ทบ.เผยเล่ห์เขมร อาวุธหนักยังอยู่

ทบ.แจงอย่าเชื่อเพจปลอมอ้างเขมรขนทหารยึดปราสาทคืน แต่ยอมรับตรงข้ามภูมะเขือยังคงมีรถถัง 10 คัน วางทุ่นระเบิดโดยรอบ ชุดปฏิบัติงานสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาเดินหน้ารังวัดหมุด GCP และบินโดรนถ่ายภาพชายแดนสระแก้ว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า "จะเอาไงต่อดีครับ ฝั่งเรา ล่าสุดวันนี้ทหารกัมพูชาขึ้นมาพิชิตใกล้ภูมะเขือ หวังจะเอาภูมะเขือคืนกว่า 2,000 นาย ประสาทตาควายกว่า 5,000 นาย ประสาทคนากว่า 5,000 นาย เต็มพื้นที่หมดแล้ว" นั้น โดยล่าสุดจากการตรวจสอบ เพจที่เผยแพร่ข้อมูล ได้นำข้อมูลมาจากอีกเพจหนึ่งซึ่งเป็นเพจปลอม

ล่าสุด กองทัพภาคที่ 2 ปฏิเสธว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยจากภาพตรวจสอบได้ดังนี้ พื้นที่ปราสาทตาควาย อําเภอพนมดงรัก  จังหวัดสุรินทร์ ทหารกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นบังเกอร์ พร้อมสร้างกระเช้าขึ้นเนิน 350 จริง

ส่วนการเพิ่มเติมกำลัง ในห้วง 15-16 พ.ย.68  ที่ผ่านมา เป็นกำลังในสังกัดทหารประจำรัตนคีรี  ภท.1 ประมาณ 150 นาย ทหารประจํากัมปงธม ประมาณ 90 นาย และทหารประจำจังหวัดกองพันทหารช่างภูมิภาคทหาร (พัน.ช.ภท.1)  ประมาณ 15 นาย รวม 255 นาย

พื้นที่ภูมะเขือ จังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่ายังคงมีรถถังทิศตะวันตกภูมะเขือ 10 คัน มีการวางทุ่นระเบิดรอบพื้นที่จริง, พื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ทหารกัมพูชา ยึดเนิน 677 จริง มีการวางทุ่นระเบิดรอบพื้นที่จริง, พื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี มีทหารกัมพูชาอยู่ในพื้นที่ประมาณ 800 นาย และอยู่บริเวณเนิน 745 ประมาณ 50-60 นาย

กองทัพภาคที่ 2 ระบุอีกว่า อยากให้ ประชาชนติดตามเพจของกองทัพที่เป็นทางการ ซึ่งจากการตรวจสอบเพจ THAI Army ไม่ใช่หน่วยงานราชการ เนื่องจาก 1.เฟซบุ๊กหลักของราชการจะเป็นรูปไว้อาลัยพื้นขาวดำ 2.ตัวนกอินทรีไม่ใช่นกอินทรีของหน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.ทบ.) 3.กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ไม่เกี่ยวอะไรกับหน่วยข่าวกรองทางทหาร 4.หน่วยงานข่าวกรองทหารไม่ได้ใช้หน้าเฟซบุ๊กตัวนี้

ขณะที่ ทีมโฆษกกองทัพไทย สรุปภาพรวมการปฏิบัติงานของกองกำลังบูรพา ร่วมกับชุดสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา/ฝ่ายปกครองจังหวัดสระแก้วและอำเภอโคกสูง   จำนวน 35 นาย

โดยเมื่อวานนี้ (21พ.ย.68) ได้ปฏิบัติงานร่วมกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อสำรวจและปักหมุดชั่วคราวระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 43 (ช่วงการสำรวจช่วงแรก) โดยดำเนินการกรุยแนวเพื่อวางจุด GCP ได้ 16 จุด และรังวัดจุด GCP ด้วย GPS ได้จำนวน 16 หมุด รวมทั้งบินโดรนถ่ายภาพเพื่อเก็บภูมิประเทศปัจจุบัน และนำไปจัดทำแผนผังหมุดชั่วคราวประกอบการรายงานผลการสำรวจ ได้จำนวน 2 เที่ยวบิน ระยะทาง 1,300 เมตร รวมวัดจุด GCP ได้ 32 หมุด จากทั้งหมด 72 หมุด คิดเป็น 44.44% รวมเที่ยวบินได้ 5 เที่ยวบิน จากทั้งหมด 9 เที่ยวบิน คิดเป็น 55.55% รวมระยะทาง 3.4 กิโลเมตร จากทั้งหมด 7 กิโลเมตร คิดเป็น 48.5%

สำหรับแผนในการปฏิบัติต่อไปในวันนี้ ได้นัดพบกับฝ่ายกัมพูชา ดำเนินการรังวัดหมุด GCP  และบินโดรนถ่ายภาพที่จุดตรวจ 34 บ้านหนองหญ้าแก้ว

การดำเนินงานทุกขั้นตอนของชุดสำรวจฯ ในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการรักษาความถูกต้องของเส้นเขตแดนตามหลักภูมิสารสนเทศที่เป็นสากล การรังวัด การวางหมุด และการจัดทำแผนผังด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมและโดรน ช่วยให้การกำหนดพิกัดเขตแดนมีความแม่นยำ โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และลดโอกาสการเกิดความคลาดเคลื่อนในอนาคต การปฏิบัติงานร่วมกันเช่นนี้จึงเป็นรากฐานของการสร้างเขตแดนที่ชัดเจน เสริมสร้างความเชื่อมั่น และสนับสนุนความสงบเรียบร้อยตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างยั่งยืน

วันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีที่กัมพูชามีแผนกู้ยืมเงินกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ  IMF กว่า 3,100 ล้านดอลอลาร์ สำหรับโครงการลงทุนสาธารณะต่างๆ ในปี 2026 กังวลหรือไม่ว่าอาจจะนำมาใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล

กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121 ล้าน สร้างรั้วชายแดน บังเกอร์ หลุมหลบภัย ถนนตรวจการณ์

ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ พระราชทานพระวโรกาสให้ คุณหญิง