
‘สมชาย’ ตอกกลับ สว.ใหม่ ใครไร้มารยาท เย้ยแค่ ‘ว่าที่’ อย่าลำพอง ลั่นไม่ได้ยื้อ เก็บของออกไปหมดแล้ว แนะสงบปากสงบคำดีกว่า เอาเวลาไปอ่านกฎหมายก่อนมาตำหนิ
8 ก.ค. 2567 – เมื่อเวลา 09.10 น. ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกวุฒิสภา ว่า สว. ชุดนี้ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง และมีราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ สว. ชุดนี้ก็จะพ้นจากตำแหน่ง แต่ขณะนี้ยังทำหน้าที่อยู่ ทั้งประชุมวุฒิสภาและประชุมคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ
ส่วนญัตติที่เสนอสืบเนื่องจากปัญหาการเลือก สว. ชุดนี้ ที่มาตามรัฐธรรมนูญใหม่ตามบทหลัก ซึ่งนักวิชาการบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร จึงเกิดข้อสงสัยว่าที่ประชาชนร้องเรียน และเราเห็นจากข้อเท็จจริง จึงอยากจะขอศึกษาโดยใช้ระยะเวลา 30 วัน เชิญคณกรรมาธิการ (กมธ.) ของวุฒิสภา ผู้เกี่ยวข้อง 4 คณะ ได้แก่ กมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ , กมธ.การกฎหมายการยุติธรรม , กมธ.บริหารราชการแผ่นดิน และ กมธ.สิทธิมนุษยชน วุฒิสภา รวมถึงนักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญ และร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. มาร่วมด้วย เช่น นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ , นายเจษฎ์ โทณะวณิก และนายคมสัน โพธิ์คง โดยข้อสรุปที่ได้จากกรรมาธิการชุดนี้จะส่งต่อให้กับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาเพื่อร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รวมถึงส่งให้ กกต. ด้วย เพื่อใช้ในการศึกษา ถอดบทเรียน ส่วนเสียงของ สว.จะทำให้ญัตติผ่านได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แล้วแต่ที่ประชุม
เมื่อถามว่า การที่กำหนดกรอบระยะเวลาศึกษา 30 วัน คิดว่าการประกาศผลรับรอง สว. ของ กกต. จะล่าช้าใช่หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าวันนี้มีมติจาก กกต. ก็จะมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 9 ก.ค. แต่ถ้าวันนี้ที่ประชุมวุฒิสภามีมติตั้งกรรมาธิการที่ตนเสนอก็ถือว่าการตั้งกรรมาธิการนั้นตกไป และถือว่า สว. ชุดเก่าได้อภิปรายปัญหาต่างๆ ให้ประชาชนได้ทราบแล้ว
ส่วนที่มี สว. ใหม่ ทักท้วงถึงความเหมาะสมในการเปิดประชุมวุฒิสภาในเวลานี้ นายสมชาย กล่าวว่า ท่านคงไม่เข้าใจหน้าที่ ท่านอาจจะใหม่ ยังไม่เคยทำหน้าที่วุฒิสภาก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ถือว่าละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ การเสนอญัตติหรือแม้กระทั่งตั้งกระทู้ถามก็ยังคงทำอยู่
“ฝากถึงท่านที่วิพากษ์วิจารณ์ ท่านอาจจะยังเป็นว่าที่ ท่านยังไม่ค่อยรู้ระเบียบ ท่านค่อยๆ ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ระเบียบข้อบังคับวุฒิสภาก่อนจะมาตำหนิ สว. ชุดเก่า และ สว. ชุดเก่า ไม่ได้มีความประสงค์จะไปยื้อ จะไปอยากอยู่อะไร เก็บของหมดแล้ว และพร้อมจะส่งมอบ แต่อย่าลืมว่า สว. ชุดใหม่ ต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีนะ ท่านมาได้ด้วยการบล็อกโหวต ด้วยการฮั้วหรือไม่ ด้วยการจัดจ้างหรือเปล่า กกต. เขามีหน้าที่ตรวจสอบให้ถูกต้อง ผมเห็นหลายคนออกมาให้ตรวจสอบเปิดหีบ แต่ถึงเวลา ท่านกลับบอกให้เร่งรับรอง ไม่ต้องกลัวไม่ได้เป็นอย่างไรก็ได้เป็น ถ้าท่านถูก ท่านสุจริต ท่านเที่ยงธรรม แต่ถ้าไม่ถูก ไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม กกต. ก็ไม่รับรอง” นายสมชาย ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า บางคนอาจใช้คำค่อนข้างรุนแรง ถามถึงมารยาท นายสมชาย สวนกลับทันทีว่า “มีมารยาทอยู่แล้วครับ เพราะ สว. ชุดปัจจุบันมาถูกต้องตามกฎหมาย หลายท่านที่ออกมาพูดนั่นแหละไม่มีมารยาท เพราะท่านยังไม่ได้เป็น สว.”
นายสมชาย ยังฝากถึง สว. ชุดใหม่ที่จะเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ว่า การได้มาบางคนอาจจะมีปัญหา ดังนั้นความน่าเชื่อถือศรัทธาของประชาชน เป็นสิ่งท้าทายมาก ซึ่งกระบวนการได้มาเมื่อเป็นการเลือกกันเองอาจจะมีการผิดฝาผิดตัวอยู่บ้าง แต่อยู่ที่ท่านจะใช้ประสบการณ์ได้ตรงตามกลุ่มที่สมัครมาหรือไม่ ซึ่งต้องรอพิสูจน์ต่อไปว่าจะทำหน้าที่ได้หรือไม่ ถ้าทำได้ สังคมก็จะเห็นว่าวุฒิสภายังมีคุณค่า แต่ถ้าทำหน้าที่ไม่ได้ ก็เกรงว่าวุฒิสภาจะถูกบั่นทอนความศรัทธาของประชาชน แต่เท่าที่ดู สว. ที่จะเข้ามาใหม่ ส่วนใหญ่มีวุฒิภาวะ ยกเว้นบางคนที่ยังขาดประสบการณ์
ส่วนที่มีการย้อนว่า สว. ชุดปัจจุบันก็มาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายสมชาย ยอมรับว่า แน่นอน สว. ในอดีตทั้งหมดก็มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งการเลือก สว. ครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่ แค่มาจากการเลือกกันเอง ซึ่งเป็นที่เดียวในโลก แต่เห็นด้วยที่ สว. มาจากวิชาชีพต่างๆ แต่อาจจะไม่เห็นด้วยในส่วนที่ไม่มีการกลั่นกรอง เลือกตรงจากกลุ่มอาชีพ
“ถ้าจะบอกว่า สว. ชุดนี้มาจาก คสช. ก็ใช่ ไม่เห็นแปลก สว. ชุดที่จะเข้ามาใหม่อย่าเพิ่งลำพอง เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งการทำหน้าที่ของท่านจะเป็นเครื่องพิสูจน์มากกว่า บางคนก็สงบปากสงบคำก่อนดีกว่านะ พอผมออกไปแล้วค่อยใช้คำพูดของท่านให้เต็มที่ ตอนนี้ท่านยังไม่ได้เป็น เป็นแค่ว่าที่” นายสมชาย ระบุ
ทั้งนี้ ตนได้มติส่งเรื่องที่ส่อทุจริตเลือก สว. ไปให้ กกต.แล้ว 4 เรื่อง คือ 1.การจัดเลี้ยงของ สส. ที่จังหวัดอำนาจเจริญ กับ ผู้สมัคร สว. ในวันที่มีพระราชกฤษฎีการเลือก สว.แล้ว เพราะพบว่านักการเมืองดังกล่าวมีการส่งน้องสะใภ้ลง สว.และยังมีผู้สมัคร สว. อื่นไปร่วมงานเลี้ยงด้วย จากนั้นก็เห็นการลงสมัครกันเป็นทีม 2.เป็นคลิปของอดีต สส. และอดีตรัฐมนตรีท่านหนึ่ง แจกเงินที่วัดแสงจันทร์ อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับพ่อของผู้สมัคร สส. ซึ่งกลุ่มนี้ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง สว. ทั้งหมด 3 คน จากนั้นมีการจ่ายเงินผู้ที่ไปลงคะแนนตามโพยหลังวันเลือก สว.ระดับประเทศ เข้าข่ายการจ้างวาน ผิดกฎหมายเลือก สว.แน่นอน
3.การไม่ลงคะแนนของผู้สมัครทั้งในระดับอำเภอและจังหวัดจำนวนมาก และคะแนนเทไปลำดับที่ 1 ที่ 2 เกือบหมด นี่เป็นผลพวงมาจากการจัดตั้งไปเลือก และ 4.มีผู้สมัครจากจังหวัดตรัง ไปเลือก 10 อำเภอ แล้วรวมกันไปเลือกผู้สมัครจากอำเภอห้วยยอด ทั้ง 19 กลุ่ม ซึ่งเป็นความผิดปกติ นี่ยังไม่รวมการจดโพยเข้าไปเลือก จะเห็นได้จากคนที่เลือกเป็นแพ็กเกจเดียวกันอีก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นคะแนนที่ถูกจัดตั้ง จึงเสนอให้ กกต.เปิดหีบบัตรนับคะแนนใหม่ต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการรายงานความคืบหน้าจาก กกต. เลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อภิสิทธิ์' ลั่น ปชป.พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง
'อภิสิทธิ์' เผย 'ปชป.' พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง สั่ง 'รองหัวหน้าพรรค' เตรียมการ หลัง 'กกต.' ประกาศเขตเลือกตั้งใหม่ จนนครศรีธรรมราชหาย 1 เขต
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
มาดุ! 'บิ๊กเกรียง' ฉะคนปล่อยเฟคนิวส์ หาน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะเอาหัวเสียบประจาน
'บิ๊กเกรียง' รับมอบของบริจาคช่วยอุทกภัย ฉะ คนปล่อยเฟคนิวส์ หาว่าน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะหัวเสียบประจาน ถามเอาจากไหนมาพูด บอก เสียหาย ถ้าเล่นการเมืองกัน ทำขวัญของประชาชนตกต่ำ ให้กำลังใจ 'นายกฯอนุทิน-รัฐบาล' เชื่อทำตามแผนฟื้นฟู-เยียวยาอยู่แล้ว
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444


