"อนุทิน" ยกข้อความ "อันวาร์" ไม่ได้ขีดเส้นให้หยุดยิง แค่เสนอยุติยั่วยุ "สีหศักดิ์" ซัดกัมพูชาปากอยากคุยแต่ยิงไทยซ้ำซาก "สหรัฐ" ต้องเข้าใจสถานการณ์จริง บัวแก้วส่งหนังสือฟ้องยูเอ็น เขมรถล่มเป้าหมายพลเรือน ละเมิดสิทธิห้ามเดินทางกลับ พร้อมเปิดสมรภูมิโซเชียลแจงทูตทั่วโลก "สนธิญา" บุกสถานทูตมะกัน บี้ “ทรัมป์” ขอโทษเลิกจุ้นไทย
เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษ โดยมีใจความว่า “นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ส่งข้อความถึงผม โดยชี้แจงว่า แถลงการณ์ของนายอันวาร์ไม่ได้มีการกล่าวถึงการหยุดยิง เป็นเพียงข้อเสนอให้ยุติการยั่วยุตั้งแต่เวลา 22.00 น.เท่านั้น และไม่ได้ระบุว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันแล้ว
ข้อความดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่ได้มีแผนหรือข้อตกลงในการหยุดยิงกับฝ่ายตรงข้าม ณ เวลา 22.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงยืนหยัดในจุดยืนในการรักษา ปกป้อง และป้องกันอธิปไตยแห่งผืนแผ่นดิน รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนอย่างเต็มที่”
ทางด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการพูดคุยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กับ รมว.การต่างประเทศเวียดนามว่า เวียดนามรับทราบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ซึ่งได้บอกกับฝ่ายเวียดนามว่า ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชาแสดงความพร้อมเมื่อไหร่ เพราะเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา กัมพูชายิง BM-21 ข้ามมาฝั่งไทย ทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน แบบนี้กัมพูชาพร้อมจะหยุดยิงหรือไม่ เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะพูดเรื่องการหยุดยิง ต้องพูดกันด้วยความจริงใจ และอยากให้ฝ่ายสหรัฐอเมริกาที่อยากเห็นการหยุดยิงและสันติภาพ ต้องเข้าใจสถานการณ์อย่างแท้จริง เข้าใจความรู้สึกของคนไทย เข้าใจความรู้สึกของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชายกระดับตัวเองเป็นผู้ถูกกระทำ จะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ประเทศไทยอยากจะคุยอย่างจริงจังในประเด็นที่เป็นปัญหาระหว่างกันเพื่อหาทางออก แต่ถ้ากัมพูชาไม่พร้อมที่จะคุย สถานการณ์ต้องเป็นแบบนี้ เคยพูดหลายครั้งแล้วว่ามี 2 เส้นทาง เส้นทางหนึ่งคือ มีความขัดแย้งมากขึ้น มีความสูญเสียมากขึ้นต่อทั้งสองฝ่าย อีกเส้นทางหนึ่งคือสันติภาพ มีการพูดคุยกัน ตนยังรู้สึกว่าฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้ตัดสินใจว่าไปเส้นทางไหน เพราะฉะนั้นถ้ากัมพูชายังไม่ตัดสินใจ ประเทศไทยจะไปคนเดียวได้อย่างไร
เมื่อถามว่า จุดไหนที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่ากัมพูชาพร้อมที่จะพูดคุย รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องการหยุดยิง ก็หยุดยิงได้เลยสิครับ ถูกหรือไม่ ไม่ใช่พูดถึงการหยุดยิง แล้วก็ยังยิงซ้ำแล้วซ้ำอีก”
ส่วนการช่วยเหลือคนไทยออกจากกัมพูชาโดยเครื่องบินกลับประเทศไทย วันละ 1,000 ที่นั่งนั้น นายสีหศักดิ์กล่าวว่า หากออกทางชายแดนไม่ได้ ตามจุดผ่านแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปอยเปต อาจต้องใช้วิธีการเดินทางกลับด้วยเครื่องบินพาณิชย์ ซึ่งไทยมีเที่ยวบินที่ไปเมืองเสียมราฐของกัมพูชา วันละ 3 เที่ยวบิน จะทยอยพาคนไทยที่ประสงค์จะกลับประเทศไทยผ่านทางอากาศ
เมื่อถามถึงกรณีนายอันวาร์จะเรียกประชุม รมว.การต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ ต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เราพร้อมที่จะไปร่วม แต่ขึ้นอยู่ที่ว่าจะจัดประชุมได้หรือไม่ และประเทศอื่นๆ พร้อมที่จะไปด้วยหรือไม่ ทั้งนี้เรื่องที่สำคัญแบบนี้ต้องประชุมที่นั่นเลย เพราะการประชุมออนไลน์ไม่ทำให้สามารถคุยกันลงลึกอย่างแท้จริง เบื้องต้นได้พูดคุยถึงวันที่ประเทศไทยสะดวก ซึ่งเร็วที่สุดจะเป็นวันที่ 16 ธ.ค.นี้ ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ และได้ให้วันไป แต่ตอนนี้ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องวันประชุม และอาจไม่ได้ไปประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเราเสนอให้ไปประชุมที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของอาเซียน
ส่วนกรณีกองทัพต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยชี้แจงประชาคมโลก ภายหลังตรวจพบสมุดจดบันทึกพิกัดการวางทุ่นระเบิดของทหารกัมพูชานั้น รมว.การต่างประเทศกล่าวว่า ได้ชี้แจงประเด็นนี้มาตลอดในทุกโอกาสและทุกเวที เช่น ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่นครเจนีวา พูดถึงกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดถึง 7 ครั้ง และได้เสนอในแง่ของถ้อยแถลง นำเสนอวิดีโอคลิปซึ่งทำมาในทุกเวที
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่กัมพูชาเริ่มกลับมาโจมตีพื้นที่พลเรือน จะยกระดับการชี้แจงตอบโต้อะไรเพิ่มเติมมากกว่าการประณามหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายทหาร ซึ่งรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในส่วนการปฏิบัติการทางการทูตพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติการทางทหาร การยกระดับอะไรต่างๆ คงเป็นเรื่องของฝ่ายทหาร
"ฝ่ายไทยไม่ได้ก้าวร้าว เรามีท่าทีที่ปกป้องผลประโยชน์ของเราอย่างเต็มที่อยู่แล้ว คงไม่ใช่ท่าทีที่ก้าวร้าว การที่ทหารไทยต้องสูญเสียขา แล้วเราออกมาแสดงท่าทีที่เข้มแข็งในเวทีระหว่างประเทศ" รมว.การต่างประเทศระบุ
ฟ้องยูเอ็นเขมรยิงพลเรือน
ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เมื่อเวลา 16.00 น. นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในหัวใจสำคัญในเรื่องความสูญเสียพลเรือนจากการโจมตีของฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งสะท้อนให้เห็นความแตกต่างระหว่างปฏิบัติการทางทหารของไทยและของกัมพูชา โดยไทยมีเป้าหมายทางทหารที่ชัดเจนต่างจากกัมพูชา ไม่มีเป้าหมายโดยเฉพาะ BM-21 ซึ่งได้รับผลกระทบต่อพลเรือนคนไทยอย่างร้ายแรง ทําให้เสียชีวิต 1 คน นอกจากนี้ เรื่องกัมพูชาละเมิดไม่ให้คนต่างชาติและคนไทยเดินทางข้ามประเทศทางบก ขณะที่ประเทศไทยปฏิบัติตามหลักสากลและกฎหมายระหว่างประเทศให้ความร่วมมือและดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับคนต่างชาติในประเทศไทย โดยเฉพาะคนกัมพูชา อย่างไรก็ตาม แม้การเดินทางทางบกมีส่วนที่ติดขัด ทางสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่พร้อมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางออกทางอากาศ โดยจะออกเอกสารฉุกเฉิน เที่ยวบินวันละ 1,000 ที่นั่งจากเสียมราฐ
"ในส่วนของข้อมูลข่าวสารที่มีการบิดเบือน ทางสถานเอกอัครราชทูตทั่วโลกของไทยได้ใช้ประโยชน์จากเอกสารที่ออกจากศูนย์แถลงข่าว ขึ้นเว็บไซต์เฟซบุ๊กสถานทูต 90 แห่งทั่วโลก เพื่อชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจนกับชาวต่างชาติและสื่อต่างประเทศ ถือเป็นอีกสมรภูมิหนึ่งในโซเชียลมีเดียที่มีความจำเป็นที่จะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง" นางมาระตีระบุ
ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพที่หนีภัยการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 10,000 คน พร้อมมอบเงินสนับสนุนในการจัดซื้อสิ่งของและอาหารดูแลผู้อพยพภายในศูนย์พักพิงจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของให้กับผู้อพยพที่ศูนย์พักพิงตำบลโคกม้า อ.ประโคนชัย ซึ่งมีผู้อพยพกว่า 1,000 คน รวมถึงให้กำลังใจ ชรบ.ที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยให้กับชาวบ้านชายแดน ก่อนเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบซึ่งรักษาตัวที่ รพ.ประโคนชัย
นายโสภณกล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ประสงค์ที่จะให้เกิดสงคราม การสู้รบครั้งนี้เกิดจากความจำเป็น เราจะต้องรักษาอธิปไตยไทย พวกตนไม่ได้หวังที่จะเอากระแสความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาเป็นกระแสทางการเมืองตามที่บางกลุ่มออกมาโจมตี อยากให้เข้าใจถึงโลกความเป็นจริง
"อย่าดรามาเฉพาะบุรีรัมย์ ที่มีความพร้อม ทุกคนทุกพื้นที่ทำได้เหมือนบุรีรัมย์ ที่นี่ไม่ได้เปิดเฉพาะตอนที่มีภัยสงคราม แต่ตอนสถานการณ์โควิดก็เป็นสถานที่รองรับช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน แต่บางคนที่ไม่ชอบก็พยายามดรามา" นายโสภณกล่าว และว่า รัฐบาลจะเยียวยาประชาชนให้สมกับสถานการณ์ที่เขาเดือดร้อน
จี้ทรัมป์ขอโทษคนไทย
ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา กรุงเทพฯ นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นหนังสือถึงนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจําประเทศไทย กรณีที่นายโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความกล่าวหาว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิดจำนวน 7 ครั้ง เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ อันเป็นข้อมูลเท็จที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทหารไทยและเกียรติภูมิของประเทศไทย ดังนั้นขอเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐ ขอโทษประเทศไทย และขอโทษคนไทย และทหารไทย รวมทั้งไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวในกิจการภายในของประเทศไทยและกัมพูชา ขอให้เป็นเรื่องของทวิภาคีในการเจรจาและแก้ไขปัญหากัน
วันเดียวกัน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะอดีต รมว.พลังงาน กล่าวถึงกรณีสังคมกำลังจับตาเรื่องการลักลอบส่งน้ำมันจากประเทศไทยไปยังประเทศกัมพูชาว่า เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลปัจจุบันต้องเข้ามารับผิดชอบในการวางระบบตรวจสอบและสั่งห้ามการส่งออกทรัพยากรที่เป็นยุทธปัจจัยของประเทศไปกัมพูชาทั้งทางตรงและทางอ้อม และต้องหาช่องทางทางกฎหมายลงโทษอย่างหนักด้วย
"เมื่อครั้งที่ผมดำรงตำแน่ง รมว.พลังงาน ก่อนเปลี่ยนรัฐบาล ได้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ยุติการส่งน้ำมันและไฟฟ้าไปเขมรแล้ว แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นมติเรื่องนี้ว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือไม่ เท่าที่ผมตรวจสอบในขณะนี้ยังไม่พบการส่งตรงไปทางเขมร แต่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีการส่งอ้อมผ่านไปทางสิงคโปร์ ซึ่งกำลังหาช่องทางตรวจสอบทางศุลกากรและช่องทางอื่นอยู่ครับ" อดีต รมว.พลังงานระบุ
นายนพดล อินนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU) 2543 และ 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา กล่าวถึงความคืบหน้าผลการศึกษา MOU 2544 ว่า ตอนนี้ศึกษาข้อมูลครบถ้วนแล้ว ในวันที่ 16 ธ.ค.จะมีการพิจารณาอีกครั้ง และจะขอมติที่ประชุมทันที ว่าควรที่จะคงอยู่ ยกเลิก หรือปรับปรุง MOU 2544 ซึ่งน่าจะได้ข้อยุติ
“จนถึงวันนี้ MOU บังคับใช้เป็นเวลา 24 ปี ที่ผ่านมาปรากฏว่าไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ประกอบกับข้อเสียอื่นๆ แล้ว เมื่อเทียบกับข้อดี ผมเห็นแนวโน้มว่าหลายท่านน่าจะไม่อยากให้ MOU อยู่ต่อไป ทั้งนี้ ต้องขอมติที่ประชุมเสียก่อนครับ” นายนพดลระบุ
นายนพดลกล่าวอีกว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตอนนี้ ตอนแรกเรามีแผนที่จะลงพื้นที่ภูมะเขือ แต่ก็ต้องเลื่อนไป จากที่ได้ไปลงพื้นที่ที่ผ่านมา จะเห็นว่ากัมพูชารุกล้ำแผ่นดินไทยมากพอสมควรในหลายจังหวัด มองว่าเป็นความชอบธรรมที่ทหารไทยต้องทวงคืนผืนแผ่นดินไทยกลับมา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกฯหนู กำชับ รมต. อย่าโดดประชุม ครม. พรุ่งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จะเดินทางออกจากพรรคภูมิใจไทย หลังจบการประชถมสส. ปรากฎว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ภูมิใจไทยคึกคัก! 'อนุทิน' สวมเสื้อให้ว่าที่ผู้สมัคร สส. อดีตเด็กเพื่อไทยโผล่พรึ่บ
ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ตลอดช่วงบ่ายยังคงมีอดีต สส. และนักการเมือง เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรคอย่างคึกคัก อาทิ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่ได้มีการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว
'อนุทิน' ลั่นภูมิใจไทยพร้อมทุกขุมกำลัง ก้าวสู่พรรคอันดับหนึ่ง เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าไม่ว่าพรรคภูมิใจไทยจะมาเป็นที่ 1 หรือที่ 2 จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชน นายอนุทิน ตอบว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อน ต้องคิดอีกเยอะ
ได้ฤกษ์‘บ้านใหญ่’แห่ซบ‘ภท.’
“ภูมิใจไทย” หัวกระไดไม่แห้ง บ้านใหญ่แห่สมัครสมาชิกพรรคเป็นทางการ
‘ราชสกุล’ร่วม ‘พระพิธีธรรม’ พระพันปีหลวง
ม.จ.ฑิฆัมพร ยุคล ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย "พระพันปีหลวง" ประชาชนตั้งใจเข้าสักการะพระบรมศพหน้าพระโกศ
ผงะ!จรวด‘จีน’โผล่ กองทัพยึดจากเขมร/เคอร์ฟิวตราด5อำเภอ/ชงปิดอ่าวไทย
"กองทัพบก" ลั่นต้องสถาปนาแนวชายแดนที่ถูกรุกล้ำกลับคืนมาให้ได้

