'พล.อ.เกรียงไกร' เรียกร้องรัฐบาลเปิดประชุมรัฐสภา รับฟังความเห็นแก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

'บิ๊กเกรียง' หนุน เปิดอภิปรายทั่วไป ม.153 เพื่อให้ 'รัฐบาล' นำความเห็นไปกำหนดนโยบาย ลั่น เกมการเมืองที่เกิดขึ้น ขอให้คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ-อธิปไตย-บูรณภาพเหนือดินแดน ที่บรรพบุรุษเอาเลือด-เนื้อ-ชีวิต เข้าแลก ชี้ หาก ครม. เข้าที่ประชุม สว. ก็จะได้แจงปม 'นายกฯไทย หัวใจกัมพูชา' ด้วย

16 มิถุนายน 2568 - ที่รัฐสภา พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์กรณีพิพาทชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาในขณะนี้ เป็นผลบวกต่อไทยหรือไม่ ว่า จากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่า ผลของการประชุมทั้ง 2 วัน ยังไม่ได้ข้อยุติ เป็นเพียงเรื่องของการพูดคุยกันของคณะกรรมการ ชายแดนไทย-กัมพูชาแค่นั้น ซึ่งพูดคุยกันเรื่องของการปักปันเขตแดน ไม่ได้พูดคุยถึงกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น

ส่วนการที่ฝ่ายกัมพูชาหยิบยก เรื่องจะนำพื้นที่ทั้ง 4 พื้นที่ที่พิพาทกันไปขึ้นศาลโลก หรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอีกนั้น ตรงนี้เนี่ยในส่วนของรัฐบาลเอง จะต้องยืนยันว่า ประเทศไทยจะไม่นำเรื่องนี้ และจะไม่ยอมรับที่จะไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นอันขาด

ประการที่ 2 เราก็ทราบว่า ในส่วนของการนำแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นเอกสารที่ไม่ได้รับการรับรอง และมีความละเอียด น้อยกว่าถึง 4 เท่า ของแผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่เรายึดอยู่ ที่มีรายละเอียดในเรื่องการปักปันเขตแดนของสันปันน้ำ ถึง 4 เท่าด้วยกัน เพราะฉะนั้น ทั้ง 2 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญที่รัฐบาลจะต้องยืนยัน และรัฐบาล จะต้องชี้แจงให้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย ได้รับรู้รับทราบ ไม่ใช่ในปัจจุบันมันมีการบิดเบือน จนกระทั่งข่าวในขณะนี้ ทำให้พี่น้องประชาชนคนไทย ตื่นตระหนกมาก

อีกประการหนึ่งที่สำคัญ ตนคิดว่ามาตรการที่รัฐบาลมอบหมายให้กับฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง หรือกองทัพบก ในการประกาศการดำเนินการใดๆ ที่จะตอบโต้ ทั้งในเรื่องของการเปิดปิดด่านชายแดนของกองกำลังทั้ง 3 กองกำลัง ตรงนี้ต้องกระชับ เข้มงวด และให้อำนาจในส่วนของ การปฏิบัติ ฝ่ายความมั่นคงที่เขาอยู่หน้าแนวอย่างทันท่วงที

ไม่เช่นนั้นแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่เราตอบโต้ไป ถ้าเราไม่เข้มงวด หรือไปผ่อนปรน ฝ่ายกัมพูชาเอง ก็ไม่สนใจ เพราะเขาก็มีมาตรการตอบโต้ ซึ่งดูแล้ว ในเรื่องของการปรับเวลาอะไรต่างๆ นั้น หากไปทำให้ตามใจที่กัมพูชาเขาต้องการ มันก็ไม่ได้เป็นมาตรการที่ไปกดดันให้รัฐบาลกัมพูชาต้องตอบสนองต่อการพูดคุย

"ต้องยืนยันหนักแน่น ในเรื่องของการพูดคุย ในกรณีพิพาทที่เกิดขึ้น มันมีกลไกอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC), คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) หรือ JBC ก็เป็นขั้นเป็นตอนอยู่แล้ว ซึ่งเราแก้ไขปัญหาตรงนี้กันมาด้วยดีตลอด เพราะฉะนั้น เกมการเมืองต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น ผมก็ขอให้คิดคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ คิดคำนึงถึงอธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน ที่บรรพบุรุษของเรา เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต เข้าแลกเอาไว้ เราต้องปกปักรักษาถึงที่สุด" พลเอกเกรียงไกร กล่าว

พลเอกเกรียงไกร ยังขอฝากไปยังพี่น้องประชาชน ฝากไปยังรัฐบาล ว่า เราต้องการให้เปิดการประชุมสมัยวิสามัญขึ้นมาของรัฐสภา เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ได้เสนอไป แต่ทางฝั่งรัฐบาลปฏิเสธมาว่า ไม่มีความจำเป็น แต่จริงๆ แล้ว เรามองเห็นว่า ถ้ารัฐบาลได้รับฟังสมาชิกรัฐสภาให้ได้มีโอกาสในการเสนอความคิดเห็น ได้มีโอกาสในการท้วงติง ได้มีโอกาสในการนำข้อเสนอแนะ และข้อมูลต่างๆ ที่พูดคุยกันในสภา มันจะทำให้รัฐบาลได้ข้อมูลต่างๆ อย่าง อย่างรอบด้าน แบะสามารถเก็บเกี่ยวข้อมูลเหล่านั้น เพื่อที่จะไปแสวงหาข้อตกลงใจ และกำหนดแนวทางในการแก้ไขข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งระยะสั้น และระยะยาว รวมถึงเราสามารถกำหนดเป็นนโยบาย ให้หน่วยปฏิบัติ นำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างชัดเจน โดยที่รัฐบาล จะมีหลังพิงคือ เสียงของสมาชิกทั้ง 2 สภา ที่ได้เปิดอภิปรายกัน

ถ้าเราเปิดอภิปรายของรัฐสภาขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็จะได้ฟังข้อมูลต่างๆ ได้ฟังความคิดเห็นจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลในการที่จะนำเสนอ ได้ความคิดเห็นจากวุฒิสภา ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้น เพราะอย่าลืมว่า ไม่ใช่เฉพาะกรณีที่น้ำเย็นอย่างเดียว แต่ตลอดแนวที่เรามีพรมแดนติดต่อกัน เราไม่มีโอกาสที่จะยกดินแดนแยกจากกันได้ ทั้ง 2 ประเทศ

เพราะฉะนั้น การพูดคุยทวิภาคี คือการพูดคุยในกรอบ และมีความจำเป็น จึงอยากจะให้ทาง รัฐบาลได้นำไปสู่การรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนอย่างรอบด้าน และไปกำหนดเป็นนโยบาย แต่เมื่อไม่สามารถเปิดการประชุมสมัยวิสามัญของรัฐสภาได้ สมาชิกวุฒิสภาจึงพร้อมใจกัน ที่จะขอเปิดอภิปรายทั่วไป กับคณะรัฐมนตรีขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทางคณะมนตรีได้มีโอกาสในการมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนทราบ และให้สภาทราบ โดยสมาชิกวุฒิสภาของเรา ก็จะได้มีโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ไม่ว่าจะคัดค้าน หรือสนับสนุน มาตรการใดก็แล้วแต่ เพื่อให้รัฐบาลจะได้นำไปสู่การตัดสินใจ

เมื่อถามว่ากลไกการหารือนี้ จะยังใช้ได้หรือไม่ พลเอกเกรียงไกร มองว่า ตามข้อมูลและเหตุผลที่ตนได้บอกไป ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ แต่สิ่งที่ทางวุฒิสภาเราทำได้ คือใช้ชื่อ 1 ใน 3 ในการที่จะขอเปิดอภิปรายทั่วไป และคณะรัฐมนตรี เพื่อที่จะได้รับฟังความคิดเห็นต่างๆ รัฐบาลก็จะได้มาตอบในข้อคิดเห็น ข้อซักถาม เป็นการชี้แจงให้กับวุฒิสภาได้รับรู้รับทราบในสิ่งที่รัฐบาลทำลงไป ส่วนจะมีผลอย่างไรก็แล้วแต่ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็จะได้ฟังความคิดเห็นจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อที่จะให้หน่วยปฏิบัติข้างล่าง หรือหน่วยที่อยู่หน้าแนวได้นำไปสู่ปฏิบัติ ไม่เฉพาะทหาร แต่มีทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายพลเรือน และพี่น้องประชาชน จะได้เข้าใจในแนวนโยบายที่รัฐบาลกำหนดมา และสามารถที่จะนำไปปฏิบัติแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นเอกภาพมีทิศทางเดียวกัน

สำหรับกรณี MOU 43 ที่มีบางฝ่ายอยากให้ยกเลิกนั้น จริงๆ แล้ว ก็ไม่ได้ยอมรับ ในแผนที่ 1 ต่อ 200,000 อยู่แล้ว จึงมองว่า ถ้าดำเนินการไปไม่เสียเปรียบ

สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกฯ ไทย หัวใจกัมพูชานั้น พลเอกเกรียงไกร ระบุว่า อันนี้พี่น้องประชาชนว่า ตนไม่ได้ว่า แต่การที่ประชาชนเขากล่าวหาในโซเชียมีเดีย รัฐบาลก็ควรจะได้แถลงข้อเท็จจริงว่า มันเป็นอย่างไร ไม่ใช่หัวใจกัมพูชามันคืออะไร ยังได้แก้ตรงนี้ในการตอบคำถามในสภา ที่ตนขอเปิดอภิปรายทั่วไป รัฐบาลก็จะได้ตอบข้อสงสัยว่า ที่พี่น้องประชาชนพูดอย่างนั้น มันไม่จริง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปักหมุดอ้างอิงชั่วคราวชายแดนไทย–กัม พูชา 8.3 กม.แล้ว!

ทร.เผยปักหมุดอ้างอิงชั่วคราว ชายแดนไทย–กัมพูชา (บริเวณหลักเขตที่ 52–59) อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร รวม 166 หมุด

เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7

กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง

'ทภ.2' ซัดเขมรปั่นฮีโร่ ใช้คนป่วยจิตรบ ขัดหลักสากลไร้มนุษยธรรม

'ทภ.2' ตอกหน้าสื่อเขมรปั่น 'ฮีโร่' คืนสนามรบ ที่แท้เชลยศึกไทยปล่อยตัว เหตุพิษสุราเรื้อรัง-เสียสติ ซัดกัมพูชานำคนป่วยจิตกลับมารบ ขัดหลักสากล-ไร้มนุษยธรรม

'โฆษกรัฐบาล' ย้ำทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ ปรามสื่อมาเลย์ให้ระวังมากขึ้น

'โฆษกรัฐบาล' ย้ำทหารไทยเหยียบ 'ทุ่นระเบิดใหม่' หลังสื่อมาเลเซียรายงานข้อมูลคลาดเคลื่อน เตือนเรื่องละเอียด่อน ขอระมัดระวังการสื่อสาร