนเพิ่มเติม ระบุเป็น ขรก.ระดับสูง-นักการเมือง
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีกล่าวหา 44 อดีต สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันเสนอและร่วมกันลงชื่อในร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า คดีนี้เรามีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว แต่ตัวผู้ถูกกล่าวหามีจำนวนหลายราย หลังจากดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาไปนั้น มีผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไปแล้วเช่นกัน โดยเราเปิดโอกาสให้มาชี้แจงเต็มที่ มีกรอบระยะเวลา 15 วัน บางท่านขอขยายระยะเวลา นำส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมในการชี้แจง แต่ทั้งหมดยังอยู่ในกรอบระยะเวลาการชี้แจง
หลังจากนี้องค์คณะไต่สวนจะมีการพิจารณาพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อสรุปสำนวนนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยไม่มีความจำเป็นต้องไต่สวนเพิ่มเติมอีก คาดว่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน แต่ถ้ามีเหตุต้องใช้เวลานานออกไป อาจต้องชี้แจงทำความเข้าใจว่า ป.ป.ช.ไม่ได้อยู่เฉยในเรื่องนี้ เพราะสิทธิในการต่อสู้คดี ใช้สิทธิชี้แจง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ เป็นไปตามกฎหมาย
“การพิสูจน์พยานหลักฐานต่างๆ จากการแก้ข้อกล่าวหานั้น องค์คณะไต่สวนและคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาทีละราย จะไม่มีการพิจารณาแบบเหมารวม เพราะแต่ละคนที่ลงลายมือชื่อ ข้อเท็จจริงแตกต่างกัน กล่าวคือเวลาเสนอร่างกฎหมายนั้น จะมีผู้ริเริ่มกับผู้ที่ร่วมลงลายมือชื่อเพื่อเสนอ การกระทำของแต่ละคนจึงแตกต่างกันในข้อกฎหมายและลักษณะการกระทำ”
รองเลขาฯ ป.ป.ช.ยืนยันว่า การทำงานของ ป.ป.ช.อยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้ดูไทม์ไลน์การเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการพิสูจน์ความผิด โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาคดีนี้รายคน เริ่มตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.นี้ จากนั้นคาดว่าเร็วสุดคือเสร็จภายใน พ.ย. อย่างช้าไม่น่าจะเกิด ธ.ค.2568 ก่อนการเลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่ได้มุ่งทางการเมือง
ป.ป.ช.มีระบบถ่วงดุลกันเอง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีสังคมตั้งข้อสังเกตคณะกรรมการ ป.ป.ช.เกี่ยวโยงกับการเมืองสีน้ำเงิน นายสุรพงษ์กล่าวว่า การทำงานของ ป.ป.ช.มีระบบถ่วงดุลกันเอง กรรมการ ป.ป.ช.แต่ละคนมีอิสระในการที่จะพิจารณาวินิจฉัยคดี ในส่วนของการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก ไม่ว่าจะเป็นสภาหรือวุฒิสภา เรามีการตรวจสอบจากภายนอกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องถือเป็นหลักคือความเป็นกลาง สิ่งที่มีข้อครหาคือ จุดที่จะพิสูจน์ความเป็นกลางว่าการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. คือหลักการให้เหตุผลทางกฎหมายในการวินิจฉัยคดีแต่ละคดีที่ออกไป ขอยืนยันว่าข้อเท็จจริงจะพิสูจน์ตัวมันเอง
“ขอให้มั่นใจว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทุกท่านมีที่มา ซึ่งปัจจุบันหลายๆ คนมีที่มามาจากตุลาการหรือผู้พิพากษา เพราะฉะนั้นต้องมีคุณงามความดี เป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการสรรหา เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ ป.ป.ช.ให้เหตุผลออกไปจะไม่มีภาพในอดีตที่เปรียบเทียบถ้าเป็นชุดนี้ ยังเชื่อมั่นว่าการทำหน้าที่ของท่าน จะพิสูจน์สิ่งที่สังคมตั้งคำถามได้”
นายสุรพงษ์ยังกล่าวกรณีคลิปเสียงฮุน เซน ว่า เรื่องนี้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เราไม่อยากจะใช้คำว่าเพิ่งได้คำวินิจฉัยของศาลมาไม่นานนัก เป็นเรื่องที่ต้องเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาดูว่าข้อเท็จจริงที่ศาลวินิจฉัยมา ป.ป.ช.รับฟังข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร เรื่องนี้มีการตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว การกระทำอาจแยกเป็น 2 ส่วน คือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นความผิดทางอาญา เป็นการกล่าวหาความผิดด้านความมั่นคง และความผิดด้านมาตรฐานจริยธรรม ในส่วนศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งนายกฯ การใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นเรื่องช่องทางองค์คณะไต่สวนว่า การกระทำของท่านตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ป.ป.ช. ใช้เป็นหลักในการไต่สวนจะไปทางไหน ระหว่างทางอาญากับทางจริยธรรม ตรงนี้เป็นข้อกฎหมายกับข้อเท็จจริงที่องค์คณะไต่สวนต้องไปพิจารณา
ประหารชีวิตทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ รองเลขาฯ ป.ป.ช.ตอบว่า จริงๆ ไม่อยากให้ความเห็นเท่าไหร่ แต่จากประสบการณ์ทำคดีฝ่าฝืนจริยธรรม คิดว่าไม่น่าใช้เวลานานมาก เพราะเรื่องนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว เราวางแผนได้ หรือเขียนมายด์แมปได้ว่าพยานคนนี้เกี่ยวกับบุคคลปากไหน คำแปล หรือถอดเทปไฟนอลแล้วหรือไม่ ระยะเวลาอาจไม่ยาวมาก อาจมีขั้นตอนหนึ่งที่ใช้เวลายาวคือหลังแจ้งข้อกล่าวหาและเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ถ้าเสร็จ 6 เดือนเลย อาจกระทบองค์คณะไต่สวน เรื่องนี้คดีสำคัญ นโยบายของประธานกรรมการ ป.ป.ช. คือไม่ช้า กรรมการ ป.ป.ช.อยู่ในช่วงปฏิรูปองค์กร คดีไหนสื่อสนใจ และสำคัญ ท่านจะกำหนดกรอบการทำงานทุกเรื่อง มี 15 วัน 30 วัน 60 วัน ต้องมีความคืบหน้าขึ้นมา
เมื่อถามว่า ประเด็นมาตรฐานจริยธรรม ปัจจุบันมีการตัดสินทั้งศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว ป.ป.ช.จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เรื่องของการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม และที่ศาลฎีกาพิพากษาออกมา คือเรื่องตัดสิทธิทางการเมือง ที่เรียกว่าประหารชีวิตทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป ห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง 10 ปี มาตรฐานจริยธรรม ใช้ตัวเดียวกัน ใช้บังคับกับ สส. สว. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกฯ และรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้นเราใช้ข้อกฎหมายเดียวกัน แนวคำพิพากษาเดียวกัน ยกเว้นข้อเท็จจริงแตกต่าง ไม่เคยมีแนวคำวินิจฉัยออกมา ถ้ามีข้อเท็จจริง เช่น กรณีนี้ เข้าใจว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ป.ป.ช.ต้องนำมาดูอยู่แล้ว แนววินิจฉัยอาจไม่แตกต่างกันมาก ยกเว้นมีข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายแตกต่าง ถ้าไม่มีอะไรที่พลิกแพลงหรือเปลี่ยนแปลง แนวคำวินิจฉัยก็ไม่น่าเปลี่ยนแปลง
คดี 'ภูมิธรรม-ทวี' จ่อ
ส่วนความคืบหน้ากรณีการไต่สวน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในกรณีการแจกจ่ายถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม นายพีระพันธุ์ได้รับทราบข้อกล่าวหา และได้มีการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากลับมายังคณะกรรมการไต่สวนแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานนักในการพิจารณาสรุปสำนวนคดี ทั้งนี้ การดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นการดำเนินกระบวนการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และพิจารณาตามพยานหลักฐาน โดยมิได้กระทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
กรณี สว.ยื่นเรื่องกล่าวหานายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม คดีกล่าวหาแทรกแซงฮั้ว สว. อาจแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และส่วนที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม เนื่องจากเป็นรัฐมนตรี ทั้ง 2 ส่วน ในคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ถ้าปรากฏว่าเป็นการกระทำมีมูลความผิด ป.ป.ช.อาจต้องดำเนินการต่อจนเสร็จ เพราะว่าความรับผิดทางอาญายังมีอยู่ ส่วนคดีมาตรฐานจริยธรรม เป็นโทษทางการเมืองเป็นเรื่องของการวินิจฉัยว่าตัวผู้ถูกกล่าวหา จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองหรือไม่ เทียบกับคดีถอดถอนจากตำแหน่งในอดีต แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะถูกถอดถอนจากอดีตไปแล้ว อำนาจการไต่สวนของ ป.ป.ช.ยังมีอยู่
มี 2 ตัวละครใหม่ชั้น 14
นายสุรพงษ์ยังเผยถึงคดีชั้น 14 ว่า มีการตั้งองค์คณะไต่สวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 12 คน แต่ปัจจุบันมีคำร้องเพิ่มเติมเข้ามา ขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ คำร้องที่อยู่โรงพยาบาลตำรวจ ใน 180 วัน และคำร้องภายหลังการพักโทษ โดยมีตัวละครเพิ่มเติม หลังจากคัดคำพิพากษาทางเจ้าของเรื่องต้องเอาข้อเท็จจริงมาถอดว่ามีการร้องเรียนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือข้อเท็จจริงตามคำพิพากษากับที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนไปแล้ว สอดคล้องกันหรือไม่ อย่างไร มีข้อเท็จจริงที่ยังไม่ตรงกัน ดังนั้น ป.ป.ช.ต้องดูตามแนวคำพิพากษาเป็นหลัก
“การบ้านขององค์คณะไต่สวนที่ต้องเอาคำพิพากษามาถอด ดูตัวละครเพิ่มเติมที่เราต้องไต่สวน โดยเฉพาะที่มีคำร้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง ทางองค์คณะจะพิจารณาอย่างไร และเกี่ยวข้องกับการพักโทษด้วยหรือไม่” นายสุรพงษ์ระบุ
เมื่อถามว่า ตัวละครใหม่เพิ่มเติม 2 คนที่ถูกร้องเข้ามา เป็นข้าราชการระดับสูงหรือข้าราชการทางการเมือง นายสุรพงษ์กล่าวว่า เท่าที่ทราบมีคำร้องเข้ามา มี 2 ราย อย่างที่บอกมี 2 ช่วงคือ พักรักษาตัว 180 วัน และอีกช่วงคือในช่วงการพักโทษ อยู่ที่องค์คณะไต่สวนพิจารณา แต่ไปเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายด้วย ในการแปลความ พ.ร.ฎ.อภัยโทษฯ รอองค์คณะไต่สวนฯ ว่าจะมองอย่างไร เรื่องนี้เท่าที่ทราบมีการแยกสำนวนเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือข้าราชการที่ส่งตัวอดีตนายกฯ ไปรักษาตัว อีกส่วนคือเรื่องกระบวนการพักโทษ และสำหรับคดีนี้ยืนยันว่าไม่หนักใจ ตลอดระยะเวลารับราชการในคดีที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ฟ้องเอง ไม่หนักใจ เพราะเราทำตามหน้าที่ สิ่งที่ถามขออนุญาตตอบว่า ถ้าข้อเท็จจริงไปถึง ข้อกฎหมายไปถึง ป.ป.ช.ต้องวินิจฉัยตามสำนวนอยู่แล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


