'ธนกร' หนุนคนไทยซัพพอร์ตทัพภาค 2 เต็มที่ ลั่น มทภ.2 ยึดความปลอดภัยกำลังพลมาก่อน สวน 'โรม' บางพรรคแซะกองทัพไม่เลิก เหน็บหันดูตัวเองบ้างเปิดระบบรับบริจาครายเดือนไม่แผ่ว
14 ส.ค.2568 - นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตำหนิกองทัพภาคที่ 2 ที่เปิดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชนว่าไม่เหมาะสม ว่า ที่ผ่านมานายรังสิมันต์ก็ได้เห็นภาพความสูญเสียจากเหตุการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามาแล้ว ซึ่งขณะนี้มีบริเวณพื้นที่ครอบคลุมถึง 7 จังหวัดแล้ว ส่งผลให้พี่น้องประชาชนพลเรือน ต้องบาดเจ็บล้มตายและอพยพหลายแสนคน ซึ่งการเปิดรับบริจาคของกองทัพภาคที่ 2 ครั้งนี้ เป็นการขอรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงเพื่อใช้ในพื้นที่สำคัญที่เป็นอธิปไตยของไทยอย่างเร่งด่วน จึงเป็นเหตุผลในการเปิดรับการสนับสนุนลวดหนามหีบเพลงในครั้งนี้ เนื่องจากความเร่งด่วนฉุกเฉินเฉพาะหน้าที่จำเป็นต้องใช้ทันที หากจะต้องรอระบบราชการ ขั้นตอนการจัดซื้อที่มีความละเอียดรอบคอบซึ่งต้องใช้เวลาราว 1 เดือนจึงไม่ทันการที่จะป้องกันความสูญเสียหรือความเสียหายได้ แต่การออกมาตำหนิกองทัพภาคที่2 ว่าทำเรื่องไม่เหมาะสมนั้น ตนมองว่า นายรังสิมันต์ มองเรื่องนี้ด้วยใจคับแคบมีอคติ ทั้งที่ควรจะมองถึงความปลอดภัยในชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร การออกมาตำหนิลักษณะนี้ถือว่าไม่สร้างสรรค์ แต่กลับกันเมื่อมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่พรรคประชาชนของนายรังสิมันต์ได้ขับเคลื่อนมาตลอดนั้น พบว่ามีการเปิดระบบรับบริจาคเงินจากประชาชนแบบรายเดือนเพื่อนำไปจัดกิจกรรมพรรคอยู่เป็นระยะ ทั้งที่ก็มีงบประมาณจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่แล้ว จึงขอตั้งคำถามย้อนไปถึงนายรังสิมันต์ ว่าการขอรับบริจาคจากพี่น้องประชาชนในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้วหรือไม่
ทั้งนี้ขอขอบคุณพี่น้องคนไทยทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ที่ให้การสนับสนุนกองทัพภาคที่ 2 ในการป้องกันอธิปไตยของไทยมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและเหมาะสมอย่างยิ่งที่คนไทยเราทุกคนจะลุกขึ้นร่วมแรงร่วมใจสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกับกองทัพ สิ่งไหนที่สามารถร่วมด้วยช่วยกันได้ เราก็พร้อมยินดีสนับสนุน ส่งเสริมให้กองทัพได้ปฎิบัติหน้าที่ปกป้องพื้นแผ่นดินไทยอย่างเต็มกำลัง ซึ่งตนในฐานะสส.ขอเป็นอีกแรงสนับสนุนให้มีการปรับยุทธวิธีใช้อาวุธยุทโธปกรณ์และนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาใช้แทนการเดินลาดตระเวนซึ่งมีความเสี่ยงสูงของเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนจุดไหนที่จะต้องมีการเดินลาดตระเวนก็ควรจะมีอุปกรณ์เคลียร์พื้นที่ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีทุ่นระเบิด จึงขอฝากให้รัฐบาลสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
“กรณีนี้ถือเป็นกรณีสถานการณ์ฉุกเฉิน รัฐบาลเอง ควรมีส่วนเร่งช่วยหาช่องทางลดขั้นตอนการจัดซื้อที่ใช้เวลานานลง และแก้ปัญหาให้กับกองทัพภาคที่ 2 เป็นการเร่งด่วน เพราะแม่ทัพภาคที่ 2 เล็งเห็นความสำคัญของชีวิตกำลังพลทุกนายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียอีกต่อไป ถือว่าเหมาะสมแล้ว ไม่ควรที่จะมีบางพรรคการเมืองออกมาตำหนิ เพราะสิ่งที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ทำ ไม่ได้ขอรับบริจาคเพื่อตัวเอง แต่เป็นการทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ”นายธนกร ย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เด็จพี่' โผล่หยัน 'ปชน.' ไม่กล้าซักฟอก 'อนุทิน' กลัว 'ยุบสภา' ทำแก้รัฐธรรมนูญค้างเติ่ง
‘พร้อมพงศ์’ อัด ปชน. ตรรกกะย้อนแย้ง จี้ ‘อนุทิน’ ปลดรัฐมนตรีทุนเทา ไม่ได้ผล สอนมวย ยื่นอภิปรายใช้เสียงสภาฯ เกินครึ่งโหวตคว่ำ ปลดได้แน่ ผิดหวังห่วงเรื่องแก้รธน. มากกว่า ซักฟอกในสภาฯ ชี้ ทำแฟนคลับผิดหวัง เตรียมโดนลงโทษวันเลือกตั้ง
ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้
"เต้ ทวิวงศ์" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568

