'จตุพร' ฟันธงการเมืองข้ามขั้วตระบัดสัตย์ เดินมาถึงปลายทางใกล้จุดจบ

จตุพร ซัด ทักษิณ ตอกลิ่มแตกแยก บีบดึง มท.ให้เพื่อไทย อ้าง หนู-ภท.ไม่มีผลงาน เชื่อขยายเกมล่อ “หนู-เน” ยั้ว หวังเข้าทางปรับ ภท.พ้น ครม. เชื่อรัฐบาลง่อนแง่น คาดปรับ ครม.เกิดก่อน 13 มิ.ย. หวังไปสู่เป้ายุบสภาหลัง 13 มิ.ย.

31 พฤษภาคม 2568 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ออกอาการอยากได้กระทรวงมหาดไทย (มท.) กลับคืนพรรคเพื่อไทย เป็นเกมปั่นความขัดแย้งในรัฐบาลให้รุนแรงยิ่งขึ้น ถึงขั้นมีเป้าหมายปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล

อีกทั้งประเมินว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข วีโต้มติแพทยสภา เป็นเกมปั่นสถานการณ์ให้พรรคร่วมรัฐบาลหวั่นไหว และ รมว.สาธารณสุข จำเป็นต้องเล่นเกมด้วย โดยมีตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เป็นเดิมพัน ดังนั้น ถ้าไม่วีโต้คงอยู่พรรคเพื่อไทยลำบาก จึงต้องรักษาสถานภาพรัฐมนตรีของตัวเองเอาไว้ก่อน

ไม่เพียงเท่านั้น การวีโต้ของนายสมศักดิ์ แสดงถึงการยื้อเวลาเพื่อให้เกิดการล็อบบี้กรรมการแพทยสภาเข้าประชุมไม่ครบลงมติ 2 ใน 3 หรือจำนวน 47 คนจาก 70 คน ซึ่งมาจากตัวแทนแพทย์ 35 คนและเป็นกรรมการโดยตำแหน่งตำแหน่ง 35 คน

อย่างไรก็ตาม กรณีการเมืองเข้าแทรกแซงวงการแพทยสภาคงบานปลายและรุนแรงขึ้น สถานการณ์เช่นนี้พรรคเพื่อไทยเคยมีบทเรียนสำคัญจากยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยมาแล้วและคงจำได้เป็นอย่างดี เพราะครั้งนั้น หน่วยงานสาธารณสุขออกมาคัดค้านเป็นหน่วยงานแรกๆ แล้วลุกลามปลุกให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ ทยอยต่อต้านรัฐบาลด้วย

ดังนั้น หลัง รมว.สาธารณสุข วีโต้มติแพทยสภา ความไม่พอใจจะลามจากแพทย์ไปถึงภาคประชาสังคม และประชาชน โดยคาดว่ากว่าจะถึงวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งแพทยสภานัดประชุมลงมติยืนยันมติเดิม ความไม่พอใจรัฐบาลคงจะทวีรุนแรงขึ้น

"การวีโต้ของนายสมศักดิ์ ไม่ใช้ความจำเป็นต้องนำไปชี้แจงในศาลฎีกานักการเมือง แต่เรื่องใหญ่คือ ทักษิณ ป่วยจริงหรือไม่ และกรณีใบเสร็จ รพ.ตำรวจ ทำไมระบุแต่ค่าห้องพักชั้น 14 ซึ่งในส่วนนี้ศาลสามารถเรียกเอกสารจาก รพ.ตำรวจ ก็จะเข้าใจว่า ป่วยจริงหรือไม่”

พร้อมทั้งย้ำว่า ถ้าทักษิณ ป่วยจริง ใบเสร็จ รพ.ตำรวจ ต้องระบุการรักษาสอดคล้องกับเวชระเบียน ถ้าใบเสร็จมีแต่ค่าห้อง ค่านวดทำกายภาพบำบัด ค่าอาหาร โดยค่ารักษาคนป่วยแทบไม่มีการจ่ายเงิน ดังนั้น ข้อเท็จนี้จึงเป็นสาระสำคัญ ถ้าศาลสงสัยสามารถเรียก รพ.ตำรวจ มาไต่สวนได้

ส่วนวันที่ 13 มิ.ย.ทักษิณ จะไปนัดพร้อมหรือไต่สวนที่ศาลฎีกานักการเมืองด้วยตัวเองหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับใจของทักษิณจะกล้าเข้าคุกหรือไม่ โดยขณะนี้ยังไม่มีความมั่นใจ เพราะทักษิณ อ้างแต่รอฟังความเห็นของทนายและจะตัดสินใจในคืนวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งแสดงว่า จะรู้ผลมติของแพทยสภาจะใช้เสียง 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิมได้หรือไม่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในงานครบรอบ 25 ปีเนชั่นทีวี ทักษิณกลับปั่นสถานการณ์สะท้อนถึงความบาดหมางในพรรคร่วมรัฐบาลออกมาอีก โดยพูดชัดเจนจะดึงกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยมาให้พรรคเพื่อไทยดูแล

นอกจากนี้ ทักษิณยังกล่าวหาพรรคภูมิใจไทยทำผลงานในกระทรวงมหาดไทยไม่ได้เต็มที่ แต่กระทรวงอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้พรรคเพื่อไทยดูแล ก็ไม่มีกระทรวงไหนทำงานสำเร็จจนมีผลงานโดดเด่นเช่นกัน โดยเฉพาะกระทรวงคลัง พาณิชย์ และคมนาคม ประชาชนแทบส่ายหน้าหนีกับการทำงานไม่ตรงปก เพราะเงินหมื่นดิจิทัลก็เลื่อน สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ และทางด่วนพระราม 2 ยังทำให้ประชาชนเสี่ยงกับอุบัติเหตุรุนแรงอยู่เนือง ๆ

“เราพูดมาตั้งแต่ต้นว่า จะมีการปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลก่อนวันที่ 13 มิ.ย. แต่วันนี้ (30 พ.ค.) เริ่มแสดงความอยากได้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ทั้งที่เพิ่งกอดคอนายอนุทิน ชาญวีรกูล (เมื่อ 27 พ.ค.) ในงานปาฐกถาที่ ปปส. และบอกว่าดีกันอยู่เลย ดังนั้น คำพูดของทักษิณจึงต้องประเมินกันเป็นช่วงๆ เป็นตอนๆ ในแต่ละสถานการณ์ เพราะเปลี่ยนแปลงได้ตลอด”

ส่วนกระทรวงเกษตรฯ พรรคกล้าธรรมไม่มีปัญหากับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ จึงไม่เป็นเป้าหมายจะถูกดึงมาอยู่ใต้อำนาจพรรคเพื่อไทยเหมือนกระทรวงมหาดไทย ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมีปัญหากับทักษิณกรณีบ่อนกาสิโน

สิ่งสำคัญ เมื่อทักษิณ แสดงเจตนาอยากได้กระทรวงมหาดไทย ในวันครบรอบ 25 ปีเนชั่นทีวี เพราะรู้ว่า เป็นข่าวใหญ่ ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยจะนั่งมองตากันปริบๆ แล้วยอมให้ถูกปรับออกจากรัฐบาลหรือไม่

“ในแวดวงการเมือง นกมีหูหนูมีปีกทั้งนั้น เมื่อมีตัวละครสำคัญไปคุยกับผู้บริหารสื่อ 2 สำนัก โดยบอกว่า ต้นเดือน มิ.ย.จะเข้าไปพบผู้ใหญ่บางคนเป็นการส่วนตัว ดังนั้น อย่าได้ห่วงใย แล้วยังบอกอีกว่า ช่วงที่ผ่านมามีคนใกล้ชิดเอาของมามอบให้ ข่าวนี้รู้กันเต็มบ้านเต็มเมืองและในแวดวงการเมือง แต่ผมฟังแล้ว ไม่ค่อยเชื่อ”

พร้อมทั้งกล่าวว่า เมื่อข่าวนี้กระจายออกไป ในพรรคร่วมรัฐบาลเกิดอาการรวนขึ้นทันที่ ซึ่งไม่มีผลดีอะไรตามมา เพราะการแต่งนิยายพูดสองแง้ สามง่าม ยิ่งจะก่อความเสียหายและเป็นความเดือดร้อน ของตัวละครที่พูด ดังนั้นการพูดเช่นนี้ เท่ากับกดดันให้ภายในรัฐบาลสั่นไหวขึ้น เพียงเพราะต้องการปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล ไม่ใช่แค่ต้องการกระทรวงมหาดไทยตำแหน่งเดียวเท่านั้น

นายจตุพร ย้ำว่า แม้เหตุการณ์จะปรับ ครม. โดยเอากระทรวงมหาดไทยมาให้พรรคเพื่อไทย หรือ เอาพรรคภูมิใจไทยออกจาก ครม. ก็ตาม แต่เสถียรภาพรัฐบาลใหม่จะง่อนแง่นมากขึ้น นอกจากนี้ การปรับ ครม. ยังมีเป้าหมายลงมือก่อนวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งศาลนัดพร้อมหรือไต่สวนชี้ชะตาว่า ทักษิณ ได้ติดคุกแล้วหรือยัง

“การเมืองข้ามขั้วตระบัดสัตย์เดินมาใกล้เส้นทางจะจบ ถ้าพรรคภูมิใจไทยทำนิ่งเงียบ ไม่รู้ไม่ชี้ อยากได้มหาดไทยก็เอาไป แล้วนั่งอมยิ้มรอไว้ อยากทำอะไรก็เชิญ เพราะเห็นการเมืองปลายทางออกแล้วว่า อยู่กันไม่กี่วัน” นายจตุพร ประเมิน

อีกทั้งกล่าวว่า ความพยายามจะปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลมีมานานแล้ว กระทั่งเริ่มยกระดับความรุนแรงในรัฐบาลขึ้นถึงขั้นเล่นเกมฮั้ว สว. และยังเพิ่มความร้อนแรงเล่นเกมกับแพทยสภา รวมถึงปั่นสงครามปราบยาเสพติดกับว้าแดง แล้วให้คนชายแดนอีสานระทึกกับการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตลอดจนความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดถี่ขึ้น ย่อมสะท้อนถึงเวลาการเมืองของรัฐบาลใกล้จบลงแล้ว

“คาดว่าประมาณสัปดาห์ที่ 2-3 ของเดือน มิ.ย. กรณีการปรับพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลคงจะมีความชัดเจนขึ้น ดังนั้น การแสดงอาการอยากได้กระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยในงานครบรอบเนชั่นทีวี 25 ปีจึงเป็นเกมปั่นเขย่าความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลอย่างมีเป้าหมายและจงใจป่วนอย่างที่สุด” นายจตุพร ย้ำ

นอกจากนี้ คาดว่า สถานการณ์การเมืองของรัฐบาลจะคลอนแคลนยิ่งขึ้นและจะมีแรงเหวี่ยงมาถึงงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาทที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาด้วย เพราะการเล่นการเมืองภายในรัฐบาลที่นับวันรุนแรงขึ้น ย่อมทำให้พรรคเพื่อไทยไม่อาจมีเวลาได้ใช้งบประมาณ 2569 เพราะโอกาสยุบสภาคงเกิดขึ้นก่อน