ไฟเขียว1ธค.สภาถกแก้รธน.

รอรัฐบาลพร้อม! สภาเปิดไฟเขียว 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ถกแก้ รธน.วาระ 2 “ภท.” ตอก พท.แขวะสูตร 20 หยิบ 1 ชี้รอบหน้าได้ สส.พ่วงหยิบ กมธ.ร่าง รธน.ไว้ในมือ “พรรคส้ม” โอดโดนเขี่ยประเด็นคูหาเลือกตั้งออก มองข้อเสนอให้ผู้สมัครมีประชาชนรับรอง 100 คน ควรเปิดชื่อให้สังคมเห็น เพื่อความโปร่งใส-ป้องเอื้อจัดตั้ง “วันนอร์” งัดกฎเหล็ก ยื่น "ญัตติซักฟอก" แล้วห้ามยุบสภา “ธรรมนัส” ดีดทิ้ง "ชนนพัฒฐ์" สั่งเปิดวอร์รูมเตรียมพร้อมกระสุนศึกซักฟอก "อภิสิทธิ์" ไม่หวั่นเงินเทาเส้นเลือดใหญ่เลือกตั้งรอบหน้า

ที่รัฐสภา วันที่ 17 พฤศจิกายน นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) ในวาระที่ 2 ว่ายังไม่ได้รับการประสานงานมาจากรัฐบาลแต่อย่างใด หากรัฐบาลประกาศเปิดประชุมวิสามัญเมื่อใด รัฐสภาก็พร้อมที่จะเปิดประชุมวิสามัญตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ตนทราบข่าวอย่างไม่เป็นทางการว่า มีการตกลงกันว่าจะพิจารณาช่วงระหว่างวันที่ 8-10 ธ.ค. รัฐสภาก็พร้อม

เมื่อถามว่า มีข้อกังวลหรือข้อห่วงใยหรือไม่ เพราะการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา ขณะนี้จะไม่ใช้สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นกลไกจัดทำรัฐธรรมนูญ แต่จะใช้เฉพาะ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาดำเนินการ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กมธ.ทั้ง 43 คนที่จะคุยกันให้จบ แล้วมีความเห็นที่ใกล้เคียงกันที่สุด ไม่ต้องไปตกในมาตราใดมาตราหนึ่ง  รวมถึงการพิจารณาลงมติในวาระที่ 3 ที่ต้องขอความเห็นชอบ เพื่อจะได้นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปลงประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งที่ทางรัฐบาลออกมาบอกว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค.ถึงต้นเดือน เม.ย. 69 เท่าที่ฟังตอนนี้ เหมือนมีข้อโต้แย้งเล็กน้อย แต่เชื่อว่าการอภิปรายวาระ 2 และวาระ 3 จะเรียบร้อย

ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ให้สัมภาษณ์ว่า การจะเปิดวันใดอยู่ที่ กมธ.ว่าจะพิจารณาเสร็จเมื่อใด หากเสร็จภายในต้นเดือน ธ.ค.ก็สามารถเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ ก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญวันที่ 12 ธ.ค. ตนดูไทม์ไลน์คร่าวๆ และได้หารือกับคณะกรรมาธิการแล้วว่าการโหวตวาระ 3 ต้องแล้วเสร็จก่อนช่วงปีใหม่ หมายความว่าหากเปิดสมัยประชุมวิสามัญวันที่ 9-11 ธ.ค. ยังสามารถลงมติวาระ 3 ก่อนช่วงปีใหม่ได้อยู่ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าพร้อมเปิดประชุมสมัยวิสามัญให้

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยโจมตีว่าสูตร 20 หยิบ 1 จะทำให้เกิดการล็อกสเปกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ  นายภราดรกล่าวว่า อะไรก็ไม่ดีไปหมดหรอก

เมื่อถามว่า หากใช้สูตรนี้ต้องไปดูหลังการเลือกตั้งใช่หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า ทั้งหมดทั้งสิ้นอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองต้องไปรณรงค์กับประชาชนเพื่อให้ได้สส.มามากที่สุด เพื่อหยิบ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญให้ได้มากที่สุด จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลือก สส. แต่เป็นการเลือกเพื่อให้หยิบ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญด้วย

เมื่อถามว่า คุณสมบัติคนจะมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญจะกำหนดอย่างไร คนโดนตัดสิทธิทางการเมืองสามารถเป็นได้หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า อยู่ระหว่างการเจรจากันอยู่ในชั้น กมธ. ส่วนจะได้ข้อสรุปอย่างไรค่อยว่ากันอีกที

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เกี่ยวกับข้อเสนอของพรรคในการเลือกคณะกรรมการยกร่างฯ ว่าให้ประชาชนเข้าคูหาเพื่อเลือกผู้ร่างก่อนให้เหลือ 70 คน และจากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน แต่โหวตให้ชั้น กมธ. เราแพ้โหวตประเด็นนี้ ทำให้กมธ.เสียงข้างมากเสนอว่า “จะเป็นการเปิดรับสมัครแทน” ซึ่งพรรคประชาชนในฐานะ กมธ.เสียงข้างน้อยไม่ได้เห็นด้วยกับข้อสรุปเช่นนี้

นายพริษฐ์กล่าวว่า ปัจจุบันตัวร่างที่ได้ข้อสรุปมาว่า ให้สภาเป็นเจ้าภาพหลักในการออกแบบกระบวนการรับสมัคร ในการแสดงวิสัยทัศน์และรวบรวมข้อมูล เพื่อให้รัฐสภาคัดเลือก ส่วน กกต.จะเข้ามารับผิดชอบในขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม เพราะมี กมธ.บางคนเสนอว่า กกต.เมื่อคุ้นเคยกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระรัฐสภาในขั้นตอนนี้ได้ดี

นายพริษฐ์กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีการพูดคุยว่าผู้สมัครแต่ละคนควรจะต้องมีผู้รับรอง 100 คนหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้เห็นว่า หากพูดอย่างเป็นธรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย กติกาจะต้องหารือการให้ตกผลึกภายในสัปดาห์นี้ มุมหนึ่งบางคนมองว่า มีข้อดี ว่าเมื่อ กมธ.เสียงข้างมากตัดคูหาเลือกตั้งออกไป การให้ผู้สมัครแต่ละคนต้องมีการรับรองโดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 100 คน เสมือนเป็นการวางเกณฑ์ว่า จะต้องให้ประชาชนเห็นชอบในการทำหน้าที่ในระดับหนึ่ง และเข้าใจในข้อกังวลเกี่ยวกับข้อเสียมิติหนึ่ง ว่าหากมีการกำหนดจำนวนผู้รับรองที่สูงเกินไป อาจจะทำให้ผู้สมัครที่อาจมีความสามารถ แต่ไม่ได้มีเครือข่ายที่จะลงชื่อสนับสนุน อาจจะถูกปิดกั้นการเข้าสู่กระบวนการ ขณะนี้จึงยังไม่ได้ข้อสรุป ยังเป็นข้อตกลงที่ต้องตกผลึกกันอีกครั้ง

 “แต่ประเด็นที่หลายคนกังวลว่าจะเอื้อต่อการจัดตั้งหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่ กมธ.หลายคนเห็นด้วย คือหากจะคงไว้ซึ่งกลไกผู้รับรอง อาจจะต้องมีการเปิดเผยรายชื่อของผู้รับรองให้ประชาชนได้เห็น หากสมมุติว่ามีกระบวนการจัดตั้งที่หลายคนกังวล ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่า มีรายชื่อเหมือนกันสนับสนุนกลุ่มผู้สมัครกลุ่มเดียวกันหรือไม่” นายพริษฐ์กล่าว

สำหรับกรณีพรรคเพื่อไทยเตรียมจะยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ คือเมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะยื่นต่อสภาหรือประธานสภา ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถยุบสภาได้ ส่วนข้อบังคับนั้นมีสิทธิ์น้อยกว่ารัฐธรรมนูญ เป็นข้อกฎหมายของสำนักงานที่เสนอ แต่จะมีคนขอหารือไปยังหน่วยงานอื่นก็แล้วแต่ แต่รัฐธรรมนูญพูดชัด ซึ่งความเห็นของฝ่ายกฎหมายเสนอไปยังเลขาธิการสภาแล้ว แต่ยังไม่มาถึงตน ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ

ขณะที่นายภราดรให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ถ้ายื่นก็เชื่อว่าทุกคนในคณะรัฐมนตรี (ครม.) พร้อมที่จะชี้แจง

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกรณีนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม จะมีผลต่อกระแสการเลือกตั้งหรือไม่ว่า ไม่เกี่ยว พรรคเราทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือการบังคับใช้กฎหมาย และเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ใครผิดก็ว่าไปตามผิด คนที่มีคุณสมบัติลง สส.ตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจน ถ้ามีคุณสมบัติต้องห้ามก็ลงไม่ได้ อย่าไปคิดมาก

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยสัญญาจะตั้งใครเป็นรัฐมนตรีล่วงหน้าหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มี ไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าถามเรื่องที่คนพูดแล้วเป็นไปไม่ได้

เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่หากฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเอง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนไม่ได้ไปท้าทาย แต่ถ้าเราถูกตรวจสอบภายใต้รัฐธรรมนูญ เราต้องพร้อมที่จะรับสถานการณ์ ไม่ใช่คนบางคนโดนหน่อยร้อง ไม่ใช่ เราเป็นนักการเมืองต้องทำใจ

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าพรรคกล้าธรรมจะถูกพุ่งเป้าโดนอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นพิเศษ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะตนได้มอบหมาย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ตั้งวอร์รูมและฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าเรื่องทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการใช้เงินฟอกขาวมาใช้ในการเมืองว่า หนักใจน้อยลงกว่าเดิมเยอะ เพราะตั้งแต่ตนกลับเข้ามา ได้เจอผู้คนประชาชนธรรมดาไปจนถึงนักธุรกิจระดับสูง พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าไม่ต้องการอยู่แบบนี้อีกแล้ว พร้อมยืนยันว่าหนักใจน้อยลง เพราะแนวร่วมของคนที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้นมาก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.