‘พิชัย’ ร่ายยาวซัด ‘บิ๊กตู่’ มั่วแก้ปัญหา ศก. โชว์เหนือให้ไปอ่านที่เคยเตือน 4 สัญญาณอันตราย

รองประธานยุทศาสตร์ด้าน ศก. พรรคเพื่อไทย ซัด ประยุทธ์ ขาดความรู้เศรษฐกิจ แนะรับมือ 4 สัญญาณอันตราย ซัดซีกรัฐบาลขัดแย้งสูง ซักฟอกรอดยาก

7 มี.ค.2565-นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ว่า ได้เตือนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ถึงปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวได้ต่ำและจะไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐบาลขายฝัน แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับไม่ฟัง ยังกล้าบอกว่าพอใจทั้งที่ล้มเหลวกับเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ทั้งที่ขยายได้ต่ำมากเพียง 1.6% จากที่ทรุดหนักติดลบตกลงมา -6.2% ในปี 2563 แถมยังอ้างว่าเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งเพราะมีทุนสำรองระหว่างประเทศมาก ทั้งที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยสูงมาตั้งแต่ก่อนพลเอกประยุทธ์เข้ามาแล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถทำเศรษฐกิจไทยให้ดีได้

“การอ้างมั่วลักษณะนี้แสดงถึงการขาดความรู้ความเข้าใจในสภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และน่าเป็นห่วงว่าอาจจะเป็นความพยายามที่จะให้ข้อมูลที่บิดเบือนกับประชาชนแต่กลับหลงเชื่อเอง ถึงขนาดที่กล้านำโพลที่ไม่น่าเชื่อถือมาอ้างมั่วเพื่ออวยตนเองว่าประชาชนพอใจทั้งที่คนกำลังลำบากกันอย่างมาก ซึ่งจะทำให้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ และจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาให้มากขึ้นเพราะความไม่รู้“

รองปธ.ยุทธศาสตร์ ด้านศก. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้กลับไปทบทวนและศึกษา 4 สัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจนี้ ที่ตนได้เคยเตือนไว้แล้ว และได้ขยายผลรุนแรงและรวดเร็วในเวลาไม่นาน และจะมีผลกระทบรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากไม่มีแนวทางที่เหมาะสมในการรับมือ ดังนี้ 1. ราคาน้ำมันได้พุ่งขึ้นทะลุ 130$ ต่อบาเรล และยังมีแนวโน้มที่จะพุ่งสูงขึ้นอีก จากสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครน ตามที่ตนได้เตือนมาตลอด แต่นายสุพัฒนพงษ์ รองนายกฯ และ รมว. พลังงาน ทั้งที่เคยทำงานบริษัทพลังงานกลับบอกว่าราคาจะไม่ขึ้นไปกว่านี้ ตอนที่ราคาอยู่ที่ 80$ -90$ ต่อบาเรล จึงไม่ได้มีการเตรียมการรับมือ ซึ่งราคาน้ำมันที่สูงจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า และ ค่าใช้จ่ายของประชาชนอย่างมาก เพราะน้ำมันเป็นต้นทุนของสินค้าแทบทุกชนิด ดังนั้น พลเอกประยุทธ์จะมีแนวทางรับมือกับราคาน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างไร

2. ราคาสินค้าพุ่งขึ้นสูง เงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์พุ่งขึ้นถึง 5.28% หลังจากที่เงินเฟ้อเดือนมกราคมขึ้นไป 3.23% และยังมีแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะสูงเพิ่มขึ้นอีกตามที่ตนได้เตือนไว้แต่แรกแล้วว่าเงินเฟ้อของไทยเพิ่งจะเริ่มต้น (ปีที่แล้วประเทศไทยมีอัตราเงินเฟ้อทั้งปีเพียง 1.23%) อัตราเงินเฟ้อของไทยที่สูงขึ้นมากสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และ ภาวะเงินเฟ้อของไทยจะขึ้นไปตามอัตราเงินเฟ้อของโลกที่สูงขึ้นมากตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะเศรษฐกิจไทยเป็นเศรษฐกิจเล็กและเป็นเศรษฐกิจเปิดจึงหลีกเลี่ยงภาวะเงินเฟ้อจากต่างประเทศได้ยาก แต่คนไทยรายได้ไม่ได้เพิ่มแถมยังลดลงเพราะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ไม่เหมือนคนในต่างประเทศส่วนใหญ่ที่เศรษฐกิจประเทศเขาฟื้นแล้ว พลเอกประยุทธ์จะรับมือกับราคาสินค้าที่แพงแม้กระทั่งไข่ก็ราคาพุ่งอย่างไร เพื่อไม่ให้คนไทยลำบากไปมากกว่านี้

3. อัตราดอกเบี้ยกำลังจะปรับเพิ่มขึ้น จากล่าสุดที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางของสหรัฐออกมาประกาศว่าการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะเป็นไปตามกำหนดการเดิมคือน่าจะขึ้น 0.5% ภายในเดือนนี้ และน่าจะต้องขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายหนภายในปีนี้ ซึ่งประเทศไทยอาจต้องถูกบังคับให้ขึ้นดอกเบี้ยตาม มิเช่นนั้นเงินทุนต่างประเทศอาจจะไหลออกได้ แล้วพลเอกประยุทธ์จะรับมือกับเรื่องดอกเบี้ยที่จะขึ้นนี้ได้อย่างไร ในขณะที่แนวโน้มของหนี้เสียทั้งในภาคธุรกิจและในภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นอีกมาก

4. ไทยขาดดุลการค้าในเดือนมกราคมเป็นจำนวนเงินถึง 2,526.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ จ่ายเงินเพื่อการนำเข้ามากกว่าได้เงินจากการส่งออก  สาเหตุหลักมาจากการต้องนำเข้าน้ำมันในราคาที่สูงมาก แม้การส่งออกของไทยในเดิอนมกราคมจะขยายได้ถึง 8%  ซึ่งตอกย้ำว่าในอดีตตลอด 7 ปี พลเอกประยุทธ์ไม่สามารถสร้างประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ถูกในการพัฒนาประเทศได้เลย และหากราคาน้ำมันยังขึ้นไปอีก และหากการท่องเที่ยวของไทยยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร ประเทศไทยจะประสพปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด  พร้อมการขาดดุลทางการคลังที่ขาดดุลมากอยู่แล้ว และยังจะมีปัญหาการเก็บรายได้ที่จะต่ำกว่าประมาณการมากจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาซ้ำเติมอีก ซ้ำเติมด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นมากในการรักษาพยาบาลประชาชนที่ติดไวรัสโควิดกันเป็นจำนวนมากตามที่ได้เคยเตือนล่วงหน้า

“เป็น 4 สัญญาณอันตรายทางเศรษฐกิจที่มาพร้อมกันและมาเร็วกว่าที่คาดไว้ อีกทั้งผลกระทบจากสงครามรัสเซียยูเครนที่น่าจะยืดเยื้อจะส่งผลกระทบถึงเศรษฐกิจไทยอีกหลายด้านเป็นเวลาอีกนาน ซึ่งหากพลเอกประยุทธ์ยังคิดได้แค่จะแก้ตัว แทนที่จะหาทางแก้ไขและรับมือ เช่น ควรจะต้องตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นของรัฐทั้งหมดออก แล้วนำเงินมาช่วยค่าครองชีพของประชาชนก่อน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้วางแผนไว้แล้ว หรือ อาจจะมัวยุ่งแต่ว่าตนเองจะรอดผ่านการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 ของฝ่ายค้านในเดือนพฤษภาคมนี้หรือไม่ ซึ่งกว่าจะถึงเดือนพฤษภาคม ความขัดแยังในฝั่งรัฐบาล และปัญหาเศรษฐกิจจะถาโถมเข้าสู่พลเอกประยุทธ์เพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก โอกาสรอดคงเป็นไปได้ยาก และถึงรอดในสภาก็ไม่รอดจากประชาชนที่กำลังเดือดร้อนกันอย่างหนัก พลเอกประยุทธ์น่าจะสำนึกเองได้แล้วว่าพลเอกประยุทธ์เข้ามารับทำงานในตำแหน่งที่เกินความรู้ความสามารถของตนเองที่มี การบริหารประเทศไม่ได้ง่ายอย่างที่เคยคุยโวไว้ และหากรักประเทศและประชาชนจริงตามที่เคยพูดไว้ ก็ต้องเลิกยึดติดและออกไปได้แล้ว”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล

การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า

เพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร คนรุ่นใหม่เพียบ ดึงคนใกล้ชิดมดดำ เสริมทีมเลือกตั้ง

เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่เพี๊ยบ น้องชาย-คนสนิท มดดำ / มดเล็ก-รวีภัทร์ อดีต สส.กอล์ฟ กาญจนบุรี จั๋ง พงศ์ศรัณย์ อดีตรองเลขาธิการนายกฯ

พท. ตีปี๊บ! 'ยศชนัน' เรตติ้งพุ่ง นำทัพ กทม. สมัคร 27 ธ.ค.

'ประเสริฐ' เชื่อ 'ยศชนัน' ดึงคะแนนคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครได้ เตรียมเปิดตัว สส. ทั้ง 500 คน 25 ธ.ค. เคลียร์ปม 'จาตุรนต์' ลาออกปธ.ยุทธศาสตร์

ดักคอ 'เพื่อไทย' ปั่นกระแส 'ดร.เชน' หวังสกัดเลือดไหล เชื่อไร้ผลก่อนวันสมัครเลือกตั้งไปอีก

เทพไท ชี้การปั่นกระแสของดร.ยศชนัน ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ก็เพื่อต้องการที่หยุดกระแสเลือดไหลออกจากพรรคเพื่อไทย