'อภิสิทธิ์' เร่งทำนโยบาย-คัดตัวผู้สมัคร ฝาก 'นายกฯหนู' รุกแก้ชายแดน

‘อภิสิทธิ์’ เร่งทำงานแข่งกับเวลา ลุยทำนโยบาย-คัดตัวผู้สมัคร รับบางคนขอไม่อยู่ต่อ ชี้ปมทำประชามติยกเลิก ‘MOU 43-44’ ยังมีข้อกังวลเยอะ ฝากบอก ‘นายกฯ’ ไปแล้ว ควรทํางานเชิงรุกมากขึ้น

20 ต.ค. 2568 – ที่ทําการพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคนัดแรกว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่คณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งได้รับเลือกเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มาพบปะกัน แต่เราต้องรอการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน เพื่อที่จะสามารถทําอะไรที่เป็นทางการได้ แต่มีการปรึกษาหารือกันแล้ว เนื่องจากทราบดีว่าเวลามันน้อยมาก

สําหรับเรื่องหลักที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ คือ 1.นโยบาย เพราะสิ่งที่สําคัญที่สุดในการทํางานของคณะกรรมการชุดนี้คือ ต้องสร้างความหวังให้กับประชาชนให้ได้ ซึ่งเรายืนยันว่ามีสิ่งดีๆ และความคิดดีๆ มากมาย วันนี้ประเทศไทยจะยังทําไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต เศรษฐกิจไทยติดหล่มมานานแล้ว เพราะฉะนั้น แนวคิดที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโต ซึ่งจะเกี่ยวพันไปถึงการยกเครื่องภาคการเกษตร การทําให้เศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว หรือเศรษฐกิจดิจิทัล ลดความเหลื่อมล้ํา ลดการผูกขาด จะเป็นเรื่องที่เราเร่งผลักดัน โดยได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาให้ความคิดเห็นกับเรา ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ซึ่งมีการตั้งโจทย์ไปแล้วว่า ประเทศไทยต้องการอะไรจากพรรคการเมือง ซึ่งกระบวนการดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นผู้รับผิดชอบ

2.การเตรียมตัวผู้สมัคร ซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูง และต้องทํางานแข่งขันกับเวลา โดยพรรคประชาธิปัตย์จะเคร่งครัดเรื่องการทําตามกฎระเบียบ และข้อกฎหมายเกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัคร ดังนั้น ในวันนี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าคณะกรรมการสรรหา ที่จะต้องมีการประชุมเลือกประธาน ทํางานกับรองภาค และบรรดาสาขาตัวแทนจังหวัดของพรรคทันที

“เรียนตามตรงว่า ผมใช้เวลาในช่วงประมาณ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พูดคุยกับบุคลากรของพรรคเยอะ มี สส. หลายท่านที่ให้การสนับสนุนผมเมื่อวันเสาร์ พูดกับผมมาก่อนวันเสาร์แล้ว ว่าท่านอาจจะไม่ได้ร่วมงานกับผมต่อ ซึ่งผมก็เข้าใจข้อเท็จจริงทางการเมือง เพียงแต่เราก็ต้องพยายามให้ดีที่สุด เพราะเมื่อมาตั้งต้นกันใหม่วันนี้ ก็พยายามที่จะพูดคุย และเราพยายามอยากจะรักษาบุคลากรทางการเมืองของเราทุกคน แต่ธรรมชาติของการเมือง เมื่อมีการไปพูดคุย หรือเจรจาอะไรกัน ผมเข้าใจได้ เพราะผมก็ทํางานการเมืองแบบสุภาพบุรุษ เข้าใจดีว่าบางทีใครไปตกลงอะไรไว้ เราเห็นใจ เข้าใจเขา” นายอภิสิทธิ์ ระบุ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราคิดเพียงอย่างเดียวว่าเราจะนําเสนอทางเลือกให้กับประชาชนทั้งนโยบายและบุคลากรให้ดีที่สุด ท่ามกลางข้อจํากัดทางด้านเวลา อย่างไรก็ตาม ยังมีการมอบหมายงานด้านต่างๆ ไปด้วย รวมถึงบุคลากรที่เรามีการทาบทามไปนั้น ไม่ใช่เพียงแค่ด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องมิติสังคม สิ่งแวดล้อม ความเป็นธรรม หรือแม้กระทั่งเรื่องการเมือง เช่น สิ่งที่ฉุดรั้งบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก ก็เพราะเรามีการคอร์รัปชั่นมาก ซึ่งทําให้มีกฎเกณฑ์มากตามมา จนธุรกิจเดินไม่ได้ สิ่งเหล่านี้จะต้องเป็นสิ่งที่ร้อยเรียงกันทั้งหมด เศรษฐกิจไทยจะโตไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถเพิ่มพูนทักษะให้กับคน ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลก เศรษฐกิจจะโตได้ การเมืองก็ต้องดี การศึกษาก็ต้องดี รวมถึงมิติอื่น ๆ ด้วย

เมื่อถามว่า การกลับมาครั้งนี้ ถือว่าเป็นการให้ความหวังใหม่กับประชาชน ในการตัวเลือกใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นั่นคือหน้าที่ของพรรคการเมืองอยู่แล้ว เพราะเหตุผลหนึ่งที่ได้กล่าวไปแล้ว คือรู้สึกเสียดายว่า ในช่วงหลังนักการเมืองเหมือนอยู่กันคนละโลกกับประชาชน เพราะข่าวการเมืองที่เราเห็นทุกวันนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับประชาชน ตนต้องการทําให้การเมืองเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาให้กับประชาชนจริงๆ และอยากขอความร่วมมือให้มาคุยกันเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาจริงๆ นั่นคือหน้าที่ของการเมือง ไม่ใช่เรื่องการมาเล่นเกมต่อรอง แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน

เมื่อถามถึงนโยบายด้านความมั่นคง โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีการวางแนวทางไว้อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางกองทัพปฏิบัติภารกิจได้ดี และได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ซึ่งการเมืองก็ควรให้การสนับสนุนด้วย ในการปฏิบัติภารกิจ แต่ปัญหาชายแดนและความมั่นคงนั้น แก้โดยกองทัพไม่ได้ ต้องแก้ควบคู่ไปกับเรื่องการทูต และนโยบายการต่างประเทศ รวมถึงการสร้างความเข้าใจที่ดี สิ่งที่เรากังวลคือ ทิศทางของรัฐบาลในขณะนี้ยังขาดความชัดเจน เนื่องจากนําเรื่องข้อตกลงไปผูกกับการจัดทําประชามติ เรายังอยากเห็นการทํางานในเชิงรุก

“หลายท่านคนจําได้ว่า มีภาพผมไปรับประทานอาหารกับท่านนายกฯ ผมว่าท่านคงไม่ว่าอะไร คงเล่าได้ ซึ่งผมฝากท่านไว้ว่า ระมัดระวังนะ กัมพูชาใช้ทุกเวทีระหว่างประเทศ เราอย่าตั้งรับอย่างเดียว เราต้องทําเชิงรุกมากขึ้น ที่ผ่านมา จะเห็นว่ากัมพูชามีรูปแบบการรุกในทางต่างประเทศมาก ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ไปแก้ไขในช่วงการประชุมสหประชาชาติได้ดี ดังนั้น เราต้องรุกบ้าง เพราะการรุกจะทําให้กองทัพทํางานได้ง่ายขึ้น ถ้าตั้งรับอย่างเดียว กองทัพจะติดเงื่อนไขว่า ถ้าเกิดทางการต่างประเทศเข้ามากดดันแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ได้ฝากเรื่องนี้เอาไว้กับท่านนายกฯ ไปแล้ว อยากจะเดินหน้าในการทําให้ประเทศไทย มาทําเรื่องการทูตเชิงรุก เราต้องรับมานานด้วยเหตุว่า เป็นรัฐบาลรัฐประหารบ้าง อยากจะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์บ้าง แต่จริงๆ ดีที่สุด คือการทํางานเชิงรุก เพราะสถานะของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก เราสามารถมีบทบาทได้มากกว่าที่เป็นอยู่” นายอภิสิทธิ์ ระบุ

ส่วนกรณีการทําประชามติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว ส่วนตัวมองว่ามีข้อกังวลเยอะ การให้ข้อมูลแบบนี้ ก็เป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะทําความเข้าใจในเชิงประเด็น และการให้ข้อมูลแบบนี้ กลายเป็นว่าเราอยากให้ข้อมูลช่วยประชาชนตัดสินใจ ซึ่งกัมพูชาจะรู้พร้อมกับเรา ซึ่งจะเป็นปัญหาและอุปสรรคอยู่ อย่างไรก็ตาม ถ้ารัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าในเรื่องนี้ สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลก็ต้องทําให้ชัดเจนด้วย คือหากจะยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ โดยการตัดสินจากประชาชนหรืออะไรก็แล้วแต่ ทางเลือกคืออะไร ในกรณีที่ไม่มี MOU ยังไม่ได้ยินว่ารัฐบาลให้ทางเลือกนี้ ซึ่งคิดว่าจะเป็นธรรมกับสังคมและประชาชน หากจะมีการทําประชามติ ไม่เพียงแต่แค่ยกเลิก แต่ต้องรู้ว่าถ้ายกเลิกแล้วจะเดินแบบไหนอย่างไร ประชาชนจะได้ตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้นว่า ควรจะเดินในรูปแบบใหม่ หรือใช้ข้อตกลงเดิม

ผู้สื่อข่าวถามถึงการตั้งเป้าจํานวน สส. ที่คาดหมายไว้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็อยากให้ได้มากที่สุด ส่วนได้โฟกัสพื้นที่ไหนเป็นพิเศษหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์เป็นของคนทั้งประเทศ ส่วนจะส่งลงทุกเขตหรือไม่นั้น จะดูตามความเป็นจริง เพราะเราทํางานแข่งขันกับเวลา และยังมีเพื่อน สส. หลายคนมากระซิบว่าอาจจะไม่ได้ทํางานร่วมกันต่อ จึงทําให้ต้องเร่งอุดช่องว่างในพื้นที่ต่างๆ

เมื่อถามว่า มีบางคนในพรรคลังเลไม่ตัดสินใจนั้น นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า ใครครับ พร้อมหัวเราะก่อนกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ได้บอกกับทุกคนไปว่า ตนเห็นคุณค่าของบุคลากรทุกคน ใครที่ร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์มา ยินดีที่จะทํางานด้วยต่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับเขา ซึ่งจะพิจารณาว่า แนวทางที่ตนทํา และสิ่งที่เขาตั้งใจ จะสอดคล้องกันทั้งหมดหรือไม่อย่างไร เคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน

เมื่อถามถึงรายชื่อ สส. คนที่ให้คํามั่นสัญญาว่าจะยังอยู่ หรือไปหมดเลย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่หมด ส่วน สส.ตรังนั้น มีการพูดคุยกันตลอด เพราะในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พยายามพูดคุยกับ สส.ทุกคน แต่เนื่องด้วยการที่ตนไม่ได้อยู่ในการเมืองมาระยะหนึ่งแล้ว คงไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด เพียงแต่บอกถึงความตั้งใจ และอยากให้เขาเข้าใจว่า สิ่งที่ตนพยายามกลับเข้ามาทํา มันคืออะไร ถ้าคิดว่าเป็นสิ่งที่เขาอยากมาสนับสนุน ก็ชวนให้เขาอยู่ต่อ หลายท่านอย่างที่บอกว่า มีการใช้คําว่า มีการพูดคุยกันลึกไปแล้ว อะไรทํานองนั้น ซึ่งก็มีอยู่หลายคนเราต้องยอมรับว่าเกิดก่อนการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ผ่านมา

สําหรับกรณีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นรองหัวหน้าพรรค ขณะที่นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ พูดชัดเจนว่า มีความขัดแย้งกันในพื้นที่ หากนายสาทิตย์ยังอยุ่ นายสมชายก็ยากที่จะอยู่กับพรรค ถือว่าชัดเจนว่า สส.ตรัง ไปแล้วใช่หรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ยินอย่างนั้น แต่มีการพูดคุยกับนายสาทิตย์ว่า การที่บอกว่ามีคนนั้นไม่มีคนนี้ เหตุมันคืออะไร ตนทําได้แค่เพียงบอกว่า ตนมาสลายเหตุนั้นก็แล้วกัน ก็ดูสิว่าจะไปด้วยกันได้หรือไม่ ย้ําว่าต้องการรักษาทุกคน แต่ก็เข้าใจถ้าเขาจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามถึงกรรมการบริหารพรรค ซึ่งที่ผ่านมามีการข้ามขั้วขนาดไปอยู่ในรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย มองว่าทิศทางของพรรคข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรารอดูท่าทีจุดยืนการกระทําของแต่ละพรรคก่อนดีกว่าหรือไม่ ถ้าทั้งหมดทั้งหลายทั้งปวง ตนคิดว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ตนยึดถือเรื่องอุดมการณ์ และสัจจะเป็นสําคัญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ สั่งตั้ง 'กองบัญชาการปภ.แห่งชาติส่วนหน้า' ลดความรุนแรงน้ำท่วมใต้เหลือระดับ​ 3

นายก​ฯ ขอบคุณ​ทุกภาคส่วน​ร่วมแก้ปัญหาน้ำท่วมใต้​ บอกความทุ่มเททราบถึงพระเนตร​พระกรรณ ขอกรมโยธาฯเร่งสำรวจความเสียหายบ้านเรือนเยียวยาไม่ใช่รายหัว​ พร้อมกำชับ​ สธ.​ ดูแลสุภาพจิต -​โรคติดต่อ​ สั่ง​ ตั้งกองบัญชาการและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า หลังลดระดับความรุนแรงเหลือระดับ​ 3 มอบ ‘ศักดิ์ดา’ บัญชาการพื้นที่

ดร.สุวิทย์ ชี้ไทยกำลังติดเชื้อ 'ไวรัสโกงกินทั้งระบบ' ถ้าไม่รักษาอาจไม่มีรัฐของ ปชช.เหลือต่อไป

อดีตรมว.อว. บอกประเทศไทยจะรอดหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักการเมือง แต่ขึ้นอยู่กับว่า ประชาชนจะเลือก รัฐที่เป็นของประชาชน หรือ รัฐที่ถูกยึดโดยผลประโยชน์สีเทา

นายกฯ ปฏิเสธตอบปมนายก อบจ.สงขลาด้อยค่า อส.-คนไทยบาดเจ็บสู้รบเมียนมา

นายกฯปฎิเสธให้สัมภาษณ์กรณี นายก อบจ.หาดใหญ่ กล่าวด้อยค่า อส. และกรณีคนไทยในแม่สอดบาดเจ็บจากการสู้รบในเมียนมา

ส้มขีดเส้นโหวตก่อนปีใหม่!

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

‘ลุงป้อม’ ส่งขุนศึกเหนือ ‘สุรเดช’ เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่

'ลุงป้อม'ลั่นกลองรบ ส่งขุนศึกทัพเหนือ 'สุรเดช ยะสวัสดิ์' เปิดตัว 3 ว่าที่ผู้สมัครเชียงใหม่ เผยเป็นอดีตสส. 9 สมัย-อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ประสบการณ์เพียบ ทำคุณประโยชน์ให้ชาวเชียงใหม่มากมาย

'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน

'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.