'ช่อ' ชี้ 'อิ๊งค์' ขาดภาวะผู้นำ ไร้เดียงสาทางการเมือง แนะรัฐบาลตอบโต้กัมพูชาโดยไม่รบ

'ช่อ' แนะ ควรปรับปรุงภาวะผู้นำ หลัง วีนสื่อ ถามปมร้อนชายแดน ​ชี้​ หามาตรการควบคู่เจรจา​ JBC​ ลด สัมพันธ์ฮุนเซน-ชินวัตร ​ลง บอก ตกใจ 'นายกฯ' รับ ผู้นำไทย-กัมพูชา เป็นเพื่อนกัน ทั้งที่สถานการณ์เป็นแบบนี้

4 มิถุนายน 2568 - ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการแก้ปัญหาของรัฐบาลกรณีชายแดนไทยกัมพูชา ว่า อย่างน้อยที่สุดต้องชมรัฐบาล​ โดยเฉพาะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลก ขอให้เป็นเรื่องที่แขวนลอยอยู่บนอากาศเพราะมีการโยนมาจากฝั่งกัมพูชาหลายวันแล้ว ซึ่งกลไกทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศจะเป็นกลไกที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด ในการคลี่คลายความขัดแย้งทางชายแดน โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นศาลโลก

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า วุฒิภาวะและภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรียังถือว่าพร่อง หลายวันที่ผ่านมาเราเห็นทั้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและบิดาของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาซึ่งดำรงตำแหน่งประธานองคมนตรี ออกมาตอบโต้โจมตีไทยทุกวัน แต่การตอบโต้ของประเทศไทยเราจะเห็น เพียงแต่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออกมาแถลง ส่วนวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีแถลงเรื่องดังกล่าวควรเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ แต่กลายเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีไม่พอใจนักข่าว ที่ไปสอบถามในประเด็นนี้ จุดยืนของไทยอ่อนไปหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องนี้ที่ประเทศชาติอยู่ในสภาวะวิกฤตทางชายแดนแบบนี้

"เราต้องการภาวะผู้นำจากนายกรัฐมนตรีนี่คือสิ่งสำคัญที่สุด แต่สิ่งที่เราได้รับในวันนี้ต้องขอให้นายกรัฐมนตรี ปรับปรุงจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ท่าทางเขาตอบโต้กลับมาโดยการใช้ นายกรัฐมนตรีหรือพ่อของนายกรัฐมนตรี อย่างน้อยที่สุดทางการไทย ก็ต้องให้นายกรัฐมนตรีตอบ ไม่ได้ตอบโต้เพื่อท้าตีท้าต่อย แต่มีหลากหลายวิธีที่จะยืนยันในจุดยืน และเกียรติภูมิของประเทศของเรา โดยผู้นำของเราเอง" น.ส.พรรณิการ์กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นต่อมาคือการแสดงจุดยืนและนโยบายที่เป็นรูปธรรม ว่าเราจะตอบโต้กัมพูชาอย่างไร โดยที่ไม่ใช่การรบ วันนี้ นายภูมิธรรม พูด 1 ประโยคที่ ตนก็ตกใจเหมือนกัน ที่บอกว่า"คนไทยอย่ารู้มากไปเลย เดี๋ยวจะเสียเปรียบในการเจรจา รัฐบาลเตรียมไว้อยู่แล้ว" คือพูดในทำนองว่า"เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย เชื่อเถอะว่าเอาอยู่เตรียมไว้หมดแล้ว ถ้าพูดออกไปเยอะเดี๋ยวจะไปเสียเปรียบเขา"ซึ่งตนคิดว่าถ้าเราพูดโดยรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลเอาอยู่จัดการได้ ยังพอฟังแต่ถามประชาชนทุกคนว่าวันนี้ รัฐบาลเรามีเครดิตขนาดนั้นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือเวทีระดับ ระหว่างประเทศ รัฐบาลเราได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ จากประชาชนในระดับนั้นหรือไม่

"ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเพื่อไทยจริงๆ ที่ประเทศเผชิญวิกฤตแบบนี้ แล้วยังมีรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพ ขาดความมั่นใจจากประชาชน ขาดแรงหนุนจากประชาชน แต่ในเมื่อเป็นแบบนั้นไปแล้ว แทนที่จะบอกว่าให้เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย แต่สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสร้างเครดิตให้กับรัฐบาลในภาวะฉุกเฉินแบบนี้ คือต้องเอาให้ชัดว่าจะทำอย่างไร" น.ส.พรรณิการ์กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ส่วนอีกข้อกังวลจากการที่ได้ฟังคำพูดของนายภูมิธรรมวันนี้ ที่ฝากความหวังไว้ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee : JBC) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. การเจรจาโดยใช้กลไกปกติที่มีอยู่แล้ว เป็นเรื่องดี แต่ก็ขอฝากไปให้พิจารณาว่า โต๊ะกลไก JBC ซึ่งเป็นกลไกปกติ เพียงพอหรือไม่ ในการคลี่คลายสถานการณ์วิกฤต ในรอบนี้เพราะทางฝั่งกัมพูชาทั้งนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและ นายฮุน เซน ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ดูแล้วโหมกระพือหนัก คิดว่าเป็นไปได้ยากที่จะยอมลงให้กันในJBC เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะสงบอยู่ในที่ตั้งและรอเจรจาใน JBC อย่างเดียว รัฐบาลไทยควรพิจารณามาตรการควบคู่กันไป ซึ่งมีหลากหลายวิธีที่ไม่ใช่การแสดงออกทางการทูต เช่น ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปอยเปต ตัดไฟตัดเน็ตที่ส่งไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องเหล่านี้ได้ประโยชน์ทั้งฝั่งไทย และได้ประโยชน์กับทั้งฝั่งคนที่เป็นประชาชนชาวกัมพูชา เพราะเราไม่ได้ไปตัดน้ำตัดไฟประชาชน แต่เราตัดไฟตัดเน็ต แก๊งคอลเซ็นเตอร์

"อย่างที่นายรังสิมันต์ โรม บอกเช็คเลยบรรดาออกญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีทรัพย์สินเท่าไหร่ในเมืองไทย DSI อายัดได้หรือไม่ เรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นกระบวนการที่เราสามารถทำได้ ภายใต้กรอบกฎหมายของเรา ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงท่าที ที่เราตอบโต้อย่างรักษาเกียรติภูมิของประเทศ และไม่ได้เป็นอันธพาล ไม่ได้เป็นการท้าตีท้าต่อย จึงอยากให้รัฐบาลพิจารณา เพราะลำพังหวังเพียงการเจรจาใน JBC ต้องบอกตามตรงว่า ดูจากประวัติที่ผ่านมาของการการดำเนินนโยบายต่างประเทศของฮุนเซน ถ้าเขายอมลงให้เรารอบนี้ใน JBCถือว่าแปลกมาก คงจะไม่ใช่อดีต นายกฮุน เซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางมาไกลขนาดนี้แล้ว ถึงขั้นพูดว่าจะเป็นฉนวนกาซ่า หรือจะเอาขึ้นศาลโลก ดิฉันคิดว่าไทยเองควรจะต้องตอบโต้ ให้อยู่ในน้ำหนักเดียวกับ ที่กัมพูชาตอบโต้กับเรา" น.ส.พรรณิการ์กล่าว

ส่วนที่มีความพยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างนายฮุน เซนกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะเป็นผลดีหรือผลเสียนั้นน.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า เมื่อฟังคำพูดของนายกรัฐมนตรี​ ในวันนี้เป็นคำพูดที่น่าตกใจ ที่ยอมรับว่าผู้นำไทยกับกัมพูชาเป็นเพื่อนกัน คำนี้ถ้าพูดกันในภาวะปกติไม่แปลก ผู้นำประเทศในไหนก็เป็นเพื่อนกันได้อยู่แล้ว เพียงแต่การพูดในสถานการณ์แบบนี้ นายกรัฐมนตรี​ อาจจะขาดความเข้าใจ สถานการณ์ทางการเมืองภายในกัมพูชา​ นายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านพลัดถิ่นของกัมพูชา โจมตีรัฐบาล นายฮุน เซน นายฮุน มาเนตมาโดยตลอด ว่า​ เป็นพวกที่ขายชาติ เป็นคนที่มาเกี้ยเซี้ยกับตระกูลชินวัตรของไทย ทำให้ผลประโยชน์แห่งชาติของกัมพูชาสูญเสียไป และมีการคาดการณ์กันว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ นายฮุน เซน นายฮุน มาเนต มีท่าทีแข็งกร้าว เพื่อลบข้อครหาที่ว่าทางตระกูลฮุนเซนกับตระกูลชินวัตร เกี้ยเซี้ยกันเพื่อประโยชน์ของตนเอง และละเลยผลประโยชน์ชาติ

"เพราะฉะนั้นคำพูดของนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ดิฉันจึงถือว่า เบาที่สุด คือนายกรัฐมนตรีขาดความเข้าใจอย่างหนัก และคิดว่าอาจจะไร้เดียงสาทางการเมืองเกินไป ในการที่พูดประโยคนี้ออกมา ซึ่งเราไม่รู้ว่าทางกัมพูชา จะนำไปต่อยอดหรือนำไปปั่นกระแส กันมากแค่ไหน แต่ในเมื่อพูดออกไปแล้วเราก็ต้องเฝ้าระวัง และติดตามอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ ณ ตอนนี้สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยุติการชูความสนิทสนมส่วนบุคคลเพราะนี่คือเรื่องของบูรณภาพทางดินแดน นี่เป็นเรื่องของผลประโยชน์รัฐต่อรัฐ " น.ส.พรรณิการ์กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นในกลไกของกระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่ากลไกเหล่านี้รวมถึงทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน เป็นกลไกปกติ แบบรัฐต่อรัฐ ที่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ ขอให้หยุดใช้เรื่องส่วนตัวหรือสายสัมพันธ์ส่วนตัว มาบอกว่าคลี่คลายสถานการณ์ได้ ด้วยความสนิทสนมกัน เพราะยิ่งเหมือนกันราดน้ำมันลงบนกองไฟ จะทำให้คุณเซ็นอาจจะต้องตอบโต้ ด้วยท่าทีแข็งกร้าว ยิ่งขึ้นเพื่อลบข้อครหาที่เขาถูกโจมตี

ส่วนที่มีหลายคนเป็นห่วงว่าครั้งนี้ไทยอาจจะเสียดินแดนไปอีก เหมือนเช่นครั้งเขาพระวิหาร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่าเราจะเสียดินแดน เรื่องนี้ อย่างไรก็จะสามารถคลี่คลายไปได้ แต่สิ่งที่อยากให้ระวังคือกระแสชาตินิยมเข้มข้น​ ชาตินิยมสุดโต่งกันในช่วงนี้ ด้วยการกระตุ้นความยั่วยุ จากประเทศข้างๆ ซึ่งก็เห็นกันอยู่ว่ามีความพยายามยั่วยุปลุกปั่นเพื่อคะแนนนิยม ภายในประเทศของเขาจริงๆ ตนอยากจะเตือนประชาชนคนไทยว่าอย่าไปเข้าทางเขา เรื่องการเสียดินแดนไม่เสียหรอก เราจะสามารถพูดคุยเจรจา และใช้มาตรการตอบโต้ อื่นๆที่ไม่ใช่การสู้รบ ในการจัดการปัญหานี้ได้ เพียงแต่ขอให้รัฐบาล มีท่าทีที่ชัดเจน และเข้มแข็งกว่านี้ ในการตอบโต้กับกัมพูชาที่มีน้ำหนักเสมอกัน​

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ช็อก! ‘ช่อ’ คาดสังเวยน้ำท่วมทะลุพันศพ จวกคนโง่มาบริหารประเทศ

ช่อ พรรณิการ์ ระบุการบริหารที่ไร้องค์ความรู้ทำให้ประชาชนต้องสังเวยชีวิตซ้ำ ทั้งช่วงโควิดและน้ำท่วมหนักหาดใหญ่-ใต้ 10 จังหวัด พร้อมคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กว่าเดิมประเมินตายหลักร้อย แต่ตอนนี้อาจพุ่งถึงหลักพันเพราะคนถูกตัดขาดอาหาร-น้ำหลายวัน

ปักหมุดอ้างอิงชั่วคราวชายแดนไทย–กัม พูชา 8.3 กม.แล้ว!

ทร.เผยปักหมุดอ้างอิงชั่วคราว ชายแดนไทย–กัมพูชา (บริเวณหลักเขตที่ 52–59) อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร รวม 166 หมุด

เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7

กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง

'ทภ.2' ซัดเขมรปั่นฮีโร่ ใช้คนป่วยจิตรบ ขัดหลักสากลไร้มนุษยธรรม

'ทภ.2' ตอกหน้าสื่อเขมรปั่น 'ฮีโร่' คืนสนามรบ ที่แท้เชลยศึกไทยปล่อยตัว เหตุพิษสุราเรื้อรัง-เสียสติ ซัดกัมพูชานำคนป่วยจิตกลับมารบ ขัดหลักสากล-ไร้มนุษยธรรม