อดีต สส.นครศรีธรรมราช ชี้ปมคลิปหลุดแพทองธาร ทำให้สังคมกดดันนายกฯต้องแสดงความรับผิดชอบ เสนอ “ยุบสภา” เป็นทางออกในระบบประชาธิปไตย ย้ำมีข้อดีกว่าลาออกทั้งในแง่การเปิดทางคนใหม่ กระตุ้นเศรษฐกิจ และปลดล็อกทางการเมือง
21 มิถุนายน 2568 - นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ยุบสภา“ดีกว่า“ลาออก” ระบุว่า หลังจากกรณีคลิปหลุด หรือคลิปปล่อยจากประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นคลิปที่มีการสนทนากัน ระหว่างนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย กับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ประเทศกัมพูชา เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุม ถึงความเหมาะสมของการสนทนาภายในคลิป ของนางสาวแพทองธาร จนมีกระแสเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร แสดงความรับผิดชอบทางการเมือง โดยการลาออกหรือยุบสภา ซึ่งทั้ง2ทางเลือก ถือว่าเป็นแนวทางของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งนางสาวแพทองธาร จะตัดสินใจลาออกหรือยุบสภาก็ได้
แต่ส่วนตัวในฐานะที่เป็นนักการเมืองมาก่อน เป็นสส.มาร่วม 20 ปี เห็นว่าการยุบสภา มีผลดีกว่าการลาออกอยู่หลายประการ คือ
1.ถ้านายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดโอกาสให้มีการสรรหานายกรัฐมนตรีใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน จะสรรหาหรือเลือกจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคการเมืองเท่านั้น ซึ่งในขณะนี้รายชื่อเหลืออยู่จำนวนน้อยมาก
2.ถ้ามีการยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน พรรคการเมืองสามารถนำเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ๆได้ และประชาชนก็สามารถตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่ชื่นชอบ ให้มาเป็นผู้บริหารประเทศ หรือเป็นรัฐบาลได้
3.เป็นการสลายขั้วทางการเมือง ซึ่งในขณะนี้มีการจับขั้วกัน หรือต้องกระโดดข้ามขั้วกัน ถ้าหากยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เป็นการสลายขั้วใหม่ทั้งหมด หลังเลือกตั้งแล้วค่อยมาจับขั้ว หรือจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้
4.อายุของรัฐบาลชุดนี้ มีอายุเกินครึ่งวาระ หรือเกินครึ่งเทอมแล้ว ถือว่าเป็นรัฐบาลมานานพอสมควร ถึงเวลาคืนอำนาจให้ประชาชน หรือยุบสภาให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ได้ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลก็ไม่ได้สร้างผลงาน หรือทำงานให้เป็นที่พอใจของประชาชน ก็ควรคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจใหม่
5.เป็นการปลดล็อคทางการเมือง หากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ท่ามกลางเสียงเรียกร้อง กดดันให้นายกรัฐมนตรีรับผิดชอบ มีการชุมนุมขับไล่รัฐบาล หากรัฐบาลตัดไฟแต่ต้นลม นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ให้ไปเลือกตั้งใหม่ ถือว่าเป็นการหาทางออกให้การเมือง ทำให้การเมืองจะไม่ถึงทางตัน และการเลือกตั้งใหม่ก็เป็นไปตามกลไกการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
6.เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า เพราะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จะทำให้เงินสะพัดไปทั่วประเทศ อย่างน้อยๆประมาณ 50,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง การหาเสียง กระบวนการต่างๆ รวมไปถึงการซื้อเสียงของนักการเมือง หรือพรรคการเมืองต่างๆซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมือประชาชนโดยตรง
สำหรับข้อเสียของการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ คนที่ไม่ชอบคงมีแต่สส. ที่กลัวว่า เลือกตั้งใหม่ จะไม่ได้รับเลือกตั้งกลับมาเป็นสส.อีก กับพรรคการเมืองที่ต้องหาทุน หาเงินซื้อตัวสส. เพื่อให้ส.ส.ไปซื้อเสียงในสนามเลือกตั้ง ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล น่าจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่สนับสนุนการยุบสภา
แต่ว่าในทางการเมือง การยุบสภาคือ วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ร้องข้ามกำแพงคุก!! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ร้องข้ามกำแพงคุก!! ห้องข่าวไทยโพสต์ : ประจำวันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
🛑LIVE คิด - วิเคราะห์ - แยกแยะ!! ภาพร่วมเฟรม 'เจ้าพ่อสแกม' | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ :วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
'กัณวีร์' โร่แจงโดนปลดพ้นเลขาฯพรรคเป็นธรรม
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ตามที่พรรคเป็นธรรมได้ออกแถลงการณ์เรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งภายในพรรค และมีมติปลดผมออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค ผมขอเรียนชี้แจงต่อสาธารณชนและพี่น้องประชาชนดังต่อไปนี้
'อนุทิน' ยันไม่มีดีลเพื่อไทยชะลอยื่นซักฟอกรัฐบาล
"อนุทิน" ลั่นเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอเลือกตั้ง ยังไม่บอกพร้อมจับมือหลังลต.กับพรรคใด ไม่กังวลกระแสตกห่วงแต่แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ไม่ทันใจ


