"ภูมิธรรม" ตั้งข้อสังเกต ปมเขากระโดง พลิกได้อย่างไรหลังศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาแล้ว ซัด “ปชน.” ยื่นดาบให้ “ภท.“ มีอำนาจล้นฟ้า ”คุมสภา-ฝ่ายบริหาร“ ปูด ”อนุทิน“ โทรหาผู้ใหญ่ในดีเอสไอ-มท.-คมนาคม มอง ยังไม่ทันตั้งรัฐบาลเสร็จเรื่องต่างๆจะกลับสู่สภาพปกติ
18 กันยายน 2568 - เมื่อเวลา 10.15 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกรมที่ดินแถลงข่าวยุติการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงว่า ไม่น่าแปลกใจ ตอนนี้นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครใหญ่กว่าแล้ว ถ้ากล้าจะทำอะไรแบบนี้ต้องคิดให้ดีๆ ซึ่งประเด็นเขากระโดง ถ้าเปรียบเทียบกับกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต สส.ราชบุรี ที่เป็นที่ดินของหลวงในการจัดสรรให้ราษฎรครอบครอง แต่เขากระโดงเป็นที่ดินพระราชทาน หัวใจของเรื่องนี้คือที่ดินพระราชทานของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 และมีการออกกฤษฎีกาในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้
เมื่อจุดเริ่มต้นเป็นแบบนี้ เป็นที่ดินพระราชทาน ที่เป็นของหลวงโดยแท้ไม่อาจเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้นการที่จะไปได้ที่ดินมาจากไหนก็ต้องไปพิสูจน์ตัวเองมาว่าได้มาโดยชอบธรรม ซึ่งมันชอบไม่ได้ มันไม่มีทางได้โดยชอบ การครอบครองที่ดินแปลงนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ไปเช่าซื้อ หรืออะไรต่างๆ แต่อยู่ๆเรื่องนี้มาแปรสภาพเป็นแบบนี้ คนที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ไม่ว่าเป็นใครก็ตามต้องตัดสินใจและต้องดูเจตนาให้ดี ถึงอย่างไรก็ตามไม่อาจลบล้างการเป็นที่ดินของพระเจ้าอยู่หัว หรือที่ดินพระราชทานได้
หลักฐานทั้งหมด นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ และยืนยันทั้งสองฝ่าย ทั้งการรถไฟยืนยันว่าเป็นที่ดินของตน และไปรังวัดเรียบร้อยแล้ว ปี 2567 ตั้งแต่ปี 2567 หลังเกิดเรื่อง ส่วนกรณีของกรมที่ดินก็มีการรังวัดเรียบร้อยเมื่อปี 2567 เช่นกัน และแผนที่ที่ออกมาก็มีการรับรองทั้งสองฝ่าย และที่ดินตรงกัน แต่ยังมีส่วนที่ผิดพลาดอยู่บ้าง คือบริเวณโดยรอบ แต่ที่ดินเขากระโดงที่เป็นปัญหาอยู่ใจกลางแผนที่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพรรคประชาชน เพราะตอนที่ไปตกลงจะร่วมรัฐบาล ตนได้หยิบเรื่องเขากระโดงและฮั้วสว. เข้าไปพูดคุย แต่ก็รู้สึกแปลกใจ ทำไมเรื่องนี้นำไปพูดคุยแล้วเป็นปัญหา ซึ่งพรรคประชาชนมองว่ากระบวนการยุติธรรมมีอยู่แล้ว ทำไมเราต้องหยิบเรื่องนี้ขึ้นมา แสดงว่าอาจจะมองให้ความสำคัญไม่เหมือนกัน ตนให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะที่ดินกว่า 5,000 ไร่กับเรื่องคดีฮั้วสว. ไปกระทบกระเทือน และมีปัญหากับสถาบันรัฐสภา แต่พรรคประชาชนก็ไม่ได้รับทั้งสองเรื่อง แต่เรื่องนี้ก็เริ่มชัดแจ้ง
เรื่องฮั้วสว. รวมถึงเรื่องการใช้ถนนสาธารณะเป็นทางขึ้น–ลงสำหรับอากาศยาน ซึ่งเป็นถนนหลวง ทั้ง 3 เรื่อง เกิดพร้อมกันหมดก็ต้องถามว่าเรื่อง MOA ของพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนที่เละไปหมดแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งตนแปลกใจตั้งแต่แรกแล้วว่า พรรคประชาชนมีคะแนนเสียงสูงสุด สามารถจับมือกับเขาตั้งรัฐบาลได้ และสามารถทำให้ตัวเองเข้าไปควบคุมได้ น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่อยากทำกระทรวงการคลัง นี่ไงเข้าไปได้เลย
เรื่องที่จะเพิ่มค่าแรงให้ประชาชนก็เข้าไปคุมกระทรวงแรงงานได้ ทำไมถึงไม่ทำ หรือคิดว่าตัวเองทำไม่ไหว หรือไม่สามารถ เพราะไม่ เคยทำมาก่อน ในเมื่ออยากทำก็ควรจะเข้าไป ซึ่งการไม่เข้าไปเป็นการยื่นดาบทั้งหมดให้กับพรรคภูมิใจไทย ดังนั้นสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ได้เตือนกันไปแล้วว่า พรรคประชาชนจะต้องรับผิดชอบในสิ่งเหล่านี้ เพราะยังไม่ทันตั้งรัฐบาลเสร็จเลย เรื่องต่างๆก็ถูกกลับมาเป็นประเด็น และกำลังจะกลับสู่สภาพปกติ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว มีกรรมการเข้าไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และให้ทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยกัน ถ้าไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นสิ้นเดือนกันยายนนี้ตนจะเพิกถอนอย่างแน่นอน แต่เมื่อเป็นแบบนี้ก็ต้องฝากให้นายอนุทิน ซึ่งเป็นนายกฯ ของประเทศไทย กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้าน เมื่อจับมือกันแล้วน่าจะคุมทุกอย่างได้ แก้ไขในสิ่งที่ผิดให้เป็นถูก ทำสิ่งที่ผิดปกติใช้อำนาจเกินขอบเขต ไปทำให้ถูกต้องไม่เช่นนั้นพรรคประชาชนจะตอบประชาชนทั้งประเทศไม่ได้ เพราะ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปรู้สึกอยู่แล้ว
เขากระโดงเมื่อไปทำโพลก็มีความเห็นทะลุ 80-90% ว่าจะต้องเอาคืนให้กับหลวง รวมถึงเรื่องสว. ที่จี้ให้ทำให้ได้ เพราะไปกระทบกระเทือนกับสถาบันชาติ และทำให้บางพรรคการเมืองมีอำนาจล้นฟ้าคุมได้หมด ทั้งสภา และฝ่ายบริหาร เรื่องนี้ต้องกลับไปถามพรรคประชาชน และนายอนุทินแม้ไม่ได้นั่งแถลงข่าว แต่การที่มีข่าวว่าโทรศัพท์หาผู้ใหญ่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมถึงโทรศัพท์หากระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ซึ่งคุมการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟม.) ต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องของพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยต้องแก้ปัญหา
เมื่อถามว่า ส่วนที่มีการอ้างอิงต้องรอคำสั่งศาลปกครองกลาง แต่ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดได้พิพากษาเรื่องนี้ไปแล้วนั้น นายภูมิธรรม ถามกลับว่า เรื่องนี้ไม่ต้องถามตน เพราะตนก็สงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อศาลตัดสินแล้วมาพลิกได้อย่างไร ที่ตนเข้าไปเจอคือยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างครบถ้วน จึงพยายามเข้าไปทำให้ครบถ้วน
ดังนั้นต้องไปถามคนที่เกี่ยวข้อง พรรคประชาชนที่ยื่นดาบให้เขาไปแล้วบอกว่าจะคุมได้นั้น ตกลงเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล รวมถึงทางพรรคภูมิใจไทย 4 เดือนที่เข้ามาบอกว่าจะแก้ไขเรื่องรัฐธรรมนูญยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน มีแต่จัดการเรื่องตัวเองทั้งหมด นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้เห็น และพยายามบอกเสนอแล้วแต่ไม่ยอมรับกัน ซึ่งตนสงสัยว่าทำไมไม่รับ แต่เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น และจัดตั้งรัฐบาลแทนก็ต้องถามว่าทำไมจึงมีใจผูกพันกับพรรคภูมิใจไทยมากขนาดนั้น หรือได้อะไรตอบแทนมาหรือไม่ต้องไปเช็กดู
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
‘อนุทิน’ เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง ข้าราชการการเมือง 1 ราย
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๔๔๕/๒๕๖๘ เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ! 'ภท.-พท.' โต้เดือดพัวพัน 'เบน สมิธ'
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กรณีเบน สมิธ : ภูมิใจไทย-เพื่อไทย หยิกเล็บเจ็บเนื้อ
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา
"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย
โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ
โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ


