“พริษฐ์” เผยประชุม กมธ.แก้ รธน. 20 ต.ค.นี้ ลั่นประธานควรเป็นของ ปชน. เหตุเป็นร่างหลัก รับตัวแปรสำคัญคือ พ.ร.บ.ประชามติที่ยังไม่ประกาศใช้ มั่นใจ ส.ส.ร.ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เพิ่มเติมหมวด 15/1 ซึ่งเป็นร่างหลักการพิจารณาในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมนัดแรกจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. เวลา 14.00 น. โดยจะพิจารณาเรื่องกรอบเวลาเป็นหลัก เพราะ กมธ.ต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน เพื่อส่งกลับมายังสภาพิจารณาต่อในวาระ 2 และวาระ 3 ให้ทันตามกรอบเวลา และทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งได้ทัน
นายพริษฐ์ยังกล่าวถึงประธาน กมธ.ว่า เมื่อใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ปชน.เป็นร่างหลัก ประธานก็ควรมาจากพรรค ปชน. แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม เพราะยังไม่ทราบว่าจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อหรือไม่ แต่ในมุมของพรรค ปชน.ขอย้ำว่า เมื่อร่างพรรคเป็นร่างหลักก็เหมาะสมที่พรรค ปชน.จะนั่งเป็นประธาน โดยจะเสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ แต่ถ้าเกิดมีพรรคอื่นเสนอเข้ามาด้วย ก็ต้องลงมติ ซึ่งเชื่อว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน สิ่งที่สำคัญกว่าตัวประธานคือเนื้อหาสาระ ที่ต้องหาข้อสรุปในประเด็นที่เห็นต่างให้เร็วที่สุด
“ไม่ว่ารัฐสภาจะเห็นชอบร่างแบบไหนออกมา ก็ต้องไปถามประชาชนในการทำประชามติ ถ้าหากร่างที่ทำมาไม่ตอบโจทย์ประชาชนก็มีโอกาสที่ไม่ผ่านประชามติ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาตระหนักว่าควรมีร่างที่ประชาชนจะเห็นชอบด้วย” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์ยังกล่าวว่า ตัวแปรสำคัญตอนนี้คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติฉบับใหม่ ว่าจะโปรดเกล้าฯ หรือไม่ ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่โปรดเกล้าฯ โดยจะรู้อย่างชัดเจนในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ถ้ามีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ คือผ่านวาระ 3 ช้าสุดกลางเดือน ม.ค.2569 แต่เราอยากให้ผ่านภายในปลายเดือน ธ.ค.2568 ซึ่งแปลว่าวาระ 2 ต้องเข้ากลางเดือน ธ.ค. ถ้าเป็นเช่นนั้น กมธ.มีเวลาพิจารณา 2 เดือนเต็ม แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี
ถามต่อในเรื่องคำถามประชามติ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณากันอยู่ผ่านวาระ 3 ประชามติรอบแรกก็จะมี 2 คำถาม ซึ่งถูกกำหนดไว้ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามไม่มีอะไรที่ซับซ้อน แต่เวลานี้สิ่งที่สำคัญคือ ให้เรามีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ผ่านวาระ 3 ได้ทัน และมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
เมื่อถามถึงข้อกังวลการได้มา ซึ่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่อาจขาดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้มีคนไปยื่นร้องต่อศาลแล้วทำให้กระบวนการล่าช้า นายพริษฐ์กล่าวว่า ก่อนวันที่ 10 ก.ย. 3 พรรคหลัก เห็นตรงกันเรื่อง ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่การที่ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งไปต่อได้ยาก เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าทุกคนรักษาจุดยืนเดิมควรพยายามทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุดโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาล
“พรรคประชาชนยืนยันว่า สิ่งที่เสนอไม่ได้ขัดคำวินิจฉัยของศาล เพราะศาลระบุเพียงแค่ว่าไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง เราจึงเลือกผู้ร่างโดยอ้อม จึงคิดว่าไม่มีอะไรที่ขัดคำวินิจฉัยของศาล แต่ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าใครจะเดินไปร้องก็ได้”
เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องหมวด 1 หมวด 2 อาจทำให้ถูกคว่ำในวาระ 3 ได้นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาและ กมธ.ที่ต้องหารือว่าจะระบุไว้เหมือนรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับข้อกล่าวหาที่ระบุว่า การเปิดให้พิจารณาหมวด 1 หมวด 2 ได้เท่ากับการล้มล้างการปกครอง เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็เปิดให้สามารถแก้ไขถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 ได้ แต่ต้องไปทำประชามติก่อน ดังนั้นมีความเห็นต่างกันได้ แต่ไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง เราต้องคุยกันด้วยเหตุผล ทั้งนี้ หากในอนาคตรัฐธรรมนูญหมวดอื่นๆ มีการปรับปรุงเนื้อหาอาจต้องปรับปรุงบางถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 เพื่อให้สอดคล้องกับหมวดอื่นๆ ซึ่งจะไม่กระทบสาระสำคัญระบอบการปกครองในรูปแบบรัฐแต่อย่างใด เพียงแต่ทำให้เนื้อหาในแต่ละหมวดสอดรับกันเท่านั้น จึงเห็นว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเพื่อมาโจมตี
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การเปลี่ยนแปลงกฎ กติกา ในการอยู่ร่วมกัน เป็นสิ่งที่ต้องทบทวน แต่การทุบทิ้งแล้วร่างใหม่ทั้งฉบับไม่มีความจำเป็นถึงขนาดนั้น จริยธรรมของนักการเมือง ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ถือว่าดี รัฐธรรมนูญไม่ได้ชำรุดทั้งหมด ยังแก้ไขเพิ่มเติมได้ ยังไม่เห็นเหตุผลที่เพียงพอในการเขียนใหม่ทั้งฉบับ รัฐธรรมนูญกลายเป็นอาหารอันโอชะของนักการเมือง ในการวางมาด ในการแสดงภูมิไปแล้วรอดูตอนลงประชามติว่าประชาชนจะยอมให้ร่างใหม่ทั้งฉบับหรือเปล่า
นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร เป็นหน้าที่ของ กมธ.วิสามัญทั้ง 43 คน ถือเป็นการบ้านหนัก แต่คงไม่เกินความสามารถ เพราะแต่ละคนล้วนมีความรู้ความสามารถที่จะได้หารือกันให้ตกผลึก ให้รูปแบบโมเดลรัฐธรรมนูญมีความเป็นสากล เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ ประชาชนจริงๆ ไม่ใช่แค่ตอบสนองการเมืองเฉพาะบางกลุ่มบางพวกเท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


